เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 474 ภารกิจส่วนที่สอง
บทที่ 474 ภารกิจส่วนที่สอง
บทที่ 474 ภารกิจส่วนที่สอง
ทำไมเด็กคนนี้เริ่มอ่านหนังสืออีกแล้ว? หนังสือมันมีอะไรน่าอ่านจริง ๆ หรือ? ทำไมถึงรู้สึกว่าเวลาที่เธออ่านหนังสือ ถึงได้ลืมสนใจสิ่งรอบข้างขนาดนี้? ตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนกับว่าทุกสิ่งรอบข้างไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย
พวกเราไม่ได้อ่านหนังสือมาหลายปีแล้ว แถมยังคิดว่าตนเองเรียนมามากพอแล้ว
แต่จู่ ๆ ก็คิดว่าความเข้าใจที่ผ่านมามันผิดหมด เพราะคิดว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานในตอนนี้แล้ว เธอเป็นอัจฉริยะที่ขยันมาก!
หลี่ว์หรูหยาถอนหายใจ “ผู้อำนวยการ ผมคิดว่าเธอไม่ได้เก่งแบบนี้เฉย ๆ นะ!”
ฉืออวี้เลี่ยงเข้าใจคำพูดของเขาเป็นอย่างดี
พวกเขาได้แต่มองหน้ากันด้วยความละอายใจ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ แต่กลับไม่ขยันเหมือนเด็ก ๆ เลย ถ้าช่วงหลายปีมานี้เรายังเรียนหนังสืออยู่ ก็คงเรียนภาษาต่างประเทศได้เยอะแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีสภาพเหมือนตอนนี้?
และพวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเสี่ยวเถียนยังคงอ่านหนังสือวันละสิบชั่วโมงเหมือนเดิม
ผลการเรียนในตอนนี้ได้รับความสามารถมาจากตัวระบบ แต่ก็มาจากการที่เธอตั้งใจเรียนอยู่ทุกวันมาหลายปีด้วย
ตอนนั้นเองที่ชายทั้งสองเข้าไปหาพนักงานโรงแรมเพื่อขอหนังสือมาอ่าน เพราะเด็กฝั่งตรงข้ามเอาแต่อ่านหนังสือ ส่วนผู้ใหญ่สองคนนั่งคุยแต่เรื่องไร้สาระ ซึ่งมันค่อนข้างตลกอยู่นะ!
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเสี่ยวเถียนก็อ่านจบ
เวลาอ่านในวันนี้ยังไม่พอเลย เธอคิดอยู่ว่าจะกลับไปอ่านต่อที่บ้านในตอนกลางคืนดีไหม? เด็กหญิงเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าด้วยความระมัดระวัง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น
ตอนนั้นเองที่เห็นสายตาสองคู่มองมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“จ้องหนูทำไมหรือคะ? มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
เสี่ยวเถียนลูบใบหน้าตนเองอย่างงงงวย
วันนี้เธอแต่งหน้าง่าย ๆ เองนะ ไม่น่าจะเลอะหรือเปล่า?
“เสี่ยวเถียน ฉันถามหน่อยสิ ปกติเธอขยันขนาดนี้เลยหรือ?” หลี่ว์หรูหยาถามอย่างระมัดระวัง
เด็กหญิงหัวเราะ
พวกเขาแปลกใจที่เธออ่านหนังสือสินะ!
เธอพยักหน้าหงึกหงัก “คุณปู่ฉือบอกว่าถ้าอยากเรียนได้คะแนนดี ๆ ต้องขยันกว่าคนอื่นค่ะ”
ผู้อำนวยการทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตกใจ!
ความสำคัญของการมีครูที่เชื่อถือได้สินะ!
ถ้าพวกเรามีครูอย่างฉือเก๋อที่สอนจริง ๆ จัง ๆ มาตั้งแต่เด็ก ชีวิตพวกเราในตอนนี้จะเปลี่ยนไปหรือเปล่า?
ไม่สิ ไม่ใช่อย่างนั้น!
พวกเขารีบปฏิเสธความคิดนั้นทันที
ถึงครูจะสำคัญ แต่ความพยายามของตัวเองสำคัญกว่าไม่ใช่หรือไง?
ถ้าไม่ขยันตั้งแต่แรก ต่อให้ครูสอนดีแค่ไหน สุดท้ายก็ทำไม่ได้อยู่ดี
“หนูเรียนกับปู่ฉือมาหลายปีแล้วค่ะ ได้เรียนอะไรมาเยอะแยะเลย แล้วหนูชอบเรียนด้วย!” เสี่ยวเถียนยิ้ม
ตอนที่เธอพูดก็จินตนาการภาพฉือเก๋อไว้ข้างหน้าด้วย เพื่อสร้างความรู้สึกที่ว่าการที่มีวันนี้ได้เพราะฉือเก๋อสอนมาดี
หลี่ว์หรูหยาและฉืออวี้เลี่ยงจำได้ว่า ฉือเก๋อกลับมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ และครอบครัวของเด็กคนนี้ก็มาจากที่นั่นเหมือนกัน
คิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตพวกเขาคงลำบากไม่น้อย แต่ทั้งสองก็ยังเรียนหนังสือด้วยกันได้ แถมยังเรียนภาษาต่างประเทศด้วย ใครจะจินตนาการได้ล่ะว่ามันยากเย็นแค่ไหนน่ะ!
“ที่เธอพูดก็ถูกนะเสี่ยวเถียน ไว้กลับไปฉันจะบอกให้หลานชายตั้งใจเรียนบ้าง!”
ฉืออวี้เลี่ยงรู้สึกว่าสำหรับเขามันสายเกินไปแล้ว แต่สำหรับคนรุ่นใหม่เรายังมีโอกาสอยู่
หลี่ว์หรูหยาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “ใช่เลย ฉันคงต้องเริ่มตั้งใจเรียนตั้งแต่วันพรุ่งนี้แล้ว แถมต้องกำชับลูกชายและลูกสาวให้ตั้งใจเรียนด้วย เด็กสองคนนั้นยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมยังพึ่งพาฉันให้ช่วยหางานให้อีก!”
ลูกชายและลูกสาวของหลี่ว์หรูหยาต่างทำงานในโรงงานผ้าไหม และได้กลายเป็นพนักงานประจำที่มีค่าจ้างดี จึงไม่มีความคิดที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าถ้าไม่คิดจะสอบก็ไม่ต้องสอบ และที่เราสอบไปก็ไม่ใช่เพื่อให้มีหน้าที่การงานที่มั่นคงไม่ใช่หรือ? แต่ตอนนี้ความคิดของเขาได้เปลี่ยนไปเพราะได้รับแรงกระตุ้นจากเสี่ยวเถียน
ตระกูลซูมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ได้ยินว่าบ้านเขามีคนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยถึงห้าคนด้วยกัน
ส่วนเขาเองเป็นคนในเมืองหลวง จะด้อยกว่าบ้านซูได้ยังไงล่ะ?
ลูก ๆ ของเขาต้องเข้าสอบให้ได้ และถ้าสอบผ่านแต่ไม่ตั้งใจเรียนก็พักงานพวกเขาเสีย เลย!
เสี่ยวเถียนสงสัยนักว่า ทำไมสองคนนี้ถึงคิดจะบังคับลูกหลานพวกเขาให้เรียนหนังสือด้วย ทว่าตอนนั้นกลับได้ยินเสียงของระบบดังขึ้น
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยนะคะ ตอนนี้เราเสร็จสิ้นภารกิจอิทธิพลทางความคิดและเปลี่ยนความคิดผู้อื่นได้สำเร็จแล้วค่ะ ทางระบบขอมอบรางวัลเป็นแต้มร้านค้าให้สามพันคะแนนค่ะ]
เสี่ยวเถียนมีความสุขมากจนแทบหุบยิ้มไม่ได้
เอ่ยแค่ไม่กี่ประโยคกลับได้แต้มมาตั้งสามพัน
ง่ายเกินไปไหมเนี่ย?
สามพันหรือ เสี่ยวเถียนมีความคิดที่จะทำให้ได้แต้มถึงหมื่นด้วย
ดูเหมือนงานล่ามในครั้งนี้ เธอจะได้เงินมหาศาลเลย
เด็กสาวหันกลับไปมอง เธอชักชวนคนอื่นดีไหม เปลี่ยนความคิดไม่อยากเรียนหนังสือน่ะ?
ถ้าทำแบบนั้นจะได้แต้มเยอะหรือเปล่า?
แล้วถ้ามันทำได้ เสี่ยวเถียนก็จะป่าวประกาศด้วย
สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ กลับมาถึงโดยไม่คาดคิด
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยค่ะ คุณผ่านส่วนแรกของภารกิจหลัก ‘มีธัญพืชนานาชนิดในหนังสือ’ แล้วค่ะ และกำลังเข้าสู่ส่วนถัดไปคือ ‘มีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือ’]
ตอนเช้ายังทะเลาะกันอยู่เลย ไหนบอกว่าภารกิจช่วงแรกยังไม่เสร็จสักที แถมยังดูถูกกันอีก?
ทำไมมาเสร็จเอาตอนนี้ล่ะ?
บังเอิญหรือ?
มันไม่มีทางที่ระบบเกิดมีสามัญสำนึกขึ้นมาแล้วช่วยเธอโกงหรอกใช่ไหม?
“แอนนา เธอไม่ได้หลอกให้ฉันทำงานให้เสร็จใช่ไหมเนี่ย?”
เสี่ยวเถียนคุยกับระบบทันที และระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่แสดงอะไรผ่านสีหน้า
ส่วนสองคนตรงหน้ายังจมอยู่ในโลกที่คิดจะกระตุ้นให้ลูกหลานเรียนหนังสือโดยไม่ได้สังเกตอะไร
[ไม่มีทางแน่นอนค่ะ แอนนาเป็นระบบที่ซื่อสัตย์มาตลอด แอนนาจะโกงโฮสต์เพื่อให้ทำงานเสร็จได้ยังไงคะ?] เสียงของแอนนาแผ่วเบาราวกับออดอ้อน
เสี่ยวเถียนแทบขนลุกซู่
ทำไมนับวันยิ่งไม่มีขอบเขตเลยนะ?
คิดว่าทำท่าทำทางแบบนี้ให้ใครดูหรือ?
ถ้าจับได้จะตีสักทีเลย!
เสี่ยวเถียนขบคิดในเรื่องนี้
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยค่ะ ภารกิจ ‘มีบ้านทองคำอยู่ในหนังสือ’ ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วสี่สิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ! ขอให้โฮสต์ตั้งใจทำงานหนักแบบนี้ต่อไปเพื่อให้เราได้ไปยังส่วนต่อไปในเร็ววันนะคะ]
[โฮสต์มีแพ็กเกจของขวัญนำโชคสองชุดด้วย คุณสุ่มตอนนี้เลยไหมคะ?]
ไม่รู้ว่าแอนนาสัมผัสได้ถึงความปรารถนาในใจของเด็กสาวที่พยายามเอาชนะอยู่หรือเปล่า เธอจึงรีบเอ่ยโดยไม่รีรอ
ตอนนั้นเธอไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติได้เลย
และสิ่งที่ระบบกล่าว ทำให้เสี่ยวเถียนตกใจมาก!
ภารกิจส่วนที่สองเสร็จไปแล้วสี่สิบเปอร์เซ็นต์?
ได้ยังไงกัน?
วันนี้เพิ่งจะเข้าสู่ภารกิจส่วนที่สองเองไม่ใช่หรือ?