เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 528 ทะเลาะ
บทที่ 528 ทะเลาะ
บทที่ 528 ทะเลาะ
Content Warning : มีฉากบรรยายเลือด ฉากใช้กำลังและความรุนแรง
เดิมทีเสี่ยวเถียนคิดจะออกตัวไปแล้วล่ะ แต่พี่ ๆ เอ่ยแทนตัวเองไปหมดแล้ว ส่วนเธอทำได้แต่มองอยู่ด้านหลัง เสี่ยวเถียนไม่ชอบจินหวาและอิ๋นหวาเลย
ไม่มีมีความภักดีการปฏิวัติที่ยึดมั่นไว้ดั่งชื่อหงซินเลย อีกอย่าง พวกเขาก็ไม่ใช่เด็กแล้ว พวกเขาโตจนเป็นวัยรุ่นแล้ว ทำไมไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิด
พวกคนในกองชุมชนที่มาถึงก็เพิ่งตอบสนองจากความตกใจที่เกิดจากหลิวซิ่วอิงได้ อีกทั้งยังโทษสามย่าหลานพวกนี้ด้วย
“พวกเขากลับมาจากเมืองหลวงนะ จะให้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กับฉันหน่อยไม่ได้หรือไง?” หลิวซิ่วอิงไม่พอใจ
“ป้า ป้าจะบอกว่าของการที่คนเขาเอาให้กับตัวเองไปแย่งมาเนี่ยมันเหมือนกันได้หรือคะ?” ภรรยาหลี่จู้จื่อหัวเราะ
“ก็จริงนะ ฉันว่าครอบครัวเสี่ยวเถียนเพิ่งจะกลับมาที่บ้านน่าจะขาดที่ดินอยู่นะ ไปเอาของบ้านเธอมาสักหน่อยดีไหมล่ะ?” ยายฉางยิ้มเชือดเฉือน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่จัดการกับหลิวซิ่วอิง ทั้งยังลุกขึ้นช่วยคะยั้นคะยอด้วย
บางคนบอกให้คุณย่าซูไปบ้านหลิวซิ่วอิงเพื่อไปเอาเส้นบะหมี่มาสักครึ่งหม้อ บางคนบอกให้ไปเด็ดหัวผักกาดมา ถึงกระทั่งมีบางคนให้ไปเอาเนื้อที่แบ่งสำหรับปีใหม่เมื่อวานก่อนมาด้วยนะ
หลิวซิ่วอิงไม่คิดว่าแค่ประโยคเดียวจะทำให้คนอื่น ๆ รอเหยียบย่ำเธอแบบนี้ สุดท้ายก็วิ่งหนีไปพร้อมกับลากหลานชายที่กำลังร้องไห้ไปด้วย
ตอนที่วิ่งออกมาไกลแล้ว ยังได้ยินเสียงหัวเราะสดใสจากบ้านนั้นเลย พอกลับมาถึงบ้านก็เห็นสามีนั่งสูบกล้องยาสูบอยู่บนเตียงเตา
“สูบ ๆ มันเข้าไป วัน ๆ รู้จักแต่สูบยาสูบ ไม่คิดจะมาดูหน่อยหรือว่าเมียกับลูกหลานโดนคนอื่นข่มเหงยังไงน่ะ!”
ซูซานในตอนนี้ไม่ได้มีความสุขเท่าไร เพราะได้ยินข่าวว่าพี่ชายกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว แถมยังได้ยินอีกว่าเขาหาเงินได้เยอะเลยด้วย
เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองบ้านไม่ดีเท่าไร จึงไม่มีหน้าไปพบอีกฝ่าย
พอเห็นหลิวซิ่วอิงหิ้วหลานที่ร้องโอดครวญกลับมาด้วยก็ยิ่งอารมณ์เสีย
แต่เพราะโดนภรรยาคนนี้ข่มเหงมาหลายปี จึงไม่กล้าตะคอกใส่ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
หญิงชราที่เห็นสามีเป็นเช่นนั้นก็โกรธจนพุ่งเข้าไปผลักอีกฝ่ายอย่างแรง
ตอนนั้นชายชรากำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ จึงโดนผลักโดยไม่ทันตั้งตัว เผอิญกับที่เขาล้มตรงมุมโต๊ะพอดี หัวจึงกระแทกมันอย่างแรง
เลือดสีแดงสดไหลซึมมาจากหัวของเขา
ซูซานจับบริเวณหัวก็พบว่ามันเลือดออก ยามมองเลือดสีสด แววตาซูซานกลายเป็นสีแดงเช่นกัน
“ยายแก่นี่ หน้าด้านไม่พอยังคิดจะฆ่าสามีตัวเองอีก คอยดูฉันตบแกให้ตายเดี๋ยวนี้เลย”
ผลคือชายผู้ที่ซื่อตรงมาตลอดชีวิต ทุบตีภรรยาเป็นครั้งแรก เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ๆ แน่นอนเหตุผลที่ทำให้ตื่นตระหนกขนาดนี้เพราะหลิวซิ่วอิงกรีดร้องเสียงดังสนั่น
เดิมทีเธอก็เป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว พอโดนทุบตีอย่างนี้ คนรอบข้างได้ยินก็คิดว่าเกิดการฆาตกรรมที่บ้านซูซานขึ้น
ในไม่ช้าข่าวก็ไปถึงหูของหัวหน้าอย่างซูฉางจิ่วที่กำลังนั่งคุยอยู่ที่บ้านซู
พอได้ยินว่าครอบครัวซูซานกำลังสู้กันเขาก็คิดว่าฝ่ายชายน่าจะแพ้
“เดี๋ยวผมไปดูก่อนนะ พวกคุณคุยกันไปก่อนนะ”
ซูฉางจิ่วขมวดคิ้วก่อนเดินไปที่บ้านหลังนั้น
“ตาเฒ่า อยากไปดูไหม?” คุณย่าซูกระซิบถาม
“ไม่ไปหรอก ไม่มีอะไรน่าดูทั้งนั้น” คุณปู่ซูขมวดคิ้ว
ในความคิดเขา การที่ต้องเฝ้ามองน้องชายโดนทุบตีไม่มีประโยชน์อะไร
คนอื่น ๆ ในกองชุมชนรู้ขอบเขตดี พอรู้ว่าบ้านซูเพิ่งกลับมาก็ไม่คิดรบกวนต่อ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านตัวเอง หลังจากทุกคนไปเหล่าซานก็บอกว่า
“ผมไปดูมาแล้วครับ พ่อรองหัวแตกเพราะแม่รอง ส่วนหน้าแม่รองมีรองฟกช้ำรอยจ้ำเต็มไปหมด ร่างกายไม่น่าเหลือสภาพดีเลย”
คุณปู่ซูมองลูกชายคนเล็กด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ
น้องชายที่โดนภรรยาทารุณมาทั้งชีวิตเกิดขัดขืนขึ้นมา? เป็นไปได้จริงหรือ?
“จริงหรือ? แล้วอาการแม่รองเกิดจากที่พ่อรองทุบตีหรือ?”
“ครับ ได้ยินหัวหน้าบอกว่าพ่อรองคร่อมแม่รองอยู่แล้วก็ทุบตีแก ถ้าหัวหน้าไม่ดึงไว้ก็น่าจะโดนจนตาย” เหล่าซานคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?” คนเป็นพ่อถาม
“แม่รองหนีไปแล้วครับ บอกว่าจะไม่อยู่กับพ่อรองแล้ว จะกลับบ้านให้ได้!”
“จะปีใหม่แล้วแท้ ๆ เกิดเรื่องเอะอะเสียอย่างนั้น!” คุณปู่ซูว่าก่อนจะเงียบไป
ส่วนคุณย่าซูมาคุยกับเหลียงซิ่วและหวังเซียงฮวาเป็นการส่วนตัว “นางจะกลับบ้านหรือ? ไม่ได้นึกเลยหรือไงว่าพ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว พี่ชายก็ไม่อยู่ เหลือแต่หลานชาย แล้วคิดว่าหลานจะดูแลนางไหวหรือ?”
ไม่รู้ว่าหลิวซิ่วอิงคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงทำตัวแบบนี้นะ? ส่วนสะใภ้ทั้งสองเป็นเพียงลูกหลาน จึงไม่ได้พูดไปมากกว่านี้ ได้แต่ฟังคำบ่นของแม่สามีแทน
บางครอบครัวก็สุข บางครอบครัวก็ทุกข์ระทม ช่วงมื้อค่ำของบ้านหลักตระกูลซูมีชีวิตชีวามาก ส่วนบ้านซูซานกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศหดหู่
ช่วงอาหารเย็น ฉีเหลียงอิงกลับมาจากอำเภอเช่นกัน แถมยังหิ้วขนมไข่กลับมาไม่น้อยเลย
“ทำไมปีนี้เธอเอาขนมไข่มาเยอะจังล่ะ?” แม่สามีถามด้วยความประหลาดหลังจากเห็นปริมาณ
“โรงงานไม่ค่อยมีประสิทธิภาพแล้วค่ะ ช่วงปีใหม่ก็ไม่ได้ให้อะไรเลย ได้แค่ขนมไข่คนละถุง” ฉีเหลียงอิงเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น
เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ได้ไม่ถึงครึ่งดาวด้วยซ้ำ เธอได้แต่เสียใจว่าทำไมไม่ขายงานนี้แล้วตามไปเมืองหลวงเหมือนคู่น้องสาม
ประสิทธิภาพของโรงงานย่ำแย่ แถมยังขายไม่ค่อยออกด้วย เหลียงซิ่วได้แต่กังวล ตอนที่เธอไปถึงสภาพมันจะไม่ค่อยดีแต่ก็ไม่คิดว่าจะไปไวขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
“ตั้งแต่ที่ในเมืองหลวงมีโรงงานขนมอบมาเปิดสองแห่ง ประสิทธิภาพของโรงงานเราแย่ลงทุกวัน ผู้อำนวยการหลี่ก็ย้ายออกไปแล้ว คนใหม่ที่มาแทนก็ไม่ดีเท่าเขาเลย”
“ผู้อำนวยการหลี่โดนย้ายแล้ว?”
“ใช่จ้ะ โดนย้ายเข้าไปในตัวเมืองใหญ่นู่นเลย ถ้าเขายังอยู่ก็คงไม่เป็นแบบตอนนี้หรอก!”
ฉีเหลียงอิงเคยคิดว่าไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้อำนวยการโรงงานได้ แต่ตอนนี้เธอตระหนักว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเป็นผู้นำได้ และถ้าได้คนไม่มีความสามารถมา มันจะเป็นการทำร้ายทุกคนแบบนี้แหละ
“สะใภ้น้องสาม ดีแล้วที่เธอไป พี่ไม่รู้ว่าปีหน้าโรงงานนี้จะอยู่ได้นานอีกแค่ไหน” พอคิดถึงเรื่องนี้ฉีเหลียงอิงก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะทะเบียนบ้านเธออยู่ในอำเภอ ถ้าโรงงานไม่รอด เธอคงได้อดตายจริง ๆ
หลังจากบ่นไปหลายประโยคฉีเหลียงอิงก็ไม่ได้พูดเรื่องน่าเศร้าต่อ เธอเดินเข้าไปหาพวกเด็ก ๆ แต่จู่ ๆ ก็ตบหน้าผากเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“ดูสมองฉันซิ ลืมเรื่องสำคัญไปได้ยังไงเนี่ย”
“เกิดอะไรขึ้น?” เหล่าเอ้อร์เห็นภรรยาตบหน้าผากก็รีบถาม
“หม่านซิ่วโทรมาเมื่อเช้านี้ เห็นบอกว่าจะมาถึงอำเภอเช้าพรุ่งนี้น่ะ”
“หม่านซิ่วจะกลับบ้านมาช่วงปีใหม่หรือ?” พอได้ยินว่าลูกสาวจะกลับมาคุณย่าซูก็ตื่นเต้นขึ้นทันใด