เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 525 สร้างรายได้ในธุรกิจใหม่
บทที่ 525 สร้างรายได้ในธุรกิจใหม่
บทที่ 525 สร้างรายได้ในธุรกิจใหม่
ใกล้ปีใหม่เข้าไปทุกที ธุรกิจหออีหมิงขายดิบขายดีมาก คุณย่าซูและพนักงานยุ่งจนเดินเท้าไม่ติดพื้น หลู่เว่ยเองก็ต้องคอยดูแล
พวกเด็ก ๆ อยากจะขายอาหารบ้าง แต่เพราะยังเด็กจึงไม่มีแรงพอทำหลู่เว่ยจำนวนมากไหว
วัตถุดิบเตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือก็แต่เอามาตุ๋นซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ใช้เวลานานมากเพราะต้องซื้อวัตถุดิบทุกวัน ล้างทำความสะอาด แล้วใส่หม้อเพื่อทำการตุ๋น แต่งานพวกนี้เด็ก ๆ ทำไม่ได้
บังเอิญเลย มีเสี่ยวเหลียงที่ฝึกฝนในกองทัพมาหลายปีออกแรงช่วยงานในส่วนนี้ให้
“ผมจัดการให้เองครับ แต่เรื่องไฟกลัวว่าจะทำให้ไม่ได้” เสี่ยวเหลียงยืนกรานในความสามารถ
งานด้านกายภาพไม่มีปัญหาหรอก มีก็แต่งานเฉพาะทางที่ทำไม่ได้
เสี่ยวเถียนขบคิด “หนูว่าพวกเราอย่ามายุ่งกับเตาร้านเลยค่ะ เดี๋ยวจะวุ่นวายเอา ไปทำหลู่เว่ยที่บ้านดีกว่านะ!”
“ใช่ ๆ เตาร้านกำลังยุ่งเลย ใช้ของที่บ้านได้” เสี่ยวลิ่วเห็นด้วย
หลังจากคุยกับคุณย่าแล้ว เธอตอบตกลงอย่างไม่ลังเลแต่ในใจยังพะวงเรื่องเด็ก ๆ ดังนั้นเลยวานให้หลีอวี๋เหนียงช่วยดูแล
และตอนนี้เราก็มีคนดูแลเรื่องไฟแล้ว
อันที่จริง มันไม่มีเหตุผลที่คุณย่าซูจะให้อีกฝ่ายกลับบ้านไปช่วย แต่จดหมายที่เขียนหาฉีเหลียงอิงเพื่อวานให้เธอช่วยทำเรื่องใบรับรองที่สำนักงานแขวงให้ จนถึงตอนนี้ใบรับรองก็ยังไม่ส่งมาเลย
ช่วงก่อนปีใหม่ มีการตรวจตราที่เข้มงวดมาก ถ้าอยู่ในบ้านจะปลอดภัยมากกว่ามาพะวงอยู่ในร้านอาหารเสียอีก
หลีอวี๋เหนียงรู้ดีว่าแผนที่คุณย่าซูคิดให้ดีที่สุดแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ
คนบ้านนี้ช่วยเธอให้ผ่านความยากลำบากมาหลายอย่างเลย
และตอนนี้เธอก็เป็นหญิงชราคนนึง พื้นที่ช่วยเหลือในร้านอาหารมีอยู่จำกัด แต่ก็ได้เงินมากพอ ๆ กับคนอื่น เท่านี้ก็ละอายใจมากพอแล้วแหละ
ตอนทำหลู่เว่ยที่บ้าน เธอแค่นั่งเฝ้าไฟ ส่วนเรื่องอื่นให้เด็ก ๆ จัดการ เลยได้แต่คิดว่าควรจะหาอะไรทำสักหน่อย หลังจากครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดหญิงชราก็ไปหาเสี่ยวเถียน
“เสี่ยวเถียน ย่าเฝ้าไฟอยู่ทุกวันไม่มีอะไรทำเลย ก็เลยคิดว่าจะทำอะไรดี คิดไปคิดมาย่าว่าจะทำเฉาก๊วยหนูคิดว่าไง?”
เสี่ยวเถียนครุ่นคิด “ได้ค่ะ เราขายพร้อมหลู่เว่ยเลยดีกว่า อาจจะได้เงินเยอะก็ได้นะคะ!”
หลายปีมานี้วิธีการทำเฉาก๊วยยังยุ่งยากเหมือนเดิม หลัก ๆ มาจากนวดแป้งได้ค่อนข้างช้า
เด็กสาวแลกแต้มซื้อแป้งถั่วลันเตาคุณภาพสูงและแป้งถั่วเขียวจากระบบมาให้หลีอวี๋เหนียง
หญิงชราไม่เคยเห็นแป้งคุณภาพดีขนาดนี้มาก่อนเลย ได้แต่สงสัยว่ามันจะทำได้จริงหรือ?
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ทำได้แน่นอนค่ะ”
การทำเฉาก๊วยด้วยแป้งถั่วลันเตาและแป้งถั่วเขียวง่ายมาก สะดวกกว่าวิธีดั้งเดิมเสียอีก ซึ่งหลีอวี๋เหนียงชำนาญได้อย่างรวดเร็ว
“ง่ายจริง ๆ นะเนี่ย แต่ไม่รู้ว่าออกมาจะอร่อยหรือเปล่า”
เพราะทำครั้งแรกจึงไม่กล้าทำเยอะ ดังนั้นจึงตั้งหมอทดสอบแต่ก็คิดไว้แล้วแหละว่าถ้าขายไม่ออก ที่บ้านเรายังมีอีกหลายคน แบ่ง ๆ กันกินเดี๋ยวก็หมด จะได้ไม่เสียเปล่า
กระทั่งเฉาก๊วยเนื้อนุ่มเด้งวางลงตรงหน้า หลีอวี๋เหนียงรู้สึกว่าทำมาน้อยไปน้อย
เฉาก๊วยที่ทำจากแป้งทั้งสองชนิดโดยตรงดีกว่าแบบที่ต้องทำมือเยอะมาก
“เสี่ยวเถียน พวกเราขายได้แน่นอนจ้ะ!”
เด็กสาวไม่ทันได้พูด อีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ
เสี่ยวเถียนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ในยุคนี้ของกินเล่นมีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเฉาก๊วยหรือก๋วยเตี๋ยวเย็น มันควรเป็นของที่มีขายในตลาด อีกอย่างตัวแป้งที่เสี่ยวเถียนใช้ก็คุณภาพสูง เฉาก๊วยที่ทำออกมาจะมีคุณภาพสูงแน่นอน รับประกันได้เลย
แน่นอนว่าวันนั้นเด็ก ๆ กลับมาพร้อมกับเฉาก๊วยที่ขายหมดเกลี้ยง
พวกเขาให้เงินค่าเฉาก๊วยแยกต่างหากแก่หลีอวี๋เหนียง เฉาก๊วยสองหม้อขายได้ทั้งหมดสิบสามหยวน
หญิงชราไม่เต็มใจจะรับไว้
เธอคิดว่าถ้ารับมาก็ไร้ยางอายเกินไปหน่อย เพราะตัวเองก็ได้เงินเดือนจากคนบ้านซูด้วย
“คุณย่าหลีรับไว้เถอะครับ เป็นเงินที่ย่าได้มาจากการทำเฉาก๊วยอย่างยากลำบากนะครับ” เสี่ยวลิ่วสงสารหญิงชราใจดีคนนี้ เลยไม่อยากฉวยโอกาส
เพราะอายุย่าหลีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่กี่ปีก็ทำงานไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่เก็บเงินไว้ตอนนี้แก่ตัวไปจะทำยังไง?
สุดท้ายอีกฝ่ายก็รับไว้ครึ่งหนึ่ง
แต่เด็ก ๆ ไม่เห็นด้วยและได้รับคำตอบมาว่า “พวกหลานขายอาหารมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย เหนื่อยกว่าย่ามาก ถ้าไม่เห็นด้วยเรื่องส่วนแบ่งนี้ ย่าจะไม่ทำเฉาก๊วยแล้วนะ”
เสี่ยวเหมยจัดการสถานการณ์ “ตกลงค่ะ นอกจากค่าอื่นแล้ว ค่าเฉาก๊วยเราจะแบ่งให้คุณยายหลีครึ่งหนึ่ง พวกเราครึ่งหนึ่งนะ”
เสี่ยวกังมองพี่สาวด้วยความสงสัย
เพราะแปลกใจที่พี่กลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร
พวกเขาทำเพื่อช่วยย่าเพราะย่าหลีน่าสงสารจริง ๆ แล้วเสี่ยวเหมยจะไม่เข้าใจความคิดน้องชายได้ยังไง?
ถึงหลีอวี๋เหนียงจะเป็นคนที่อ่อนแอมาตลอดชีวิต แต่เธอยังมีขอบเขตอยู่บ้าง
ถ้าช่วยโดยไม่สนใจอะไร มันจะสร้างภาระอันหนักอึ้ง
หลังจากนั้นอีกหลายวันต่อมา ธุรกิจเฉาก๊วยเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละวันขายได้สามสี่สิบหยวนเลย
หลีอวี๋เหนียงมองเงินในมือที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นที่มีความสุขเบ่งบานเป็นดอกไม้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเงินที่หาได้ในเมืองหลวงจะกำไรดีกว่าในเมืองที่เคยอยู่
ไม่แปลกใจที่เขาบอกกันว่า ทุกหนทุกแห่งของเมืองหลวงมีทองคำอยู่เต็มไปหมด
ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก แต่เหมือนจะไม่ใช่ซะทีเดียว ขอแค่หาวิธีได้เราก็ได้เงินแล้วไม่ใช่หรือ? ในเมื่อหลีอวี๋เหนียงรับเงินจากส่วนแบ่งของเจ้าพวกเด็ก ๆ เธอจึงปฏิเสธรับเงินเดือนของบ้านซู
คุณย่าซูไม่ได้ปฏิเสธ
หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาติดต่อขอขายส่งเฉาก๊วยที่หลีอวี๋เหนียงทำ เหมือนกับหลู่เว่ยที่ตอนนี้ทำเป็นขายส่งเช่นกัน ถึงจะได้เงินน้อยไปหน่อยแต่ยอดขายเยอะ
เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพราะมีงานแปลที่ต้องทำ ตารางงานในวันหยุดนี้เต็มหมดแล้ว เธอหาเงินด้วยตัวเองได้มากมาย
ส่วนผู้ใหญ่ในบ้านไม่ได้กลับบ้านกลับช่องกันเลย
ช่วงนี้ยุ่งอยู่แต่กับการหาเงินกันทั้งนั้น
ทุกคนวุ่นวายกันจนทั้งถึงวันที่ 26 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ เราต้องขึ้นรถไฟรอบเย็นตรงกลับไปหงซินเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่
ครอบครัวเถาฮวาก็เดินทางกลับเช่นกัน เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่อลังการไม่ไหว
ส่วนหลีอวี๋เหนียงไม่อยากกลับ อวี่รุ่ยหยวนจึงเชิญไปฉลองด้วยกันที่บ้าน
ทีแรกเธอก็ปฏิเสธเพราะจะรบกวนมากเกินไป แต่อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองกับสามีทำอาหารไม่เป็น เลยเชิญเธอมาเพราะอยากให้ช่วยทำอาหารส่งท้ายปีหน่อย
นอกจากนี้ยังมีสองปู่หลานบ้านฉือร่วมฉลองด้วย คนเยอะแยะบรรยากาศมีชีวิตชีวามาก
เย็นวันนั้นครอบครัวซูและครอบครัวเถาฮวาขึ้นรถไฟไปโดยมีอาจารย์ฮั่วมาส่ง พอเมื่อเห็นกลุ่มคนออกไปพร้อมกับถุงใบเล็กใบใหญ่ ชายหนุ่มก็เศร้าใจมาก!
เมื่อไรจะได้รับการอนุญาตและตามกลับไปที่กองชุมชนอย่างเปิดเผยสักทีนะ
แต่ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ทำงานหนักเหมือนกัน