เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 430 ฉันเต็มใจ
บทที่ 430 ฉันเต็มใจ
บทที่ 430 ฉันเต็มใจ
ท่าทางของเสี่ยวหยวนทำเสี่ยวลิ่วทนไม่ไหว พี่ชายคนอื่น ๆ ไม่หยุด และเขาโตสุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เขาจะต้องปกป้องน้องเล็กอยู่แล้ว
สิ่งที่น้องสาวของเขาทำไปก็เพื่อคุณปู่ต่งทั้งนั้น แล้วทำไมบอดีการ์ดตัวกระจ้อยข้างกายปู่ถึงไม่คิดเรื่องการเสียสละของน้องเขาเลย ทำไมต้องเรื่องเยอะด้วย?
“เสี่ยวเถียนบอกว่าจะจ่ายยาบรรเทาอาการเจ็บปวด อาการมันจะได้บรรเทาลงไง!” เสี่ยวลิ่วพูดจาห้วน ๆ
เสี่ยวเถียนก็เคยทำให้บ้านเราเหมือนกัน ยังไม่เห็นมันจะรักษาไม่ได้เลย
เสี่ยวลิ่วมั่นใจเป็นอย่างมาก
เพราะตอนอยู่บ้านเกิด เสี่ยวเถียนทำยาอยู่หลายครั้ง แถมยังจัดการปัญหาได้อย่างดี
“เพราะคุณไม่รู้สินะว่าตอนที่พวกเราอยู่ในชุมชนการผลิตหงซิน ยาของเสี่ยวเถียนช่วยใครไว้ได้หลายคนเลยน่ะ?”
“คุณปู่หลี่บอกเองว่ายาของเสี่ยวเถียนดีที่สุด!”
พอมีคนเริ่ม คนอื่น ๆ ก็แย่งกันพูด บางทีถ้าเด็ก ๆ ไม่พูด เสี่ยวหยวนก็คงไม่พูดเยอะหรอก
แต่กลายเป็นว่าพอเอ่ยปากแล้ว ยังท่าทางไม่สุภาพด้วย
เสี่ยวหยวนก็เพิ่งอายุไม่กี่สิบปี เป็นเด็กหนุ่มหัวแข็ง
โดนเด็กบ้านซูไล่ต้อนแบบนี้ สีหน้าพลันไม่ดีทันที
“แล้วฉันพูดอะไรผิด? เป็นแค่ยัยเด็กคนหนึ่งแท้ ๆ รู้เรื่องแพทย์งั้นหรือ? เหอะ แถมยังจ่ายยาได้ด้วย?”
“ยาที่จ่ายให้ ช่วยได้ก็โชคดีไป เพราะพวกแกจะได้เปลี่ยนจากไก่บ้านเป็นคนสำคัญไง”
“รู้ไหมว่าคนตรงหน้าพวกแกเป็นใคร ยังจะกล้าพูดมากอีกว่าจะรักษาหัวหน้าน่ะ!”
เสี่ยวหยวนมองเสี่ยวลิ่วด้วยสายตาดูถูก จากนั้นก็ตวัดสายตาไปมองเสี่ยวเถียน
“ฉันจะบอกพวกแกให้ ถ้าหัวหน้ากินยาเข้าไปแล้วเกิดปัญหา ยัยเด็กนี่กับครอบครัวของพวกแกชดใช้ให้ไม่ได้หรอก!”
แววตาของเสี่ยวหยวนทำตัวราวกับสูงส่ง ท่าทางเหยียดหยามอย่างเต็มที่ เป็นสายตาที่ทำให้คนมองไม่สบายใจสักนิด แม้แต่ฟ่านชูฟางก็ด้วย
“เสี่ยวหยวน ออกไปก่อนเถอะ!”
ฟ่านชูฟางไม่ใช่คนที่จะตำหนิผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กคนนี้ เพราะเป็นคนที่แต่งตั้งให้อยู่ข้างกายสามี แถมเธอเองก็กลัวว่าหากพูดมากไป เหล่าต่งจะเสียหน้า
แต่เธอทนไม่ได้ที่เห็นเสี่ยวหยวนเป็นแบบนี้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
แต่อีกฝ่ายไม่สนใจว่าเจ้านายได้เห็นต่างกับตนแล้ว
หรืออาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนพูดผิด
เพราะในความคิดของเขาคือ ตนเป็นคนดูแลหัวหน้า และแน่นอนว่าทุกอย่างต้องให้หัวหน้าเป็นคนจัดการ
เขาปกป้องตัวเอง “คุณป้า ท่านอย่าโดนพวกเขาหลอกนะ ที่เขาปฏิบัติตัวดีด้วยเพราะจะแสวงหาผลประโยชน์ไงล่ะ!”
พูดจบก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปน่าจะเป็นความจริง
ครอบครัวกระจอกงอกง่อยจากบ้านนอกดั้นด้นมาถึงเมืองหลง แถมยังได้พบกับข้าราชการระดับสูงอีก จะไม่พยายามประจบประแจงได้ยังไง?
แล้วจุดประสงค์คืออะไรล่ะ? ก็เพื่อให้ตนได้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ?
ถ่อมาถึงเมืองหลวงได้ จะมีทะเบียนบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้? ถ้ามีครอบครัวแบบนี้มาติดพัน หัวหน้าจะสลัดทิ้งไม่ได้แน่
วันนี้ต้องให้เขาเห็นโฉมหน้าของพวกมันให้ได้ ไม่งั้นคงสายเกินไปที่จะเสียใจ
เสี่ยวหยวนถอนหายใจ เขาต่อต้านคนพวกนี้ที่พยายามประจบเจ้านายของเขา
ถ้ากินเข้าไปแล้วเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นมาล่ะ?
ความรู้ด้านการแพทย์อันน้อยนิดที่เรียนมากับแพทย์เท้าเปล่า คิดจะเล่นตลกทำทีสั่งจ่ายยา ถ้าเกิดว่าหัวหน้ากินเข้าไปแล้วอาการแย่ลงจะทำยังไง?
เจ้านายเขาเป็นคนดีนะ เป็นคนที่เก่งกาจด้านการรบ จะมาโดนยัยเด็กนี้วางยาได้ยังไง!
ยิ่งคิดเท่าไรก็รู้สึกว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด เสี่ยวหยวนมุ่งมั่นจะทำให้หัวหน้าและคุณป้าได้รับรู้ธาตุแท้ของคนบ้านนี้ให้ได้
ฟ่านชูฟางที่คิดจะเอ่ยปาก แต่โดนเด็กคนนี้พูดขัด
ปกติก็ทำตัวดีอยู่นะ แต่ทำไมวันนี้ถึงทำตัวเลอะเทอะแบบนี้ล่ะ
คนบ้านซูได้ยินประโยคจากเสี่ยวหยวน สีหน้าพลันเปลี่ยนไปน่าเกลียดทันที เพื่อไม่ให้คนอื่นบอกว่าพวกเราประจบหัวหน้า เราจะต้องอยู่ห่างต่งหยวนจงเข้าไว้ แต่ตอนนี้บอดีการ์ดของต่งหยวนจงกลับกล่าวหาเราอย่างโจ่งแจ้ง
หรือนี่จะเป็นความในใจของสามีภรรยาต่ง?
คุณปู่ซูมองทั้งสองด้วยแววตาเย็นชา
พอเห็นสีหน้าบ้านซูเปลี่ยนไป ฟ่านชูฟางก็ร้อนรนเสียแล้ว
เสี่ยวเถียนทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง!
บ้านซูมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
หญิงชรากำลังจะเอ่ยว่าเสี่ยวหยวน แต่ได้ยินสามีพูดขึ้นเสียก่อน
“แกคิดว่าสิ่งที่แกคิดมันมีเหตุผลมากใช่ไหม? แกกำลังทำเพื่อฉันสินะ?”
“แกคิดว่าพี่ซูกับพี่สะใภ้เป็นคนแบบนี้สินะ?”
ต่งหยวนจงไม่ได้โกรธ เขาใจเย็นมาก สงบเสียจนเสี่ยวหยวนรู้สึกผิดปกติ
เพราะรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายไม่ใช่คนที่อารมณ์สงบอะไรอยู่แล้ว คนที่ข้ามผ่านมรสุมแห่งยุคสงคราม เป็นคนที่มีจิตสังหารกันทั้งนั้น
ไอ้ความสงบเยือกเย็นอะไรนั่น คนอย่างต่งหยวนจงไม่เคยมีเลย
แต่เสี่ยวหยวนในเวลานั้นไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อในร่างมันกระตุก เขาถึงได้รั้นแบบนี้
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่หัวหน้าทำมันไม่ถูก แต่เขาก็ยังยืนกรานในความคิดของตน!
“ผมคิดแบบนั้นครับหัวหน้า ถ้าพวกเขาจะใช้ชีวิตในเมืองหลวงให้ได้ และอยากจะมีชีวิตที่ดีก็ต้องหาคนที่…”
เอ่ยยังไม่ทันจบ ต่งหยวนจงคว้าพัดข้างกายสะบัดใส่เด็กหนุ่มทันที
เขาเป็นทหาร หลายปีที่ผ่านมาก็ยังออกกำลังกายอย่างขยันขันแข็ง แม้สุขภาพจะไม่ดีแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ พัดพุ่งเข้าใส่เสี่ยวหยวนด้วยความเร็วแล้วกระแทกหัวของเขาพอดิบพอดี
เด็กหนุ่มกุมหัวทันที หลังจากนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เขาแทบไม่เชื่อสายตา และมองไปที่อีกฝ่ายด้วยแววตาตกใจระคนประหลาดใจ
ถึงจะไม่เจ็บ แต่เขาโดนคนเห็นเต็มไปหมด สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความอับอาย
หัวหน้าทำแบบนี้ได้ยังไง?
ถึงยังไงเขาก็ติดตามหัวหน้ามาสักพักแล้ว พูดได้ยากว่าเป็นความรักของพ่อลูก แต่ความสัมพันธ์มันก็ดีกว่าคนอื่นหน่อย แล้วหัวหน้าตีเขาเพื่อคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทำไม?
ความเป็นวัยรุ่นทำให้เสี่ยวหยวนทนไม่ได้!
“หัวหน้า ผมพูดความจริงนะ!”
เสี่ยวหยวนสะอึก เขาทำเพื่อเจ้านายชัด ๆ ทำไมถึงโดนตำหนิ?
พูดความจริงแล้วมันผิดตรงไหน?
“ฉันจะบอกแกให้นะ ชีวิตของฉันได้พี่ซูเป็นคนมอบไว้ให้!” ต่งหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
นี่คือต่งหยวนจงตัวจริง
“ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไร ตราบใดที่ฉันหามาได้ก็จะให้เขาหมดเลย ขอแค่มันไม่ละเมิดกฎหมายประเทศ ฉันก็ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตในตอนนั้นแล้ว”
แต่หลายปีมานี้พี่ซูไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย ทำให้เขาตอบแทนไม่ได้
“หาผลประโยชน์หรือ? แกแหกตาดูสิ ครอบครัวของพวกเขาอยากจะได้ผลประโยชน์อะไรจากฉัน? เงินหรือ? ฉันมีไม่เท่าพวกเขาด้วยซ้ำ!”
“แม้แต่ร้านอาหาร พวกเขาก็ยังสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากฉันด้วยซ้ำ คิดว่าจากนี้ไปเขาจะยังขออีกไหม?”
ต่งหยวนจงไม่พอใจมากจริง ๆ
ถึงจะไม่ได้ติดต่อกับตระกูลซูบ่อย แต่ก็ตามมาตั้งแต่ตอนอยู่ตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว แล้วจะไม่รู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเป็นครอบครัวแบบไหน?
ถ้าพวกเขาเต็มใจมาขอความช่วยเหลือจากเขาบ้าง เขาคงจะสบายใจกว่านี้
แต่นี่คือครอบครัวที่มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองยังไงล่ะ