เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 444 นักธุรกิจเหม็นกลิ่นทองแดง
บทที่ 444 นักธุรกิจเหม็นกลิ่นทองแดง
บทที่ 444 นักธุรกิจเหม็นกลิ่นทองแดง
หม่าว่านกั๋วไม่สนใจผู้อำนวยการหูสักนิด เอาแต่จ้องเขม็งไปยังเสี่ยวเถียนและคนอื่น ๆ
“สำหรับพวกคุณก็ไม่เห็นต้องออกแรงเลยไม่ใช่หรือไง ยังไม่ยินดีอะไรอีกล่ะ? โดยเฉพาะคุณฉือ คุณเองก็มีชื่อเสียงมายาวยาวนาน ทำไมถึงทำตัวเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีสามัญสำนึกและแบบแผนเลยล่ะ?”
“รองผู้อำนวยการหม่า อันที่จริงคุณเองก็ควรจะมีสามัญสำนึกและแบบแผนเหมือนกันนะคะ” เสี่ยวเถียนพูดด้วยความโมโห
คำพูดคำจาอะไรเนี่ย?
หน้าหนากว่าพื้นถนนเสียอีก เหอะ!
“ฉันหรือ?” หม่าว่านกั๋วไม่คิดว่าจะโดนย้อนเช่นนี้ เขาตะลึงไปชั่วขณะ
“ใช่ค่ะ หนูคิดว่าคุณเป็นถึงรองผู้อำนวยการของโรงงานแท้ ๆ น่าจะมีความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์อันวิกฤตได้นะคะ! แล้วดูสิ่งที่คุณคิดสิ? หนูเข้าใจอยู่แล้วว่าคุณทำงานด้วยความยากลำบาก แต่มนุษย์เราก็ควรจะมีแบบแผนกันบ้างนะคะ คุณพูดเองไม่ใช่หรือ? เราควรจะอุทิศตนเพื่อประเทศสิ จริงไหมล่ะ?”
ประโยคที่เสี่ยวเถียนเอ่ยออกมาไม่คิดที่จะปรานีกันเลยแม้แต่น้อย
คนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้หรอก ตอกฝาโลงให้มันจบ ๆ ไปเลย
ใบหน้าหม่าว่านกั๋วเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นดำทะมึน
“แกพูดแบบนี้ได้ยังไง?…”
ประโยคสบถข้างหลัง เขาพูดไม่ออกเลยสักนิด
“คุณอยากให้พวกเราคอยรับใช้ให้โรงงานคุณอย่างมีความเข้าใจ มีรูปแบบ แล้วทำไมหนูถึงขอในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ล่ะ? หรือเพราะคุณหน้าหนากันแน่?”
คำพูดของเธอทำเอาคนจากโรงงานไฟฟ้าเกือบจะหลุดขำออกมา
สาวน้อยคนนี้กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว กำลังเริ่มด่าเขาอยู่สินะ
พวกเราต่างก็เห็นกับสิ่งที่ผู้อำนวยการหม่าทำแล้ว และคิดว่าฝั่งนู้นนั่นแหละที่ทำไม่ถูกต้อง
บนโลกใบนี้ไม่มีใครเขาติดหนี้ใครกันหรอก ใช่ไหมล่ะ?
แต่หม่าว่านกั๋วทำตัวแบบนั้นแล้วขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเขาเนี่ยนะ?
คิดว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการ มีหน้ามีตา แล้วจะทำตัวไร้ยางอายยังไงก็ได้หรือ?
หัวหน้าหลี่มองเด็กสาวด้วยแววตาชื่นชม
สาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ก่อนหน้านี้เขาเองก็วานให้เธอช่วยแปลเอกสาร ทั้งยังให้ค่าจ้าง และมันก็สมน้ำสมเนื้อ ตั้งแต่เริ่มจนจบ เขาคิดว่าการให้เงินเดือนกับเธอมันไม่ได้ผิดตรงไหน ในความคิดของเขาคือ ถ้าโรงงานผ้าไหมต้องการความช่วยเหลือจากเสี่ยวเถียนหรือฉือเก๋อ ก็ควรแสดงท่าทีว่าต้องการขอความช่วยเหลือสิ!
มันไม่เหมือนกับการนั่งแปลเอกสารบนโต๊ะนะ มันต้องแปลหน้างาน ค่าว่าจ้างต้องสูงกว่าอยู่แล้ว
เสี่ยวเถียนชอบเงิน เพื่อเงินแล้วเธออาจจะตอบตกลงก็ได้
แต่ท่าทีของผู้อำนวยการหม่ามันทำคนอื่นเขาไม่สบายใจเท่าไรนัก ต่อให้เขาเป็นเสี่ยวเถียนก็ไม่เอาด้วยหรอก
“อายุแค่นี้ กลายเป็นพวกนักธุรกิจเหม็นกลิ่นทองแดง*[1] ไปเสียแล้วหรือ? ประเทศคงล่มจมแล้วจริง ๆ!” ผู้อำนวยการหม่าพูดด้วยท่าทางเศร้าสร้อย “ฉันคงต้องแจ้งกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วล่ะ ดูเหมือนร้านของพวกคุณจะเปิดต่อไม่ได้แล้วนะ!”
เสี่ยวเถียนร้องเหอะ นี่คิดจะข่มขู่กันหรือ?
“ฉันเข้าใจแล้ว ที่คุณไม่ยอมช่วยเพราะผมไม่ให้เงินสินะ!”
ผู้อำนวยการหม่าเหลือบมองฉือเก๋อ
ได้ยินว่าตั้งแต่ที่กลับมาเขาก็ได้รับเงินชดเชยไม่น้อย ไม่น่าขาดเหลืออะไรอยู่แล้ว และก็คงไม่เหมือนเด็กไร้เหตุผลนี่ที่เอ่ยปากก็ขอเงินสินะ?
“คุณฉือ คุณรับศิษย์แบบนี้ได้ยังไง? คนแบบนี้ในอนาคตก็รังแต่จะทำให้ชื่อเสียงของคุณเสื่อมเสีย ผมขอแนะนำให้ขับไล่เธอออกไปซะ…”
ฉือเก๋อกำลังเพลิดเพลินกับฉากที่เสี่ยวเถียนและหม่าว่านกั๋วทะเลาะกันอยู่เลย แต่จู่ ๆ ก็โดนเข้าไปเอี่ยวด้วยเสียอย่างนั้น
ไอ้นี่มันคิดอะไรอยู่?
ให้เขาขับไล่เสี่ยวเถียน? แล้วจะไปหาลูกศิษย์เก่ง ๆ แบบนี้มาสืบทอดจากที่ไหนได้อีกล่ะ?
ชายชรากระแอมไอ “เสี่ยวเถียนเป็นเด็กฉลาดมาก เป็นนักเรียนคนโปรดของฉัน!”
ความภาคภูมิใจในน้ำเสียงทำให้หม่าว่านกั๋วประหลาดใจ
“ถ้าอยากแจ้งก็ทำเสียสิ ดูซิว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับชาติเพื่อความคิดไม่ชัดเจนของคุณหรือเปล่า!”
ตั้งแต่กลับมา ฉือเก๋อมีความเข้าใจในเรื่องนโยบายระดับชาติอยู่บ้าง และรู้ด้วยว่านโยบายสำคัญในตอนนี้คืออะไร
ไม่มีทางที่ไอ้คนแซ่หม่าจะเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองหรอก
หม่าว่านกั๋วยิ่งตกใจกว่าเดิม คุณฉือตามใจลูกศิษย์ของตัวเองขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าการทำเพื่อประเทศหรอก?
ทันใดนั้นเอง หม่าว่านกั๋วนึกอะไรขึ้นได้
ฉือเก๋อใช้ชีวิตในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือมาตั้งนาน อุดมการณ์ของเขาจะต้องมีปัญหาแน่ ๆ เพราะทนทุกข์มานานเลยยังมีความแค้นอยู่!
เป็นเขาที่ไร้เดียงสาเอง!
ตอนนั้นจู่ ๆ ก็รู้สึกหมดกำลังใจ
เสี่ยวเถียนมองอีกฝ่าย ในใจพลันไม่มีความสุข อุตส่าห์มีวันหยุดดี ๆ ทั้งที ทำไมต้องเจอพวกสติไม่ดีด้วยเนี่ย?
“ผมผิดเองแหละ! คนแบบพวกคุณจะมาหวังว่าความยุติธรรมของประเทศ ความยุติธรรมของมนุษยชาติได้ยังไง? พวกนายทุน พวกนักธุรกิจเหม็นกลิ่นทองแดง มีอะไรอีกล่ะ?”
หม่าว่านกั๋วทั้งหมดหนทางและเศร้าใจ!
และเสี่ยวเถียนเกลียดคนแบบนี้ที่สุด แสดงเก่งเกินไปหน่อยแล้วไหม?
“ผู้อำนวยการหม่า ถ้าคุณมีความชอบธรรมขนาดนั้น งั้นเรามาคุยกันดีไหม คุณลาออกซะ ไม่ต้องไปทำตำแหน่งรองผู้อำนวยการอะไรนั่นอีก เดี๋ยวพวกเราจะเป็นล่ามให้ฟรี ๆ เลยค่ะ?”
สิ่งที่เสี่ยวเถียนพูดออกมาทำแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่น
ทุกคนมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่หม่าว่านกั๋วก็ยังตกใจ
รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมาน่ะ?
หม่าว่านกั๋วทำงานหนักมานานหลายปีกว่าจะไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงงานได้ แถมคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาปีสองปีเพื่อรอให้คนเก่าเกษียณออกไปถึงจะขึ้นตำแหน่งผู้อำนวยการได้
แล้วทำไมถึงต้องลาออกเพราะเด็กที่พูดจาไม่รู้เรื่องด้วยล่ะ?
เมื่อเห็นการแสดงออกของอีกฝ่าย เสี่ยวเถียนรู้สึกขบขันมาก ดูท่าทางตัวเองตอนขอร้องคนอื่นซี่ แล้วถึงตาตัวเองโดนบ้างดันรับไม่ได้?
“ผู้อำนวยการหม่าเป็นอะไรไปคะ? ไม่ยินดีหน่อยหรือ? ก็เพื่อความชอบธรรมของมนุษยชาติและของประเทศชาติไงคะ!”
หม่าว่านกั๋วจ้องไปยังเด็กสาว เขามองเลยว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของเธอแล้ว
“ไร้สาระ ไม่เห็นจะเข้าใจสักนิด!”
หม่าว่านกั๋วรู้ว่าใช้ประโยชน์จากมันไม่ได้แล้ว จึงเดินจากไปโดยไม่คิดไว้หน้าพวกผู้อำนวยการหูเลย
เสี่ยวเถียนมองแผ่นหลังนั้นแล้วส่ายหัวเบา ๆ
“ก็คิดเองไม่ใช่หรือว่ามันมีความชอบธรรมน่ะ สุดท้ายแม้แต่รองผู้อำนวยการก็ยังทนไม่ได้เลย!”
ฉือเก๋อจิ้มหน้าผากเธออย่างขบขัน “เด็กคนนี้ นับวันยิ่งดื้อนะ!”
“ไม่ใช่ว่าหนูดื้อสักหน่อยค่ะคุณปู่ฉือ แต่มันเป็นเพราะหม่าว่านกั๋วพูดจาน่าโมโหต่างหาก!” เธอเอือมระอานัก
*[1] การพูดจาหยาบคายกับคนที่ร่ำรวยหรือติดสินบนเพื่อให้ได้มาซึ่งสายสัมพันธ์