เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 564 ความคิดของเหล่าซาน
บทที่ 564 ความคิดของเหล่าซาน
บทที่ 564 ความคิดของเหล่าซาน
ช่วงนี้เสี่ยวเถียนเพิ่งจำได้ว่าเธอเกือบลืมเหตุการณ์สำคัญไป ก่อนหน้านี้เธอไปสุ่มรางวัลกับระบบมา สิ่งได้รับมาถือว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย มันเป็นอุปกรณ์แปรรูปเนื้อสัตว์ครบชุดและสามารถอัปเกรดได้
ว่าง่าย ๆ คือ มันสามารถทำหลู่เว่ยในบรรจุภัณฑ์สุญญากาศได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ใช่แค่สุ่มได้อุปกรณ์ชิ้นนี้นะ แต่ยังมาพร้อมกับสูตรอาหารถึง 20 รายการ
ตอนสุ่มได้รางวัลนี้มา เจ้าระบบเกิดขัดแย้งขึ้นบวกกับตอนนั้นตนเองกำลังยุ่งพอดี เลยลืมเรื่องนี้ไป
ตอนไปหรงเฉิงก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เลยว่าจะคุยกันจริง ๆ จัง ๆ เสียหน่อย ตอนนี้เจ้าระบบสงบขึ้นแล้ว จะไม่มีทางทำให้เกิดเหตุพูด ๆ อยู่แล้วโมโหขึ้นมาหรอกนะ
ถึงเราจะได้มีอุปกรณ์และสูตรอาหารมา แต่ใช่ว่าเรื่องนี้จะจัดการได้ง่าย ๆ
เงินทุนที่ใช้เปิดโรงงานไม่เท่าร้านค้าหรอกนะ เรื่องนี้ต้องพิจารณากันในระยะยาว
เพื่อหาทุนพวกนั้น เสี่ยวเถียนคิดว่าเธอควรจะไปที่ถนนโบราณอีกครั้งเพื่อตามล่าหาสมบัติ
“ไว้ค่อยคุยกันดีกว่าค่ะ เราคุยเรื่องร้านที่จะเปิดดีกว่า”
เสี่ยวเถียนคิดว่าหลู่เว่ยในตอนนี้ไม่สามารถทำเป็นธุรกิจใหญ่ได้ในทันที จึงคิดจะพูดเรื่องเปิดร้านก่อน
ฉือเก๋อบอกว่าบ้านเขามีอาคารหลังเล็กสองชั้นที่หันหน้าเข้าถนน ถ้าอิงจากข้อกำหนด มันเป็นไปตามความต้องการของเสี่ยวเถียนเลย
“แต่ว่ามันอยู่ค่อนข้างไกล ต่อให้ลงทุนไปเยอะก็กลัวจะเสียเยอะเหมือนกัน”
ฉือเก๋อไม่รู้เรื่องธุรกิจเท่าไร
“คุณปู่คะ อาคารที่ว่าอยู่ตรงไหนหรือคะ?” เสี่ยวเถียนสงสัย
เพราะเป็นคนเก่าคนแก่ของเมืองหลวง แม้พื้นเพจะไม่ได้ดีเด่นอะไรแต่ก็ต้องมีทรัพย์สินอยู่บ้าง ถึงตอนนั้นจะโดนยึดไป แต่หลังจากนั้นก็ได้กลับคืนมา เช่น บ้านอีกหลายหลังของครอบครัวตู้ถงเหอที่ได้กลับคืนมาเช่นกัน
อีกตัวอย่างนึงคือของอาจารย์ฮั่ว ทรัพย์สินบางส่วนของบ้านเขาก็ได้คืนกลับมาด้วย
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าสถานการณ์ตระกูลฉือในตอนนี้เป็นยังไง แต่เหมือนพวกเขาจะพอมีทรัพย์สินอยู่บ้าง
ชายชราบอกตำแหน่งคร่าว ๆ เด็กสาวได้ฟังก็มีความสุขมาก
มันไม่ถือว่าไกลเท่าไร อย่างน้อยก็อยู่ในถนนวงแหวนที่สาม*[1] ยังไม่ต้องพูดถึงในยุคปัจจุบันนะ แค่ตอนนี้ยังมองเห็นการพัฒนาแรกเริ่มเลย
“คุณปู่คะ ร้านค้าฝั่งนั้นราคาสามพันหยวนต่อร้านเลยนะ”
ฉือเก๋อตกใจมาก “ราคาสูงขนาดนั้นเลยหรือ? ตอนที่ปู่ซื้อตึกหลังนั้นมาแรก ๆ ก็สองพันแล้ว”
“ปู่ก็ทำเงินได้เยอะเหมือนกันนะคะ!” เสี่ยวเถียนปิดปากหัวเราะ
ทุกคนหัวเราะร่า
วันต่อมาเป็นวันอาทิตย์ วันนี้พวกเราตัดสินใจไปในพื้นที่ว่ามีอะไรต้องเปลี่ยนหรือวางแผนกันบ้างหรือเปล่า
“สร้างร้านในชั่วข้ามคืนไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ แถมช่วงนี้ธุรกิจเราก็หยุดไม่ได้ด้วย ไม่รู้ว่าฝั่งอาสามจะเป็นยังไงบ้าง” ฉืออี้หย่วนว่า
ตอนนี้สินค้าในมือเราใกล้จะหมดแล้ว ถ้าเหล่าซานไปหรงเฉิงในครั้งนี้ได้จริง ๆ เขาจะติดต่อมู่มู่และเอาของกลับมาให้เราได้
ตอนนั้นเองที่เหล่าซานกลับมาพร้อมกับบรรยากาศเย็น ๆ รอบกาย
“หนาวไม่ไหวแล้ว หนาวเหลือเกิน หรงเฉิงดีกว่าจริง ๆ” เหล่าวานกอดเตาแล้วว่า
เสี่ยวเถียนกุลีกุจอเทน้ำร้อนให้พ่อดื่ม
“พ่อดื่มน้ำอุ่นร่างกายก่อนค่ะ แล้วทำไมตัวเย็นแบบนี้ล่ะ?”
“เมื่อเช้าตอนออกมาพอเห็นอากาศค่อนข้างดีเลยใส่น้อยชิ้นก็พอ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าตกเย็นอากาศจะเปลี่ยน ลมพัดมาทีหนาวไปถึงกระดูก” เขารับน้ำร้อนมาถือไว้ หลังจากจิบไปร่างกายถึงค่อยอุ่นขึ้น
“ฤดูใบไม้ผลิต้องห่มผ้าให้อุ่น เพราะฤดูใบไม้ร่วงจะหนาว*[2] อากาศแบบนี้ใส่เสื้อผ้าให้เยอะหน่อยเถอะ!” ฉือเก๋อดึงแขนเสื้อ
“เข้าใจแล้วครับ หลังจากนี้ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
“พ่อสามครับ ทีมขนส่งเป็นยังไงบ้าง? เขาให้พ่อไปหรงเฉิงไหมครับ”? เสี่ยวซื่อกระวนกระวายใจ
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วตั้งแต่ที่บอกว่าเขาปรึกษากันอยู่
“ปรึกษาเสร็จแล้วแหละ พ่อจะพาเสี่ยวจ้าวเดินทางไปเส้นนี้กัน อีกอย่างเราสามารถเป็นรถรับส่งได้ด้วย” เหล่าซานดื่มน้ำจนหมด
“เยี่ยมเลยครับพ่อสาม เราขายสินค้ารอบนี้หมดแล้ว เหลือแค่รอให้พ่อเดินทางไปแล้วก็ขนมาให้พวกเราเท่านั้น”
เสี่ยวซื่อปรบมือเมื่อได้ยินข่าวดี
“เหล่าซาน เดินทางไกลมันอันตรายนะ พวกเธอต้องระวังกันให้มากล่ะ”
ฉือเก๋ออายุมากแล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงย่อมมีประสบการณ์เยอะ เขากังวลมากกว่าที่จะมีความสุขอย่างพวกเด็ก ๆ เสียอีก
อันที่จริงเหล่าซานก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เพราะเข้าใจคำว่าจะรวยได้ก็ต้องขวนขวายแล้วต่างหาก
คราวนี้เด็ก ๆ ให้เขายืมเงิน เงินในกองจึงมีเพิ่มขึ้นอีกหน่อย นิดหนึ่งจริง ๆ น้อยกว่าเงินเดือนที่ได้อีก แต่เพราะคิดว่าพวกเขาต้องโตขึ้นทุกวัน และจะต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้ได้ใช้เงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งกับเสี่ยวอู่ที่อยู่โรงเรียนทหาร เขาไม่สามารถสร้างรายได้ได้เลย
ใชว่าเด็กคนอื่น ๆ จะไม่มีทางมีบ้านในเมืองหลวง แต่กับเสี่ยวอู่คือไม่มีอะไรเลย เขายิ่งต้องวางแผนเก็บทรัพย์สินไว้ให้ลูกชายคนโตด้วย
เพราะงั้นเราจึงมีความจำเป็นที่ต้องเดินทางไกลเพื่อไปเอาสินค้ามาขาย แม้ว่าความเสี่ยงจะสูง แต่ผลประโยชน์ก็มีมากเช่นกันและมันก็คุ้มค่าด้วย
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เหล่าซานยังเชื่อในฝีมือตัวเอง
อีกอย่างในทีมรถขนส่งยังมีชายหนุ่มอีกสองคน ขอแค่เราไม่เจอพวกอันธพาลกลุ่มใหญ่ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“เธอรู้ขอบเขตก็ดีแล้ว เหล่าซานเอ๊ย จงจำไว้นะ ไม่ว่าเมื่อไรเงินทองไม่สำคัญเท่าชีวิตเราหรอก” ฉือเก๋อเอ่ยอย่างจริงจัง
เหล่าซานพยักหน้ารับ ก่อนจะให้คำมั่นว่าจะไปดีมาดีอย่างแน่นอน
หลังจากพวกเราสนทนากันสักพัก สองปู่หลานบ้านฉือเตรียมตัวจะกลับบ้าน
“คุณปู่ฉีอ พี่อี้หย่วน ข้างนอกหนาวนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องมาหากันอยู่ดี ไม่งั้นคืนนี้พักอยู่ที่นี้ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนคิดสภาพอากาศข้างนอกที่ทั้งหนาวและลมแรง จึงพยายามเกลี้ยกล่อมคนทั้งสอง
พวกเขาไม่ถือว่าตนเป็นคนนอกแล้ว จึงตอบตกลงทันที
ส่วนสองพี่น้องเสี่ยวเหมยเสี่ยวกังก็ตกลงจะค้างคืนด้วยเหมือนกัน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปดูบ้านด้วยกัน
เหล่าซานกลับไปห้องไปเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาฟังด้วยความกระตือรือร้น
เหลียงซิ่วไม่รู้ว่าหรอกว่าถนนหนทางมันอันตรายขนาดไหน แต่ก็มีความสุขที่ได้ยินเช่นกัน
“ที่คุณคิดไว้คือ เสี่ยวอู่ของเราเรียนโรงเรียนทหาร อนาคตคงไม่ดีเหมือนคนอื่น ๆ ในฐานะพ่อแม่เลยอยากช่วยเหลือสักหน่อยสินะ” เธอเห็นด้วยกับคำพูดของสามีมาก
เสี่ยวอู่เรียนทหาร อนาคตจะเหมือนเด็กคนอื่นในบ้านได้ยังไง?
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเสียใจกับสิ่งที่เลือกเองหรือเปล่า
“เสี่ยวอู่เป็นคนที่ถ้าเลือกแล้วจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด และในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็จะพุ่งไปข้างหน้าเพื่อให้ถึงเป้าหมาย ไม่ต้องห่วงนะ”
เราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี มีหรือที่เหล่าซานจะเดาความคิดภรรยาไม่ออก
ความเศร้าหมองในจิตใจพลันหายไปเมื่อได้รับการปลอบโยนจากสามี
เหล่าซานหลับไปพร้อมกับฝันหวานว่าตนหาเงินได้เป็นกอบกำ
ส่วนเสี่ยวซื่อกลับมาถึงห้องได้ แต่ยังไม่ได้นอนเสียทีเพราะมัวแต่ยุ่งกับการวางแผนธุรกิจในอนาคตอยู่
ธุรกิจของพวกเขาต้องทำร่วมกัน ดังนั้นจำต้องมีเป็นต้องมีข้อบังคับ
ใครออกเงิน ใครออกแรง ใครเป็นผู้นำ ใครเป็นพูดเรื่องพวกนี้ ต้องทำให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นอนาคตได้มีปัญหาแน่
*[1] ที่ปักกิ่งจะมีการวางผังเมืองเป็นวงกลม โดยใจกลางสุดคือพระราชวังต้องห้ามและเทียนอันเหมิน ซึ่งจะเป็นบริเวณที่ห้ามไม่ให้สร้างตึกสูงระฟ้า จะต้องตั้งอยู่วงนอกเท่านั้น โดยถนนวงแหวนจะมีทั้งหมด 7 วง
*[2] เป็นสุภาษิตเรื่องการดูแลสุขภาพของคนจีน ซึ่งหมายถึงแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าให้พอเหมาะ จะได้ร่างกายจะได้ปรับตัวและมีภูมิคุ้มกันได้