เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 449 เชื่อใจ
บทที่ 449 เชื่อใจ
บทที่ 449 เชื่อใจ
หยกสีแบบนี้ บ้านเราไม่มีใครใส่เลย ดังนั้นเอาจึงเอามาให้เสี่ยวเถียนแทน
“แต่หนูรับไว้ไม่ได้จริง ๆ นะ!” เสี่ยวเถียนกำลังจะร้องไห้ “คุณให้หนูเรียกว่าพี่ใหญ่ งั้นหนูจะเรียกคุณแบบนั้นก็ได้ แต่เอาหยกคืนไปเถอะค่ะ”
ฮั่วซิวเฉิงยิ้มก่อนบีบจมูกเธอ “สาวน้อย ถึงฉันจะชอบให้เธอเรียกว่าพี่ใหญ่ แต่ฉันไม่ได้ให้หยกเธอเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ ฉันจะบอกอะไรให้ ตั้งแต่ที่พบเธอ โชคของฉันก็ดีขึ้นเยอะเลย”
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาจะเก็บความรู้สึกนี้ใส่หัวเสี่ยวเถียนไว้เลย
เด็กสาวสับสน ไม่รู้จะตอบยังไงดี
เธอรู้ว่าตัวเองโชคดี แต่มันจะดีเพราะมีคนเข้าใกล้ด้วยหรือ?
เดี๋ยวก่อน…
จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าคนที่เหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อเธอเหมือนจะโชคดีมาก! ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่บ้านนะ คนในหงซินที่มีความสัมพันธ์ดีด้วยก็เหมือนจะโชคดีไปด้วย
โดยเฉพาะครอบครัวป้าเถาฮวา ชะตาชีวิตของแกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย หรือคุณสมบัติของความโชคดีจะแผ่ให้คนอื่นได้?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เธอก็ตกใจจนตัวเซ เกือบทำหยกในมือตก
ต้องขอบคุณความมือไวจึงจับไว้ได้มั่น
“มันเป็นของเธอแล้วสาวน้อย ถ้าทำตกแตกอย่ามาร้องไห้นะ!” ฮั่วซิวเฉิงพูดจาไปเรื่อย
สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็ยอมรับมันไว้ และฮั่วซิวเฉิงก็ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าให้แล้วให้เลยไม่เอาคืน
แต่เสี่ยวเถียนไม่ใช่คนเอาแต่ได้ เธอเริ่มคิดแล้วว่าจะส่งของขวัญแบบไหนตอบแทนเขาดี
บ้านเรามีทองคำ แต่ส่วนใหญ่ฝังอยู่ในดินที่บ้านเกิด ตอนนี้ไม่มีเวลากลับไปขุดหรอก
เรือนประสานที่ซื้อมาใหม่น่าจะมีสมบัติอยู่ แต่ไม่รู้ว่าอะไรเหมาะที่จะให้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดถึงจะขุมสมบัติใต้ดินหรอกนะ แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่นานก็ตัดสินใจได้ว่าจะดูแลสุขภาพพ่อฮั่วแม่ฮั่วแทน
ทั้งสองคนสุขภาพไม่ค่อยดีเพราะต้องไร่ทำนาอยู่ในชนบท จึงไม่ได้ดูแลสุขภาพสักเท่าไร ไม่แน่ใจว่าฮั่วซิวเฉิงจะคัดค้านไหมถ้าเธอจะดูแลร่างกายให้พวกเขา
ถึงยังไงเธอก็ยังเป็นเด็ก ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะไม่ไว้ใจตนเอง
เสี่ยวเถียนเอ่ยเรื่องนี้ให้ฮั่วซิวเฉิง แต่อีกฝ่ายยังมีท่าทางนิ่งเฉย กลับกันนั้น เป็นคุณปู่ซูที่ใจหายเพราะได้ยินว่าหลานสาวจะตรวจอาการป่วยให้คนอื่น
ทำไมตั้งแต่เข้าเมืองหลวงมา หลานสาวของตัวเองถึงกล้าหาญถึงขนาดนี้?
ก่อนหน้านี้ที่อยู่ชุมชนการผลิตไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย เด็กสาวไม่รู้ว่าปู่กลัวจนยืนแทบไม่อยู่
“พี่ใหญ่ พี่เห็นด้วยไหม?” ซูเสี่ยวเถียนคลี่ยิ้ม
“พูดตามตรงนะ ฉันคิดมาตลอดว่าสุขภาพพ่อแม่ไม่ค่อยดี แล้วก็เคยพาไปหาหมอด้วย แต่มันไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ฮั่วซิวเฉิงพาพ่อแม่ไปตรวจแล้ว แต่หมอแค่แสร้งทำเป็นตรวจแล้วพูดอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด
สุดท้ายก็บอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร
และเสี่ยวเถียนเป็นคนเดียวที่บอกว่าจะช่วยรักษาร่างกายพ่อแม่ให้ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมคิดแบบนี้ แต่เธอจะต้องเห็นอะไรแน่ ๆ เลยถึงกล้าพูดออกมา
ฮั่วซิวเฉิงสัมผัสได้จากจิตใต้สำนึกว่าเขาควรไว้ใจเสี่ยวเถียน ส่วนเหตุผลนั้น เขาเองก็ไม่รู้ แต่จิตใต้สำนึกมันบอกว่าเด็กคนนี้ไว้ใจได้
“เสี่ยวเถียน เรียนหนังสือเงียบ ๆ ดีกว่าไหม?” คุณปู่ซูถามอย่างอ่อนล้า
ถ้าเธอยังทำแบบนี้ต่อ เดี๋ยวได้ทำตาแก่คนนี้ตกใจตายแน่!
“คุณปู่ หนูรู้ตัวดีค่ะ!” เด็กสาวยิ้มกว้างอย่างสดใส
ชราชายพูดไม่ออก
เป็นแค่เด็กคนหนึ่งมีอะไรให้รู้ดีล่ะ?
ยาที่ให้กับต่งหยวนจงต้องได้รับการยืนยันจากแพทย์ก่อนถึงจะกินได้ เขาจึงสบายใจ แต่พ่อฮั่วแม่ฮั่วไม่มีคนช่วยดูให้ ถ้าเกิดกินไปแล้วร่างกายทรุดลงจะทำยังไงล่ะ?
ว่าจบ เขาก็มองชายหนุ่มด้วยสายตาสื่อความหมาย
ทำไมสับสนแบบนี้ พ่อแม่ตัวเองแท้ ๆ ไม่กลัวยาที่เสี่ยวเถียนทำจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายเอาหรือ?
ทำไมคนโง่ต้องมาเจอกันด้วยนะ?
แถมยังอยู่ฝั่งเดียวกันอีก!
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องห่วงนะ ไว้เสี่ยวเถียนจ่ายยาให้เมื่อไร ผมจะเอาไปให้หมอตรวจดูแล้วค่อยให้พ่อแม่ครับ”
ฮั่วซิวเฉิงคิดว่าที่เสี่ยวเถียนบอกว่าตรวจร่างกายน่าจะหมายถึงกินยาบำรุงมากกว่า แค่ให้หมอดูก็ไม่มีปัญหาแล้ว
เด็กสาวจับชีพจรพ่อฮั่วแม่ฮั่วที่บ้านปู่ตู้ ถึงเด็กหญิงจะยังอายุน้อย แต่ท่าทางตอนตรวจชีพจรนั้นดูดีเลยทีเดียว
ตอนที่ทั้งสองได้ยินลูกชายบอกว่าจะให้เสี่ยวเถียนตรวจอาการให้ก็ไม่เชื่อเท่าไร แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอได้เห็นท่าทางจริงจังแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย
เด็กตรงหน้าไม่เหมือนเด็กหญิงวัยสิบขวบเลย เหมือนหมอแก่ ๆ มากประสบการณ์เสียมากกว่า
ช่างเถอะ ลูกชายไม่ทำร้ายเราหรอก เขาบอกเชื่อใจได้ เราก็ต้องเชื่อ!
สองสามีภรรยาตู้เฝ้ามองจากข้าง ๆ ไม่ได้คิดต่างไปจากพ่อฮั่วแม่ฮั่วเลย พวกเขาเหมือนไม่รู้จักเสี่ยวเถียนที่อยู่ตรงหน้าเลย
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กสาวก็เอามืออกจากข้อมือแม่ฮั่วในที่สุด
“ยังปกติดีค่ะ มันแค่มีอาการเก่าสั่งสมมา โดยเฉพาะคุณย่าฮั่วที่เคยแท้งจนส่งผลร้ายต่อร่างกายนะคะ ต้องดูแลร่างกายให้ดี!”
ตอนที่เสี่ยวเถียนพูดออกมา ทั้งสองได้แต่หันไปมองหน้ากัน
หลังจากให้กำเนิดฮั่วซิวเฉิง แม่ฮั่วก็ตั้งท้องลูกอีกคน แต่ท้องได้สี่เดือนกว่า ๆ ก็แท้งไป แม้แต่ฮั่วซิวเฉิงเองก็ไม่รู้เรื่องนี้
ดูเหมือนว่าสาวน้อยจะไม่ได้แค่แสดงเฉย ๆ นะ เธอมีความสามารถจริง ๆ
เสี่ยวเถียนขีด ๆ เขียน ๆ และเขียนใบสั่งยาอย่างตั้งใจสำหรับคนทั้งสอง ร้านขายยาในเมืองหลวงมียาครบถ้วน และยาที่เธอสั่งให้ก็เป็นยาสามัญ ไม่ต้องกลัวเรื่องยาหายาก
หลังจากวางปากกาลง อวี่รุ่ยหยวนรู้สึกขมขื่น
“เสี่ยวเถียน ทำไมหลานไม่เห็นจ่ายยาให้เราบ้างเลยล่ะ?”
เห็นท่าทางเช่นนั้น เด็กสาวอดหัวเราะไม่ได้
ย่าบุญธรรมนี่จริง ๆ เลยนะ อายุก็ตั้งมากยังอิจฉาเรื่องกินยาอีก
พ่อฮั่วแม่ฮั่วไม่สบายใจเมื่อได้ยินว่าเสี่ยวเถียนไม่ได้จ่ายยาให้ผู้อาวุโสตู้ทั้งสอง
“คุณย่า ตอนนี้สุขภาพย่าดีแล้วไงคะ ไม่ต้องกินยาหรอก ย่าดูสิ ย่าดูอ่อนวัยกว่าย่าฮั่วหรือเปล่า?”
อวี่รุ่ยหยวนเหมือนโดนเตือนสติ
เธอแก่กว่าอีกฝ่ายกว่าสิบปี แต่ดูเหมือนจะอ่อนกว่าเยอะเลย
แม่ฮั่วอดสัมผัสใบหน้าเหี่ยวย่นของตัวเองไม่ได้ จากนั้นก็มองผิวพรรณของอวี่รุ่ยหยวนที่ดีกว่า เธอรู้สึกอับอายนัก
นี่หรือคือความแตกต่างระหว่างคนกรุงกับคนชนบทนะ?
“พวกเราอยู่ชนบทก็ต้องตากลมตากแดดอยู่แล้วน่ะ!”
“คุณย่าฮั่ว เหมือนว่าสุขภาพของคุณย่าจะยังดีไม่พอนะคะ”