เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 454 มองออกตั้งนานแล้ว
บทที่ 454 มองออกตั้งนานแล้ว
บทที่ 454 มองออกตั้งนานแล้ว
วันนี้บ้านซูมาเป็นแขกเป็นพิเศษ นอกจากเอายามาให้แล้ว เสี่ยวเถียนยังแพ็กอาหารมาเป็นพิเศษด้วย
สองสามีภรรยาต่งชอบกินอาหารที่ถูกปรุงขึ้นเอง ถึงพวกเราจะมาเป็นแขก แต่อย่างน้อยก็ต้องมีคนเอาของติดไม้ติดมือมาด้วย
อาหารพวกนี้เสี่ยวเถียนเป็นคนทำเอง ส่วนวัตถุดิบก็ซื้อมาจากร้านในระบบ ถึงจะไม่เหมือนอาหารจานร้อนในร้านเรา แต่รสชาติของมันก็ถือว่าไม่เลว
แม่ครัวของที่นี่เป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี ชื่อว่าเสี่ยวเหลียน อาหารที่เธอทำรสชาติไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่ สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับสองสามีภรรยาอยู่บ้าง
เพราะฟ่านชูฟางทำอาหารไม่ค่อยเป็น
เพราะงั้นเสี่ยวเหลียนจึงไม่ได้สนใจอาหารที่บ้านซูนำมาสักเท่าไร แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อเปิดออกมาก็เป็นของอร่อยทั้งนั้นเลย
มีเนื้อสัตว์เต็มไปหมด รสชาติและกลิ่นก็แตกต่างกัน กลิ่นของมันหอมฉุยชวนให้ผู้คนน้ำไหลสอ
แต่เสี่ยวเหลียนยังเด็ก ไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายใด ๆ เมื่อได้กลิ่นเนื้อก็น้ำลายสอทันที
“คุณป้า เนื้อพวกนี้น่าอร่อยจังค่ะ” เธอพูดหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ฟ่านชูฟางรู้จักทักษะการทำอาหารของคุณย่าซูมานานแล้ว
“เธอเพิ่งจะได้กลิ่นเอง รอกินก่อนสิถึงจะบอกว่าอร่อย!”
“เขาเป็นใครหรือคะ ทำไมทำเนื้อน่ากินแบบนี้?” เสี่ยวเหลียนถาม
“ช่วงนี้หออีหมิงได้รับความนิยมมากเลยน่ะ เป็นของครอบครัวพวกเขาน่ะ!” ฟ่านชูฟางค่อนข้างพึงพอใจ
ถ้าคนไม่รู้จักก็คิดว่าคงเป็นเชฟของร้าน
ฟ่านชูฟางมองดูอย่างระมัดระวัง เธออดถอนหายใจไม่ได้ว่าบ้านนี้ทุ่มเทให้กับอาหารจริง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นปลา กุ้งสด ๆ หรือเนื้อกวางชิ้นโต ล้วนแต่เป็นของดีที่หายากในเมืองหลวงทั้งนั้น
ขนาดเนื้อหมูยังปรุงออกมาได้สุกกำลังดี มีหมูก้อน แล้วก็หมูตุ๋นอีกด้วย พวกเขาเดินทางมาตั้งไกล แต่ก็ยังอุตส่าห์เอาอาหารมาให้ตั้งเยอะ
“หมูก้อนดีกว่าของหนูอีกค่ะ!” เด็กสาวอุทาน
ปกติเธอทำหมูก้อนนะ แต่ทุกครั้งที่ทำมันมีขนาดไม่เท่ากันเลย
ตอนแรกก็ค่อนข้างพึงพอใจ แต่หลังจากเปรียบเทียบกันแล้ว เธอรู้สึกว่าของที่เธอทำออกมานั้นเทียบไม่ได้เลย
โชคดีที่ลุงต่งกับป้าฟ่านมีนิสัยเป็นกันเอง ไม่งั้นจะชอบอาหารที่เธอทำได้ยังไง?
“เสี่ยวเหลียนจัดการให้เรียบร้อยนะ อาหารเกือบจะพร้อม เราเพิ่มผักสดจากในสวนไปด้วยก็ได้นะ”
ฟ่านชูฟางละอายใจนัก ทำไมถึงปล่อยให้แขกเตรียมอาหารมาให้แทนที่เราจะทำเองนะ
แต่ความอร่อยของมันทำให้เธอทนไม่ไหวจริง ๆ!
คิดดูแล้ว เหล่าต่งคงอยากกินแน่ ๆ
ตอนเดินออกจากครัว ถงซิงอันกลับมาแล้ว ฟ่านชูฟางรีบเข้าไปถามว่าหมอบอกว่ายังไงบ้าง
“คุณป้า คุณหมอจ้าวที่โรงพยาบาลบอกว่ายาพวกนี้เหมาะสมกับอาการป่วยของหัวหน้าต่งมากครับ และมีผลในการขับไล่ยาที่คั่งค้างในร่างกายของหัวหน้าด้วยครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างระมัดระวัง
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าในร่างกายหัวหน้ายังมีสารตกค้างอยู่?
แล้วยาพวกนี้มาจากไหนนะ?
แต่เพราะว่าไม่มีใครบอก ถงซิงอันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากถาม
ฟ่านชูฟางมองเสี่ยวเถียน
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ถือเป็นควันเขียวที่ผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ*[1] บ้านซูชัด ๆ ที่ให้กำเนิดเด็กเก่ง ๆ แบบนี้ออกมา
ต่งหยวนจงมองเด็กสาว แม้จะไม่ได้พูดอะไร หากแต่แววตาของเขาชัดเจนมาก เสี่ยวเถียนจับชีพจรให้เมื่อครั้งก่อน และบอกว่าเขาน่าจะถูกวางยาจึงเตือนเอาไว้
โชคดีที่เขาเชื่อคำพูดของซูเสี่ยวเถียน และไม่ได้ทำหูทวนลมในคำพูดของเธอ
พอกลับมา นอกจากจะตรวจสอบอย่างระมัดระวังแล้ว เขายังไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วย
คราวนี้คนบ้านซูช่วยเราไว้อีกครั้ง
บุญคุณในปีนั้นรวมกับบุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ไม่สิ้นสุดจริง ๆ
อาหารจานหลักง่าย ๆ เสี่ยวเหลียนทำไม่กี่จานเท่านั้น และความเร็วในการทำก็ว่องไวสุด ๆ
ระหว่างกินข้าว เสี่ยวเถียนพูดพร่ำไม่หยุดว่าปู่รองควรกินอะไรเยอะ ๆ และควรกินอะไรน้อย ๆ
ต่งหยวนจงไม่ดื้อรั้นอีกต่อไป เขาเชื่อฟังจริง ๆ
แม้แต่ฟ่านชูฟางก็ยังรู้สึกแปลกใจ ตาแก่เชื่อฟังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? ปกติเวลาบอกให้กินเนื้อน้อย ๆ เขาก็ทำท่าจะฆ่าแกงกัน
“มองอะไรน่ะ ฉันก็แค่ทำตามคำแนะนำของหมอไง!” ชายชรารู้ว่าภรรยาคิดอะไรจึงยิ้มกว้าง
หญิงชราหัวเราะ
สองสามีภรรยาซูก็ด้วย
ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะน่าสนใจขนาดนี้
เสี่ยวเถียนกินข้าวและดื่มซุปเหมือนปกติ ทำตัวสบาย ๆ ราวกับอยู่บ้านของตนเอง ยิ่งฟ่านชูฟางมองเด็กคนนี้มากเท่าไรก็ยิ่งชอบเธอมากเท่านั้น
เด็กที่เก่งและใจกว้างขนาดนี้ มีหรือจะไม่ชอบ?
สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเถียน หลานกับพี่ ๆ มาพักบ้านเราสักพักไหม?”
เธอชอบเด็กคนนี้จริง ๆ จึงอยากให้อยู่ด้วยสักสองสามวัน
อันที่จริงมันมีความหมายมากกว่านั้น เธออยากให้เสี่ยวเถียนอยู่ใกล้ ๆ เพื่อดูแลเหล่าต่ง
ร่างกายสามีต้องทนทุกข์มานาน ตอนนั้นไม่ค่อยได้ดูแลเท่าไร อุตส่าห์หาหมอมาดูแลเป็นพิเศษ แต่กลายเป็นว่าดันมีเจตนาร้ายเสียอย่างนั้น ตอนนี้สภาพร่างกายของเหล่าตงไม่ค่อยดีสักเท่าไร
ฟ่านชูฟางไม่ได้คำนึงแค่เรื่องนี้นะ แต่ยังคิดเผื่อเด็ก ๆ ด้วย
เพราะคนในลานแห่งนี้ไม่ใช่คนธรรมดา
อาจบอกได้ว่าอยู่ในสถานะที่พวกเขาเอื้อมไม่ถึง
คงจะดีถ้าได้มาอยู่ที่นี่สักระยะ!
ในอนาคต คนพวกนี้จะกลายเป็นเส้นสายให้พวกเขาได้ และความรู้สึกของคนหนุ่มสาว ไม่ว่ายังไงย่อมต่างไปจากคนอื่นอยู่แล้ว
อีกอย่างถ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เราจะสัมผัสได้ถึงใจกลางของความมีอำนาจ เด็ก ๆ จะได้มีประสบการณ์บ้าง
ถึงตอนนี้พวกเขาจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อนาคตคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ฟ่านชูฟางคิดไว้ดีมาก แต่เสี่ยวเถียนกลับคิดต่าง
สำหรับเด็กสาว ไม่มีที่ไหนสะดวกไปกว่าบ้านของตัวเอง
อยู่ที่นี่มันมีประโยชน์แน่ ๆ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ถ้าพวกเราอยู่ก็คงเข้าสังคมเด็กในวัยเดียวกันได้ แต่ยังไงก็ไม่ควรมาอาศัยอยู่ดี เราจะโดนดูถูก
สถานะที่ไม่เท่าเทียมกันไม่ดีกับพวกพี่ ๆ สักนิด
“ย่ารองคะ พวกเราไม่ได้อยู่หอที่โรงเรียนค่ะ เราอยู่บ้าน ต้องเดินทางไปกลับทุกวันเลย”
เสี่ยวเถียนยิ้มและตอบอย่างฉะฉาน
ฟ่านชูฟางได้ยินก็คิดตาม พวกเราอยู่ไกลจากโรงเรียนจริง ๆ นั่นแหละ แถมเด็ก ๆ ยังอยู่ห้องเรียนพิเศษด้วย ย้ายไปไหนไม่ได้ หญิงชราทำได้แค่ยอมแพ้ด้วยความเสียใจ
“งั้นรอวันหยุดฤดูหนาวแล้วกันนะ ถึงตอนนั้นต้องมาเยี่ยมปู่รองกับย่ารองด้วยล่ะ!” ฟ่านชูฟางไม่เต็มใจเลย
ผ่านมาครึ่งภาคการศึกษาแล้ว อีกไม่นานก็จะหยุดฤดูหนาวแล้วล่ะ
*[1] ผู้ที่ทำความดีความชอบหรือได้เป็นขุนนางใหญ่ก็ตาม เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้หากถูกว่าร้ายถากถาง (มีครหาไม่น่าเชื่อถือ)