เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 570 ให้น้องสาวได้ระบายความโกรธ
บทที่ 570 ให้น้องสาวได้ระบายความโกรธ
บทที่ 570 ให้น้องสาวได้ระบายความโกรธ
content warning : มีการกล่าวถึงเลือด
ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้วสินะ?
แล้วจะยังมาโมโหใส่เขาอีกหรือ คิดว่าเขาเป็นอะไรกับเธอหรือไง?
แก้แค้น?
เธอคิดว่านี่คือยุทธภพหรือไง?
สองปีมานี้เขาเคยเห็นพวกนวนิยายยุทธจักรมาก่อนนะ โดยเฉพาะพวกโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนมากมายที่อ่านนวนิยายแนวนี้
เด็กชายและเด็กหญิงพวกนี้จะบูชาศิลปะการต่อสู้แบบหน้ามืดตามัว เรียกได้ว่าแต่ละคนเหมือนผู้กล้าเลย
แต่ส่วนใหญ่ไม่เคยเรียนวิชาพละด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับศิลปะการต่อสู้ล่ะ
ซูเสี่ยวเถียนผู้ที่มีความสามารถด้านนี้สูงจึงเป็นฮีโร่ในใจพวกเขา และการบูชาตัวบุคคลทำให้พวกเขาชื่นชอบและศรัทธาในตัวเด็กสาวมาก
ในบรรดาชั้นเรียนทั้งหมด ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนที่ค่อนข้างมีเกียรติ
เห็นแบบนี้ซ่งหลิงหลิงยิ่งรู้สึกอึดอัดกว่าเดิม เธอมักจะเปรียบเทียบตัวเองกับซูเสี่ยวเถียนเสมอ ถึงขนาดแอบฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยซ้ำ ทว่าน่าเสียดายที่ไม่เคยทำได้ถูกต้องเลย
พอตู้หย่งเฮ่อไม่พูด เธอโกรธกว่าเดิมเสียอีก
“ตู้หย่งเฮ่อ นายได้ยินไหม ฉันบอกให้นายช่วยฉันแก้แค้นไง!”
ปากเธอเต็มไปด้วยเลือด พอแยกเขี้ยวยิงฟันจึงน่ากลัวเป็นพิเศษ
ตู้หย่งเฮ่อทนคนแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ เขาแค่ดูเอาสนุก ทำไมต้องลากเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย?
ซ่งหลิงหลิงทำตัวคลุมเครืออยู่ตลอดเลย พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ!
ไม่ได้เป็นอะไรกันสักนิด!
โตมาด้วยกันก็จริง แค่เรียนอยู่ห้องเดียวกันแค่ไม่กี่ปีเองไม่ใช่หรือ?
ถ้าบอกว่าโตมาด้วยกัน งั้นคนที่โตมาด้วยกันแบบนี้ก็น่าจะมีอีกหลายคนนะ
“ซ่งหลิงหลิง ถ้าสมองมีปัญหาก็ไปหาหมอเถอะ จะได้รักษาไปพร้อม ๆ กันเลย!” เด็กชายเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาและขมวดคิ้วมุ่น
“นาย นาย!!” เยี่ยมจริง ๆ ซ่งหลิงหลิงไม่รู้ว่าตัวเองเจ็บปวดหรือโกรธกันแน่ เธอได้แต่ร้องไห้อย่างน่าสมเพช
เสี่ยวเถียนมองภาพนั้นโดยไม่พูดอะไร
ตอนฮวางเหวินป่ายรีบร้อนกลับมายังห้องเรียน เขาเห็นเด็กหญิงที่ปากเต็มไปด้วยเลือดกำลังร้องไห้อยู่ ภาพนั้นทำให้เขาทนมองตรง ๆ ไม่ได้ แต่ลูกศิษย์ของตนกำลังบาดเจ็บอยู่ และในฐานะที่เป็นครูประจำชั้นจำเป็นต้องดูแลเธอ
ทว่าพอคิดแบบนั้นเขาก็ต้องหดหู่ใจอีกครั้ง จะต้องโดนครูใหญ่วิจารณ์และโดนสั่งสอนอีกใช่ไหมเนี่ย?
พวกเด็ก ๆ กะไม่ให้เขาได้พักเลยสินะ
“เกิดอะไรขึ้น?”
แม้เด็กที่มาตามจะอธิบายให้ฟังคร่าว ๆ แล้ว แต่ฮวางเหวินป่ายยังถามใหม่อยู่ดี
เป็นตู้หย่งเฮ่อตอบ
เด็กชายไม่มีความประทับใจอันดีต่อซ่งหลิงหลิงแล้ว และจะไม่ช่วยพูดแน่นอน แต่เขาเป็นคนที่ซื่อตรงเช่นกัน เขาบอกเล่าเรื่องราวเสียงดังฟังชัด ตรงกับสิ่งที่เด็กคนก่อนหน้าบอกเลย
ซ่งหลิงหลิงล้มเหลวในการรายงานไม่พอ แต่ยังโกรธเพราะความอับอายเลยคิดจะทุบตีเสี่ยวเถียน แต่อีกฝ่ายดันหลบได้ เลยทำให้ตัวเองเลยล้มใส่โต๊ะเสียเอง
เมื่อได้ยินเรื่องราวจากเด็กสองคนที่ตรงกัน ฮวางเหวินป๋ายจึงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
เขามองไปยังซ่งหลิงหลิงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
เด็กคนนี้เรียนก็ไม่เก่ง สร้างเรื่องไว้ไม่น้อย
ไม่รู้วัน ๆ เอาแต่คิดอะไรอยู่
ตั้งใจเรียนไม่ดีกว่าหรือไง?
อีกปีครึ่งเราจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ เอาเวลาที่มีค่าตั้งใจเรียนไปสิ จะได้สอบได้มีอนาคตดี ๆ ไง?
ซ่งหลิงหลิงที่คิดว่าตัวเองมีเหตุผลได้กลายเป็นคนผิด เมื่อเพื่อนร่วมชั้นพูดเช่นนั้น
เมื่อได้เห็นสายตาดูแคลนของครูประจำชั้น เธอก็รีบอธิบาย
“ครูฮวางคะ มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ซูเสี่ยวเถียนจงใจทำค่ะ ใช่แล้วค่ะ เธอจงใจ เธอผลักจนหนูล้มได้รับบาดเจ็บค่ะ ฮือ ๆ ครูฮวาง หนูเลือดออกเยอะเลย ทำยังไงดีคะ?”
ซ่งหลิงหลิงคิดว่าถ้าตัวเองร้องไห้ ฮวางเหวินป่ายคงลงโทษเสี่ยวเถียนได้
ไม่คิดบ้างหรือว่ารูปลักษณ์ที่น่าสังเวชในตอนนี้มันน่าคลื่นไส้ขนาดไหนน่ะ แล้วจะให้คนอื่นเห็นใจหรือไง
“ซ่งหลิงหลิง ครูจะจัดการเรื่องนี้ให้ทีหลัง ตอนนี้จะพาไปโรงพยาบาลก่อน!”
แม้จะคลื่นไส้ แต่ฮวางเหวินป่ายคงทำได้เพียงเสนอตัวพาไปหาหมอเท่านั้น ถ้าซ่งหลิงหลิงฉลาดสักหน่อย คงจะรู้ว่าตนไม่สามารถฉวยโอกาสจากสถานการณ์แบบนี้ได้
ตอนนี้ควรตามครูไปโรงพยาบาลอย่างเชื่อฟังเถอะ
น่าเสียดายที่เด็กสาวโง่เขลา เลยทนไม่ได้เมื่อรู้ว่าครูแสดงท่าทีไม่ชอบเธอ
ซ่งหลิงหลิงตะคอกใส่อย่างบ้าคลั่ง “ฉันจะไปกระทรวงศึกษาเพื่อรายงานพฤติกรรมของพวกแก พวกแกทุกคนกับเสี่ยวเถียนร่วมหัวกัน!”
ฮวางเหวินป่ายโกรธจัดจนเกือบหน้ามืด
ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า?
ช่างเถอะ คนที่แยกเรื่องราวไม่ออกแบบนี้อย่าไปยุ่งด้วยเลย
“งั้นฉันจะส่งเธอกลับบ้านไปหาพ่อแม่แล้วกัน ให้พวกเขาพาไปแทน หรือเธอจะตามฉันไปตอนนี้ล่ะ!” ฮวางเหวินป่ายพูดเสียงเย็นเฉียบ
ตอนซ่งหลิงหลิงได้ยินคำว่า ‘พ่อแม่’ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านทันที
สมองที่ดูเหมือนจะฟันเฟืองกลับมามีสติทันที
จู่ ๆ ก็จำสิ่งที่พ่อแม่บอกเอาไว้ได้ว่า อย่าไปยั่วยุซูเสี่ยวเถียน
เหมือนจะบอกว่าคนหนุนหลังเสี่ยวเถียนยศใหญ่มาก ถึงขนาดที่พวกเราเทียบเคียงไม่ได้เลย
แต่แม้จะจำได้เอาตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?
ซ่งหลิงหลิงมองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม ต้องโทษมัน ทำไมไม่อยู่บ้านนอกไปเสียล่ะ จะถ่อมาถึงเมืองหลวงทำไม?
มาถึงนี่ไม่เท่าไร แล้วยังมาอยู่ห้องเรียนนี้เพื่อให้เธออึดอัดใจอีก
สุดท้ายเด็กสาวก็ตามครูไปโรงพยาบาล
บรรยากาศร่าเริงก่อนหน้านี้หายไปเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่
เสี่ยวเถียนยักไหล่ แล้วกลับไปนั่งอ่านหนังสือต่อ
การกระทำของซ่งหลิงหลิงในครั้งนี้ดีสุดคงจะถูกลงโทษเล็กน้อยเพื่อสั่งสอน และถ้าอีกฝ่ายยังไม่รู้จักควบคุมตัวเองอีก ก็อย่าหาว่าเสี่ยวเถียนไม่เกรงใจแล้วกัน!
อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอต้องระงับอารมณ์ตัวเองก่อน แล้วตั้งใจเรียนต่อไป เพื่อไม่ให้สนใจกับคนแบบนั้น
เพราะเธอไม่มีเวลาสนใจหรอก
เสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วช่วยน้องกลับมาสู่สถานการณ์ดั้งเดิม
สองพี่น้องไปพบครูใหญ่ด้วยกันและขอให้อีกฝ่ายลงโทษซ่งหลิงหลิงที่มีเจตนามุ่งร้ายรายงานน้องสาว เพื่อให้เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงเอาชนะเสี่ยวเถียนและอีกหลายเรื่อง
ครูใหญ่กู้ปวดหัวมาก
เด็กบ้านนี้ทั้งเรียนเก่งทั้งฉลาด แต่การที่ไม่ยอมเสียเปรียบกับเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ มันทำให้เขารำคาญ
อ่อนข้อกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง?
เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแท้ ๆ ไม่เข้าใจการให้อภัยกันบ้างหรือ?
แต่ครูใหญ่กู้กล้าพูดที่ไหนล่ะ?
เขาไม่กล้าหรอก แม่ว่าคนบ้านนี้จะเดินทางมาจากตะวันตกเฉียงเหนือก็ตาม
แล้วถ้าตนกล้าเข้าข้างนักเรียนที่ชื่อซ่งหลิงหลิง และกล้าไม่พอใจเด็กบ้านซู เขาคงไม่มีความสุขแน่
“เรื่องนี้ ให้ทางผู้ใหญ่ปรึกษากันได้หรือเปล่า?” ครูใหญ่กู้ถามลองเชิง
เสี่ยวปาร้องเหอะ “ครูใหญ่ครับ ก่อนหน้านี้ซ่งหลิงหลิงก็รังแกน้องสาวเรา พวกเราก็อดทนครับ แต่ถ้าครั้งนี้ครูยังปิดบังเรื่องของเธออีก พวกเราสองคนจะไปถามที่กระทรวงศึกษาเองครับ”
กู้ลี่เหรินไม่คิดเลยว่า เสี่ยวปาจะใช้คำว่า ‘ปิดบัง’ ตรง ๆ พูดออกมาได้ยังไงเนี่ย?
เขาจะปิดบังเรื่องของซ่งหลิงหลิงได้ยังไง?
แค่คิดว่าคนสร้างเรื่องเป็นนักเรียนก็ลำบากแล้ว ถ้าให้จัดการอย่างจริงจังคงได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยช้าแน่