เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 484 คนที่หัวหมุนที่สุด
บทที่ 484 คนที่หัวหมุนที่สุด
บทที่ 484 คนที่หัวหมุนที่สุด
ไม่ว่าเสี่ยวเถียนจะเห็นแก่ตัวหรือไม่ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เธอได้ช่วยพวกเขาเอาไว้ ฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยาต่างรู้เรื่องนี้ชัดเจน
“ผู้อำนวยการครับ เรื่องนี้…” ใจที่ติดค้างคิดสงสัย
แต่อีกฝ่ายก็ขัดขึ้นเสียก่อน “รองผู้อำนวยการหลี่ว์ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แค่ตรวจสอบให้ชัดเจนก็พอ!”
แม้บุคลิกจะดูเป็นคนที่มีนิสัยดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้คนอื่นมารังแกกันได้นะ
ก่อนหน้านี้แค่อยากไว้หน้าให้กัน และไม่อยากให้เบื้องบนเคืองใจเพราะคนที่ไม่ควรค่า แต่ในเมื่ออีกฝ่ายทำถึงขนาดนี้ แล้วทำไมเขาต้องเอามันมาใส่ใจด้วย
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา หลี่ว์หรูหยาไม่เคยเห็นฉืออวี้เลี่ยงเป็นแบบนี้มาก่อนเลย และจากที่รู้มา เขาเป็นคนดีที่ไม่ได้มีความคิดอคติกับใคร แม้ว่าหม่าว่านกั๋วจะข่มเหงเขาบ่อย ๆ มีทั้งเรื่องที่ปิดบังเอาไว้ ทั้งเรื่องที่ไม่ได้รายงาน เขาก็ทำแค่หัวเราะเท่านั้น
แต่ไม่คิดเลยว่า วันนี้คนที่นิ่งสงบแบบเขาจะโมโหขึ้นมา
หลี่ว์หรูหยาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่เรื่องนี้เขาทำเกินไปมากจริง ๆ ถ้าไม่ระวังผู้อำนวยการได้ถึงวาระแน่ ตัวเขาที่เป็นรองผู้อำนวยการก็คงไม่รอดเหมือนกัน และจะส่งผลทำให้โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่โดนลากเข้าไปเอี่ยวด้วย
แต่หม่าว่านกั๋วมีคนหนุนหลังอยู่นะ ผู้อำนวยการจะสู้เขาได้หรือ?
“เราพักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วกัน ยังไงก็ต้องรอจนกว่าจะเซ็นสัญญากับทางคุณออกัสเสียก่อน”
ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่สมองของเขาก็ยังมีสติอยู่ เขาจะปล่อยให้ความสับสนนี้สร้างปัญหาไม่ได้
หลี่ว์หรูหยาพยักหน้า
“ผู้อำนวยการครับ ไม่งั้นให้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลไหมครับ แล้วก็ไม่ต้องไปงานเจรจาในวันพรุ่งนี้?” เขากล่าวต่อ
“ฉันมอบหมายเรื่องนี้ให้อาจารย์ฮั่วแล้ว ถึงคำอธิบายจะไม่ชัดเจน แต่ก็ขอให้เขาช่วยดูแลแขกจากเมืองตะวันออกไปก่อนวันนึง” ฉืออวี้เลี่ยงกล่าวอย่างหนักแน่น
ภาพชายชราตัวเล็กในสายตาหลี่ว์หรูหยาตอนนี้ดูสดใส อกผายไหล่ผึ่งดูมีความมั่นใจ
มันมีช่องว่างระหว่างเขากับผู้อำนวยการจริง ๆ ด้วย
ไม่สิ เขามีช่องว่างระหว่างคนอื่น ๆ มากกว่า จากนี้ไปยังมีอะไรที่เขาต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยสินะ!
วันรุ่งขึ้น ผู้อำนวยการทั้งสองไปรับเสี่ยวเถียนแต่เช้า
เด็กหญิงประหลาดใจมากที่เห็นพวกเขามาด้วย แต่ทำไมท่าทางของพวกเขาถึงดูไร้วิญญาณขนาดนี้ล่ะ?
หรือยังเหนื่อยอยู่?
ไม่หรอกมั้ง เธอหายเป็นปลิดทิ้งเลยนะ นับประสาอะไรกับชายสองท่านนี้ล่ะ?
“สหายเสี่ยวเถียน ถ้าพร้อมแล้วทางเราจะได้เตรียมตัวออกเดินทางครับ” ฉืออวี้เลี่ยงเหนื่อยจริง ๆ แต่พยายามปรับน้ำเสียงให้ดูเหมือนปกติ
เขาถ่อมตัวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนเธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
ทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับทั้งสองภายในชั่วข้ามคืน? ไหนจะคำพูดคำจาที่ดูเหมือนให้เกียรติกันขนาดนี้อีก?
หรือเพราะสิ่งที่เธอทำเมื่อวานทำให้พวกเขาเปลี่ยนมุมมองใหม่? เสี่ยวเถียนคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แล้วสุดท้ายก็เลิกคิดไป
ส่วนทางฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยาไม่ได้พูดอะไร เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการสืบสวน อีกทั้งยังไม่เจอหลักฐานอะไรอีกด้วย
“ผู้อำนวยการโรงงาน พวกคุณดูเหนื่อยล้ากันนะคะ อย่าลืมว่าวันนี้เรายังต้องสู้อีกนะ!”
เสี่ยวเถียนค่อนข้างกังวลสภาพจิตใจของพวกเขา กังวลว่าจะรับมือได้หรือเปล่า
ชายทั้งสองมองหน้ากัน เราไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่ดีหรือ? แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?
เสี่ยวเถียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งเข้าครัวและนำซุปไก่ออกมาให้อย่างว่องไว
“นี่เป็นซุปไก่ที่ตุ๋นด้วยวัตถุดิบยาจีนล้ำค่าค่ะ ดื่มเพื่อบำรุงนะคะ!”
เดิมทีพวกเขาคิดจะปฏิเสธ เพราะมันไม่ใช่หยาดน้ำจากเทพธิดาเสียหน่อยที่จะแก้ปัญหาของพวกเราได้ แต่พอนึกถึงความตั้งใจของเด็กหญิงแล้ว พวกเขาก็กล่าวขอบคุณก่อนจะดื่ม
หลังจากดื่มซุปไก่อุ่น ๆ แล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก
ความอ่อนล้าในจิตใจหายไปหลายส่วน และในไม่ช้า พวกเขาก็พบว่าสิ่งที่เด็กสาวพูดไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะในซุปใส่ส่วนผสมของสมุนไพรจีนอันล้ำค่าจริง ๆ
ตอนนี้ผู้อำนวยการทั้งสองกลับมากระฉับกระเฉงอีกครั้ง และยืนกรานว่าการเจรจาวันนี้จะไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด
ส่วนซุปไก่ที่คุณย่าซูทำให้เสี่ยวเถียน เด็กสาวได้ใส่ผงยาลงไปทำให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าว
คนทั้งสามออกเดินทาง กระทั่งมาถึงสถานที่นัดพบ
คริสติน่าไม่ได้อยู่ที่นั่น คนที่อยู่ในการเจรจาวันนี้มีแค่สามคน รวมถึงล่ามด้วย
ตอนที่ออกัสเห็นเสี่ยวเถียนก็จ้องมองเธอไม่หยุด
เมื่อเช้าอาหารของโรงแรมที่กินไปรสชาติจืดชืดมาก
ตอนเที่ยงเราไปกินที่หออีหมิงได้อีกหรือเปล่า?
ร้านอาหารที่สาวน้อยแนะนำนี่รสชาติดีจริง ๆ นะ! แต่เพราะอีกฝ่ายไม่พูดอะไร คนอย่างออกัสก็อายเกินกว่าจะเอ่ยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ตามกำหนดการ ช่วงเช้าของวันที่สองและสามเป็นช่วงเวลาเจรจา
ระยะเวลาสิบชั่วโมงมันสั้นจริง ๆ ที่จะสรุปธุรกิจนี้ให้เสร็จสิ้น
พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วตรงเข้าประเด็นทันที
งานที่เตรียมการไว้เมื่อวานเกือบเสร็จแล้ว การประชุมครั้งนี้ยากยิ่งขึ้นเมื่อมีอุปสรรคในเรื่องของภาษาระหว่างสองฝ่าย ซึ่งเราจะต้องใช้ล่ามในการดำเนินการประชุม
แต่ล่ามอีกฝ่ายดูไม่เป็นมืออาชีพนัก
ไม่มีความเป็นมืออาชีพในความคิดเห็นของเธอ
อันที่จริงเขาก็ทำดี แต่ไม่ดีเท่าเธอ
ที่จริงเสี่ยวเถียนเข้าใจผิด เธอคิดว่าตนเป็นมือสมัครเล่นมากนะ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ดีเท่า แน่นอนว่ายิ่งไม่มีความเป็นมืออาชีพเสียเลย
และตอนนั้นตนก็ลืมไปเสียสนิทว่าจากประสบการณ์เมื่อวาน เธอได้ตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนและวุ่นอยู่กับระบบเพื่อประเมินผลงานตัวเองไม่น้อยเลย
ตอนนี้ความสามารถของเธอ มีความเป็นมืออาชีพยิ่งกว่าล่ามมืออาชีพเสียอีก
เรื่องนี้ออกัสก็รู้
เทียบกันแล้ว ออกัสไม่ชอบล่ามที่เขาพามาด้วยเลย
ล่ามเชี่ยวชาญอะไรล่ะ ความลื่นไหลในภาษาจีนยังสู้เด็กคนนั้นไม่ได้เลย
แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้รับรู้ถึงความไม่พอใจของชายคนนี้ เพราะยามที่อยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เธอทำทุกอย่างตามหน้าที่ที่ล่ามควรจะทำ
แถมในระหว่างนั้นต้องเผชิญปัญหากับกับดักที่ออกัสขุดไว้อย่างต่อเนื่องด้วย เธอจึงรับหน้าที่ถมมันให้เต็ม นี่ก็เพื่อให้ฉืออวี้เลี่ยงและหลี่ว์หรูหยารับรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคำขอของอีกฝ่าย
สรุปแล้ว การเจรจาในครั้งนี้ คนที่หัวหมุนที่สุดคือเสี่ยวเถียน
ออกัสประหลาดใจที่เด็กสาวเอ่ยแปลอย่างมั่นใจและกระฉับกระเฉง แถมยังตอบทุกคำถามอย่างคล่องแคล่วด้วย
เดิมทีก็คิดว่าเธอไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า เวลาแค่วันเดียว กลับทำให้ความรู้สึกที่สัมผัสได้เพิ่มขึ้น ถ้าจะบอกว่าเมื่อวานทำให้เขาประทับใจ วันนี้เธอทำให้เขาประหลาดใจมากกว่า
อายุแค่นี้เอง แต่ทำได้ยังไงนะ?
เข้าใจศัพท์เฉพาะทาง ทั้งยังหยิบยกมาใช้ได้ดีอีกด้วย เป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ และตอนนี้เขากำลังโดนเธอจัดการอยู่ จึงสร้างความลำบากให้ไม่น้อย
ใช่แล้ว การเจรจาในวันนี้เสี่ยวเถียนใช้ความสามารถในการเจรจา และขัดความคิดของออกัสได้โดยสิ้นเชิง
โดยที่ไม่รู้เลยว่าออกัสไม่ใช่คนธรรมดา