เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 466 เธอไม่ชอบเขาหรือ
บทที่ 466 เธอไม่ชอบเขาหรือ
บทที่ 466 เธอไม่ชอบเขาหรือ
เสี่ยวเถียนเกียจคร้านเกินกว่าจะคุยกับชายชราได้ เลยเข้าไปคุยกับอี้หย่วนตรง ๆ เด็กหญิงขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เพราะเธอเป็นคนขี้สงสัย พวกเขาจึงสนิทสนมกลมเกลียวอย่างมาก
กลับกันเป็นฉืออี้หย่วนที่แก่กว่า อีกทั้งยังเป็นเด็กหนุ่มและรู้อะไรเยอะ พอแขนสัมผัสโดนกันอย่างไม่ได้ตั้งใจก็หน้าแดงทันที ใบหน้าแดงก่ำลามไปยังใบหู
แถมหัวใจยังเต้นแรงจนแทบกระเด้งออกมาอีก ฉืออี้หย่วนคิดจะผลักออก และบอกว่าเราโตแล้ว ชายหญิงควรอยู่ให้ห่างกันไว้
แต่ในใจก็คิดว่าแขนเขาตอบสนองได้นะ แต่ตนกลับไม่มีความตั้งใจจะผลักออกสักนิด
ทว่าในใจก็มีความคิดฝั่งดีบอกย้ำ ๆ ว่าเสี่ยวเถียนยังเด็ก
ทั้งสองความคิดกระชากกันไปมาอยู่ในใจ ฝั่งหนึ่งบอกฉืออี้หย่วนไม่ใช่มนุษย์ เขามีความรู้สึกที่ไม่สำคัญต่อเด็กคนนี้
แต่อีกความคิดก็บอกว่า ความรู้สึกของพี่น้องไม่มีความชั่วร้ายหรอกนะ
เสี่ยวเถียนไม่รู้ และไม่คิดด้วยว่าพี่ชายคนนี้จะโตแล้ว
“พี่อี้หย่วนอย่าสนใจปู่ฉือเลยนะ พี่ช่วยหนูทำการบ้านดีกว่า เธอว่าแล้วก็ทำหน้าบึ้งใส่ชายชรา
ฉืออี้หย่วนจะไม่เข้าใจได้ยังไงว่ามันคือข้ออ้าง
เสี่ยวเถียนเป็นคนยังไง?
เด็กอัจฉริยะนะ!
ในฐานะนักเรียนดีเด่น การบ้านของเธอต้องทำถูกทุกข้ออยู่แล้ว แล้วจะให้คนอื่นช่วยสอนทำไมกัน?
ฉืออี้หย่วนยิ้ม “การบ้านของเธอยังต้องให้พี่ช่วยอีกหรือ?”
เสี่ยวเถียน “…”
แล้วจะให้เธออ้างอะไรล่ะ? มันมีอย่างอื่นให้อ้างอีกหรือไง?
ตอนนั้นพี่ ๆ ลงมาจากชั้นบนพอดี เลยเห็นฉากน้องสาวกอดแขนอี้หย่วนด้วยท่าทางน่ารัก พวกเขาจึงอารมณ์เสียขึ้นมาในทันใด
มันอะไรกันเนี่ย? ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้?
น้องเล็กไม่เห็นจะกอดแขนพี่ชายแบบพวกเขาเลยนะ
“เสี่ยวเถียน มานี่หน่อย!” เสี่ยวปาตะโกนลั่น
เธอจึงรีบปล่อยแขนอีกฝ่าย แล้ววิ่งไปยังทิศทางพวกพี่แปด
พี่อี้หย่วนสำคัญ พี่ชายของเธอก็เหมือนกัน!
“เสี่ยวเถียน พี่ทำข้อนึงไม่ได้ ช่วยพี่ดูหน่อยสิ!”
ทันทีที่น้องมาถึง เสี่ยวปาก็เอ่ยขึ้นทันที ยังไม่วายเหลือบมองเด็กหนุ่มอีกคนด้วย
เหอะ คิดจะแย่งน้องสาวของพวกเขาอีกแล้ว ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็ปล่อยไว้ไม่ได้หรอกนะ!
ฉืออี้หย่วนถูจมูกแก้เก้อ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ความผิดของเขานะ?
สวรรค์เอ๋ย เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ให้เสี่ยวเถียนกอดแขนเอง!
แต่คนเป็นพี่ชายกลับมองว่าฉืออี้หย่วนไร้ยางอาย!
เรามีน้องสาวแค่คนเดียวเอง แถมยังโดนคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแย่งไปอีก ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่น่ายินดีสักนิด!
เสี่ยวเถียนไม่ได้สงสัยในแววตาเหล่านั้น แล้วเดินตามพี่ชายขึ้นไปชั้นบน
พี่ชายมีปัญหากับเรื่องเรียน เธอต้องให้ความช่วยเหลือ
บ้านเราให้ความสนใจในเรื่องเรียนของเด็ก ๆ มาก และเพื่อให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเรียน ห้องชั้นบนจึงถูกดัดแปลงให้เป็นห้องทำงาน
ห้องขนาดไม่ใหญ่มีโต๊ะตัวยาวตรงกลางไว้ให้พี่ ๆ นั่งทำการบ้านกันอย่างสะดวกสบาย
ที่ชั้นล่าง
ซูเสี่ยวลิ่วกอดอกขณะมองฉืออี้หย่วน เขามีความตั้งใจจะคุยกับเด็กหนุ่มคนนี้เรื่องชีวิต โอ๊ะ ไม่ใช่สิ เรื่องน้องสาวต่างหาก!
แต่ก่อนที่จะได้เริ่มบทสนทนา สายตาพลันเหลือบไปเห็นพวกพี่ชายกลับมาพอดี
ไม่รู้ว่าพวกเขายุ่งอะไรนัก ทั้งวันไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย แต่จู่ ๆ ทำไมวันนี้ถึงมารวมตัวกันได้ล่ะ?
และสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจคือ มีเสี่ยวเหมยกลับมาด้วยกัน
“พี่ ๆ กลับมาแล้วหรือครับ? พี่เสี่ยวเหมยก็มาด้วย?”
เสี่ยวลิ่วทักทายอย่างกระตือรือร้น แล้วรีบตรงดิ่งไปหาพี่รอง
ในบ้านเรามีแค่พี่รองเท่านั้นที่รู้เจตนาแฝงของอี้หย่วนตั้งแต่แรก เพราะอีกฝ่ายคิดจะขโมยน้องสาวของพวกเราไป
เด็กหนุ่มต้องการปรึกษาเรื่องนี้กับพี่เขา
แต่เพราะตนไม่ทันได้สังเกต จึงไม่รู้ว่าท่าทางของเสี่ยวเหมยดูผิดแผก
“พี่เสี่ยวเหมย สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ พักก่อนไหม?” เสี่ยวซื่อเป็นคนรอบคอบ พอเห็นท่าทางของพี่สาว จึงรีบทักด้วยรอยยิ้มก่อน
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก่อนเห็นฉือเก๋อนั่งดื่มชาอยู่ริมหน้าต่าง “พี่มาคุยกับคุณปู่ฉือน่ะ”
มีแค่เขาเท่านั้นที่ช่วยได้!
เสี่ยวซื่อไม่ได้สงสัยอะไร แค่คิดว่าพี่เขาคงจะมีปัญหาในเรื่องเรียน จึงอยากหาคนมาไขข้อสงสัย เด็กหนุ่มจึงปล่อยผ่านเลยไป
“งั้นไปทักทายคุณปู่กันครับ”
พวกเด็ก ๆ เดินไปด้วยกัน หลังจากทักชายชราแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน
เด็กบ้านซูต่างรู้งานกันหมดแล้ว พอเข้ามาในร้านก็จัดการล้างจานชาม ทำความสะอาดประตูหน้าต่าง โต๊ะเก้าอี้ ยุ่งวุ่นวายกันมาก
เสี่ยวเหมยนั่งลงฝั่งตรงข้ามฉือเก๋อ ท่าทางลังเลที่จะเอ่ย
ฉือเก๋อเริ่มสงสัย
เขารู้จักเด็กคนนี้มาหลายปี เธอเป็นคนตรงไปตรงมา แล้วเริ่มทำตัวอึก ๆ อัก ๆ ตั้งแต่ตอนไหน?
หลังจากผ่านไปสามถึงสี่นาทีก็ยังไม่พูดเสียที
ฉือเก๋อทนไม่ไหวในที่สุด
“เสี่ยวเหมย มีอะไรอยากพูดกับปู่ไหม?”
หญิงสาวพึมพำ แต่ก็ยังไม่เอ่ยเสียทีราวกับกังวลใจอยู่
“เสี่ยวเหมย ที่นี่ไม่มีใครแล้ว ถ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ ปู่จะเก็บไว้เป็นความลับให้เอง!”
เธอมองไปรอบ ๆ และมันไม่มีใครอยู่จริง ๆ หลังมื้อเย็นผ่านไป ลูกค้าก็น้อยลงแล้ว
“คุณปู่ฉือ หนูขอถามอะไรหน่อยค่ะ!”
เสี่ยวเหมยขบริมฝีปาก รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
เรื่องนี้มันพูดยากจริง ๆ นี่นา
“มีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือ? เสี่ยวเหมย ไม่ต้องเกรงใจปู่ฉือหรอกนะ!” ฉือเก๋อเริ่มจริงจัง
ตั้งแต่มาเมืองหลวง ทำไมเสี่ยวเหมยถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้?
เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมเธอดูขี้อายกว่าเดิมนัก
หรือจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างซูเถาฮวากับเสิ่นจื่อเจิน?
ฉือเก๋อคิดอย่างอื่นไม่ออกเลย อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เธอมีท่าทางกระมิดกระเมี้ยนแบบนี้
“คุณปู่ฉือ คือว่า…คืออาจารย์ฮั่วน่ะค่ะ ปู่ช่วยบอกเขาว่าอย่าหามาหนูที่มหาวิทยาลัยได้ไหมคะ!” เสี่ยวเหมยพูดเสียงเบา
เสียงเบาไม่ต่างไปจากเสียงยุง โชคดีที่ฉือเก๋อหูดีแม้จะอายุเยอะ ไม่งั้นคงไม่ได้ยินแน่
นี่ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของเสี่ยวเหมยเลย ชายชรามองเด็กตรงหน้าแล้วขบคิด
ไอ้ฮั่วซือเหนียนไปทำอะไรไว้น่ะ?
สร้างความลำบากให้กับสาวน้อยหรือ?
“เสี่ยวเหมย ค่อย ๆ บอกปู่ทีว่าไอ้เด็กคนนั้นมันทำอะไร ถ้าเขาทำเรื่องไม่เหมาะสม ปู่จะจัดการให้เอง”
ทว่าเสี่ยวเหมยกลับลนลานกว่าเดิม ดูเหมือนว่าอาจารย์ฮั่วจะไม่ได้ทำอะไรผิด เขาแค่เอาช่อดอกไม้มาให้และชวนไปดูหนัง
แต่มันน่าอายจริง ๆ ที่จะพูดเรื่องนี้กับชายชรา
“ไม่ใช่ค่ะ ๆ ปู่ฉือ ไอ้เรื่องจัดการเขาน่ะ…”
ฉือเก๋อสงสัยกว่าเดิม “แล้วเด็กคนนี้ไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจกัน?”
“คุณปู่ฉือ อาจารย์ฮั่วเขา…เขามาหาหนูสามวันติดเลย หนู…” เสี่ยวเหมยอยากจะพูดต่อ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
เธอรู้สึกว่าเวลาอีกฝ่ายปฏิบัติต่อเธอ น้ำเสียงที่ใช้ค่อนข้างหยอกเย้า จึงคิดตลอดเลยว่าเห็นเธอเป็นอะไรหรือเปล่า?
หลังจากพูดจาตะกุกตะกักอยู่นานนับครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็เข้าใจเสียที
ไอ้ฮั่วซือเหนียนใช้กลยุทธ์จีบสาวแบบชาวต่างชาติจนทำให้เธอกลัว
วันนั้นก็พอจะมองออกถึงสิ่งที่เด็กนั้นทำอยู่หรอก แต่ใครจะรู้เล่าว่ามันดันตามไปถึงที่เลย
ไม่รู้ว่าเสิ่นจื่อเจินรู้หรือยัง กลัวว่าถ้ารู้จะโมโหเอาเปล่า ๆ
ไม่รู้ว่ากะหล่ำปลีหัวนี้จะโดนหมูบ้านไหนกินไป?*[1]
ถึงจื่อเจินจะไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิด แต่ความรักที่มีให้คือความรักของพ่อที่มีต่อลูกสาวแน่นอน
“เสี่ยวเหมย เธอไม่ชอบฮั่วซือเหนียนหรือ?” ฉือเก๋อถามด้วยความใคร่สนใจ
*[1] หญิงงามมักจะโดนผู้ชายธรรมดาได้ไปครอบครอง