เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 567 ต่อมอิจฉาทำงาน
บทที่ 567 ต่อมอิจฉาทำงาน
บทที่ 567 ต่อมอิจฉาทำงาน
เหล่าซานเดินทางไปหรงเฉิงท่ามกลางความคาดหวังของเสี่ยวซื่อ
กำหนดการกลับคือ 20 วันให้หลัง ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานก็จริง แต่สำหรับยุคนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
เสี่ยวซื่อทำรายการออกมาโดยละเอียด เพื่อที่มู่มู่จะได้จัดหาให้
ในรายการ สินค้าบางส่วนเป็นของเขาที่จะเอาไปขาย เพื่อชดเชยเงินทุนที่ขาดหายไป ส่วนที่เหลือคือสินค้าที่เตรียมไว้สำหรับร้าน
ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดก็จริง แต่เราต้องวางแผนจัดการเรื่องสินค้า หากมันมาพร้อมกันทีเดียวจะลำบากเอา
ตอนเหล่าซานเห็นก็ได้แต่อ้าปากค้าง เขารู้สึกได้ทันทีว่าวันที่ทำเงินมหาศาลอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ไม่ต้องทำอย่างอื่นเลยแค่ขนของพวกนี้ก็ได้เงินแล้ว
เขาทุบอก สัญญาว่าจะขนพวกมันกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย
ในขณะที่คนเป็นสามีกำลังมีความสุข แต่ผู้เป็นภรรยากลับเป็นกังวล เพราะสามีตนต้องเดินทางออกไปไกล ถ้าอยู่ในระยะสั้น ๆ ก็พอรับได้ แต่ทุกคนที่เขาต้องออกไปไหนไกลเธอกังวลเสียทุกที
หลังจากที่ส่งเหล่าซานไป คนที่เหลือยังคงยุ่งเหมือนเดิม
เสี่ยวเถียนอ่านหนังสือทุกวัน และทำงานแปลของโรงงานทั้งสองแห่งด้วย
ตอนนี้เธอได้รับเงินมหาศาลจากการรับผิดชอบหน้างานแปลให้โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่และโรงงานไฟฟ้าตงเฟิง
ชื่อเสียงของเธอในอุตสาหกรรมการแปลเป็นที่ยอมรับแล้ว มีคนจากหลาย ๆ โรงงานมาขอให้ทำงานแปลให้เช่นกัน แต่เพราะไม่สามารถรับงานได้ทุกครั้ง จึงแนะนำฉืออี้หย่วนให้พวกเขาได้รู้จัก
นอกจากนี้บางครั้งยังแนะนำพี่ใหญ่ให้อีกด้วย งานที่ต้องทำจึงมีไม่เยอะ แต่ใช่ว่าจะว่างเสียทีเดียว
เธอวางแผนจะไปถนนโบราณ แต่ไปได้เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น และต่อให้สามารถไปได้ทุกครั้ง มันไม่ใช่ว่าจะหาสมบัติได้ตลอด
แต่แค่นี้ก็พึงพอใจแล้ว
ผลของความยุ่งคือช่วงนี้เธอหาเงินได้ไม่น้อยเลย
เด็กสาวคิดว่าถ้าทำงานหนักขึ้นไปอีก เงินสามพันหยวนที่ให้พี่สี่ยืมจะได้คืนในไม่ช้า
ที่จริงเธอไม่อยากพูดออกไปหรอก ไม่งั้นจิตใจของพี่ชายเธอกระเจอะกระเจิงแน่
เพราะเรื่องเงิน เลยทำให้พี่สี่ในตอนนี้แทบจะบ้าคลั่งไปแล้ว
ท่ามกลางความพลุกพล่านของผู้คนและอากาศที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นปกติที่เด็กสาวผู้รักสวยรักงามจะถอดเสื้อคลุมผ้าฝ้ายเพื่อแสดงตัว
ยามเห็นพวกเธอถอดหมวกถอดผ้าคลุมผม และติดกิ๊บหลากสี เสี่ยวเถียนจำได้ว่าตอนกลับจากหรงเฉิงเธอซื้อของดีกลับมาเพียบเลย
เด็กสาวหยิบพวกมันออกจากตู้
มองดูแล้วค่อนข้างเยอะไปหน่อย ใส่คนเดียวก็ไม่หมด แถมแม่กับย่าก็ไม่ต้องการเครื่องประดับเด็กสาวด้วย
เธอว่าจะแบ่งให้เพื่อน ๆ เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ
จากนั้นเสี่ยวเถียนหยิบกิ๊บดอกไม้ออกมาสี่อัน กิ๊บห้าตัว และสร้อยข้อมือสามเส้น ตั้งใจจะเอาไปให้เพื่อน ๆ ที่สนิทเลือกเอาไปใส่สักอย่างสองอย่าง
เธอเป็นคนจริงใจต่อเพื่อน ๆ อยู่แล้ว เวลามีอะไรดี ๆ ก็แบ่งปันกันตลอด อีกอย่างมันไม่ใช่ของมีมูลค่าอะไรนัก จึงไม่รู้สึกลำบากใจที่จะมอบให้พวกเขา
แต่เสี่ยวเถียนคงลืมไปว่าของที่คิดว่าไม่ได้มีมูลค่าอะไร กลับไม่เป็นเช่นนั้นในสายตาคนอื่น
ชิ้นละห้าเหมา สำหรับคนที่มีรายได้เป็นหลักแหล่งแบบเธอไม่มากหรอก แต่พวกเด็ก ๆ ที่มีเงินจากพ่อแม่ และอาจไม่ได้มีเงินค่าขนมห้าเหมาต่อสัปดาห์ มันคือเงินก้อนใหญ่
แต่ความอิจฉาริษยามักจะทำให้คนเสียสติ มีหลายคนในห้องที่ดูถูกเสี่ยวเถียนเด็กสาวที่ครอบครัวชาวไร่ชาวนาจากบ้านนอก พอเห็นอีกฝ่ายได้กินดีใส่ของดีก็ไม่ยอมรับ
มีช่วงหนึ่งที่เห็นเสี่ยวเถียนขายเครื่องประดับในโรงเรียน ความคิดไม่ดีเลยถือกำเนิด
และครั้งนี้ก็ได้เห็นเสี่ยวเถียนเอาของมาที่โรงเรียนอีกครั้ง ผนวกกับต่ออิจฉาริษยามันทำงาน จึงรีบคิดหาวิธี
ก่อนที่เสี่ยวเถียนจะลงมือ ตนกลับโดนรายงานเรื่องนี้เสียแล้ว
แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่องเลย
ตอนเลิกเรียน เด็กสาววางเครื่องประดับที่เอามาไว้บนโต๊ะ และให้พวกเพื่อ ๆ มาเลือกอันที่ตัวเองชอบ
“เสี่ยวเถียน เธอไปเอามาจากไหนหรือ สวยจังเลย”
เซียวเจียงหงเป็นเด็กผู้หญิงที่มีนิสัยร่าเริงที่สุด ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ดีที่สุดของเสี่ยวเถียนด้วย
พอได้ยินเสียงเรียกของซูเสี่ยวเถียน เด็กสาวรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบยางมัดผมสีม่วงอ่อนขึ้นมา
ยางเส้นนี้ทำจากเส้นด้ายทั่วไป ฝีมือพอได้ ไม่ได้มีเทคนิคอะไรมาก
แต่เพราะเป็นสีที่สว่างมาก จึงดึงดูดเมื่ออยู่ท่ามกลางเครื่องประดับอื่น ๆ
“เจียงหง ถ้าเธอชอบอันนี้ ฉันจะให้เธอนะ!”
ได้ยินเช่นนั้นอีกฝ่ายมีความสุขจนแทบกระโดดโลดเต้นเสียเดียวนั้น
ให้เธอหรือ!
ยางมัดผมสวย ๆ แบบนี้ทำไมถึงยกให้กันล่ะ?
เด็หญิงมีความสุขมากจนเกือบจะโผเข้ากอดและหอมแก้มเสี่ยวเถียน
“ฉันซื้อมาจากที่บ้านตอนกลับไปช่วงปีใหม่น่ะ พอเปิดเทอมก็เลยอยากจะมอบให้เธอ แต่ฉันยุ่งมากจนลืมไปเลย” เสี่ยวเถียนอธิบาย
“ตอนฤดูหนาวเราเอาแต่ใส่หมวกเลยใช้กิ๊บดอกไม้ไม่ได้เลย ตอนนี้ได้โอกาสพอดีเนอะ”
เซียวเจียงหงว่า แล้วใช้ยางมัดให้เสี่ยวเถียนได้ดู
“อวี๋หมิ่น เสี่ยวรุ่ย ชอบอันไหนมาเลือกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เสี่ยวเถียนเลือกเพื่อนอีกสองคนที่เล่นด้วยกัน
พอเห็นเซียวเจียงหงได้ยางมัดผมไปแล้ว อวี๋หมิ่นจึงขอเลือกบ้าง
เสี่ยวรุ่ยเป็นเด็กเงียบ ๆ ค่อนข้างขี้อาย เสี่ยวเถียนจึงช่วยเธอเลือกอีกแรง เสียงพูดคุยของเด็ก ๆ ฟังดูมีชีวิตชีวามาก
ส่วนคนอื่น ๆ ได้แต่มองอยู่ข้าง ๆ จะบอกว่าไม่อิจฉาเลยก็คงโกหก
แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้มีอะไรมากเลย จึงเป็นปกติมากที่เราจะให้ของกับแค่บางคนและไม่ให้บางคน
“เสี่ยวปา เสี่ยวจิ่ว พวกนายไม่เอาบ้างหรือ กลับบ้านเหมือนกันแท้ ๆ น้องยังเอาของขวัญมาให้เพื่อนแล้ว แล้วพวกนายไม่มีของอะไรให้พวกฉันบ้างหรือ?” เด็กชายข้างเสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วเอ่ยแซว
เสี่ยวปาบุ้ยปาก “นายอยากได้ของเด็กผู้หญิงไหมล่ะ?”
อีกฝ่ายหยุดพูดทันที
ของพวกนี้เอากลับไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่เอาหรอก
เด็กผู้ชายไม่สนใจ แต่กับเด็กผู้หญิงมันไม่ใช่
มีใครไม่รักเครื่องประดับสวย ๆ งาม ๆ พวกนี้บ้างล่ะ?
แต่เพราะความสัมพันธ์ของพวกเรามันแค่ทั่ว ๆ ไป จึงเป็นไม่ได้อยู่แล้วที่จะได้ของกับเขา
ตัวเสี่ยวเถียนเองก็คิดเช่นนั้น และไม่ได้ผูกมิตรอะไรกันด้วย
เครื่องประดับที่เด็กสาวเอามางดงามจนดึงดูดเด็กผู้หญิงคนอื่นในห้อง
แต่เพราะอายที่จะเอ่ยปากขอตรง ๆ จึงถามด้วยความลังเล “เสี่ยวเถียน ยางมัดผมของเธอสวยจังเลย ขายให้ฉันได้ไหมจ๊ะ?”
พอมีคำถามแรก คำถามสองสามก็ตามมา
แต่ตัวเธอไม่คิดจะใช้ของพวกนี้หาเงินอยู่แล้ว อีกอย่างความสัมพันธ์ต่อกันก็ไม่ได้มีอะไรมาก จะให้เฉย ๆ ก็คงไม่ได้
หลังจากคิดพิจารณาเรียบร้อยถึงค่อยพยักหน้า “ถ้าเธอชอบฉันขายให้ห้าเหมา เป็นราคาที่ซื้อมาเลยจ้ะ!”
เสี่ยวเถียนเอ่ยออกมาตรง ๆ และอีกฝ่ายก็ซื้อไปอย่างมีความสุข
ถึงห้าเหมาจะไม่ได้ถูก แต่ยางมัดผมเป็นงานละเอียดอ่อน พวกเด็กผู้หญิงจึงคิดว่าควรจ่ายเงินให้
เสี่ยวเถียนขายออกได้อย่างรวดเร็ว โดยที่แต่ละชิ้นมีราคาไม่กี่เหมาเท่านั้น
วันนี้เธอเอามารวม ๆ กันสิบกว่าชิ้น ขายไปแล้วหก ที่เหลือคนอื่น ๆ ก็โดนเด็กคนอื่น ๆ แย่งกันไปอย่างรวดเร็ว
ในมือเธอตนนี้มีธนบัตรเหมาอยู่หลายฉบับ ก่อนจะหย่อนใส่กระเป๋า
นักเรียนซูผู้ร่ำรวยไม่สนใจเงินไม่กี่แดงหรอก
ตอนนั้นเองที่ฮวางเหวินป่ายครูประจำชั้นเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
แต่เขาบังเอิญเห็นการกระทำของเสี่ยวเถียนที่กำลังเก็บเงินใส่กระเป๋าพอดี ความเศร้าหมองจะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังแทน