เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 577 ค่อนข้างลำบาก
บทที่ 577 ค่อนข้างลำบาก
บทที่ 577 ค่อนข้างลำบาก
ฟ่านชูฟางจับมือหยางลี่หมิง “พี่สะใภ้ พวกเรามาลองกันเถอะค่ะ ต่อให้แย่แต่มันจะสักแค่ไหนกันเชียว?”
หญิงชราอดไม่ได้ที่จะสะอื้น แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เป็นภรรยาล่ะ
หยางลี่หมิงฉีกยิ้ม “เหล่าอู๋บอกว่า เขาใช้ประโยชน์จากสหายที่เสียชีวิตในหน้าที่ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ มาหลายสิบปีแล้ว!”
พวกเธอสองคนไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่น้ำตากลับรินไหลอยู่ภายในใจ
อีกฝั่งหนึ่ง หัวหน้าอู๋กำลังมองเสี่ยวเถียนด้วยรอยยิ้ม พออายุปูนนี้เห็นเด็ก ๆ แล้วก็ชอบ โดยเฉพาะเด็กที่เก่งและเฉลียวฉลาด
“มาเถอะ มาจับชีพจรให้ปู่ที มาดูกันว่าตาแก่แบบฉันจะยังรักษาได้อยู่อีกหรือเปล่า!”น้ำเสียงจริงจังของเขาทำเด็กสาวพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
เธอรีบเข้าไปหา เตรียมการและเริ่มจับชีพจร
ตอนนี้เสี่ยวเถียนมัดหางม้าและใส่ชุดนักเรียน ท่าทางที่เหมือนพวกนักบวชผู้ใช้ชีวิตสันโดษกำลังจับชีพจรให้ชายชราอยู่ มันดูไม่เข้ากันเท่าไร
แม้แต่ฟ่านชูฟางที่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ก็ยังคิดว่าฉากนี้ดูตลกเลย
“พี่สะใภ้ ดูสิคะ สีหน้าเสี่ยวเถียนไม่เคร่งเครียดมาก แสดงว่าสุขภาพที่ใหญ่อู๋อาจยังดีอยู่ค่ะ” ฟ่านชูฟางรู้สึกถึงความกังวลใจของหยางลี่หมิง จึงปลอบโยนเสียงแผ่ว
สะใภ้หยางจ้องมองทุกการแสดงออกของเด็กสาว
ยามเห็นสีหน้าค่อนข้างผ่อนคลาย นั่นหมายถึงว่าเป็นสัญญาณที่ดี! เพราะเราไม่มีความหวังอื่นแล้ว ต่อให้ตาแก่อยู่เพิ่มได้แค่อีกปีก็เอา
เสี่ยวเถียนใช้เวลากว่าสิบนาทีกว่าจะตรวจเสร็จ
ตอนผละมือออกมา ทุกคนมองเธอด้วยสายตากระวนกระวาย
“เสี่ยวเถียน เป็นยังไงบ้าง?” ต่งหยวนจงเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น
ต้องมองเพื่อนจากไปทีละคน เขารู้สึกแย่เอามาก ๆ
“ตอนยังหนุ่มขาดสารอาหารมากเกินไป หลังจากนั้นก็คิดมาก วิตกกังวล การดูแลร่างกายค่อนข้างลำบากพอสมควรค่ะ” เธอขมวดคิ้ว
ค่อนข้างลำบาก?
ทุกสายตาจดจ้องมา
มันก็แค่นั้นเองนะ ไม่ใช่ไม่สามารถรักษาได้หรือเปล่า?
“เสี่ยวเถียนหมายถึง?” ต่งหยวนจงเสียงเบามาก ต่างไปจากท่าทางร่าเริงตามปกติโดยสิ้นเชิง
จะไปกลัวอะไรกับแค่ลำบาก?
ขอแค่สุขภาพดีได้ ลำบากเอาหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
“ถ้าจะให้ดีขึ้นโดยสมบูรณ์ ต้องใช้เวลาประมาณสามปีค่ะ!”
เธอเอ่ยพร้อมมองไปยังหัวหน้าอู๋
สามปีไม่นาน แต่ไม่ได้สั้น
เรื่องนี้ให้คนอื่นตอบคงไม่มีประโยชน์ ต้องให้เจ้าตัวเท่านั้น
หัวหน้าอู๋พยักหน้ารับ และส่งสัญญาณให้เด็กสาวว่าต่อ
เสี่ยวเถียน “สภาพร่างกายคุณปู่อู๋ตอนนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าชีวิตดุจไฟใกล้มอดดับ แต่ไม่ได้ห่างจากมันสักเท่าไรค่ะ แพทย์แผนตะวันตกไม่ให้ความสำคัญกับยาบำรุง พวกเขาสนใจแต่เรื่องรักษาตามอาการเท่านั้น เพราะแบบนั้นจึงไม่ค่อยได้ผลกับสุขภาพของคุณปู่ในตอนนี้ค่ะ”
และมันเป็นความจริงด้วยที่หลังจากเราก่อตั้งประเทศขึ้น จะมีผู้คนจำนวนมากที่หลงเชื่อวิทยาศาสตร์ตะวันตกอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า โดยเฉพาะช่วงหลายปีนี้ วัฒนธรรมดั้งเดิมหลายสิ่งรวมถึงการแพทย์แผนจีนจึงได้หายไป
“ก่อนหน้านี้เคยปรึกษาแพทย์แผนจีนมาก่อนด้วยน่ะ แต่ไม่มีวิธีดูแลรักษาร่างกายเลย จึงขาดการบำรุงไป!” หยางลี่หมิงเดินออกไปพูด
แพทย์แผนจีนบอกไว้ว่าสุขภาพสามีย่ำแย่อยู่แล้ว ต่อให้กินยาบำรุงก็คงไม่ช่วยอะไร จึงไม่จ่ายยาให้
เสี่ยวเถียนเข้าใจความลำบากของหมอดี เพราะกลัวว่าจะซวยถ้าไม่รักษาให้หายได้
ยิ่งในยุคนี้ที่ทุกคนไม่เป็นมิตรกับการแพทย์แผนจีน หมอบางคนจึงต้องปกป้องตัวเองก่อน
ถึงจะไม่รู้จักสถานะของหัวหน้าอู่ แต่การที่เป็นมิตรกับปู่ต่ง แถมยังอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย เห็นได้เลยว่าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ในขณะที่เสี่ยวเถียนคิดมาถึงตรงนี้ แต่หัวหน้าอู่กลับคิดอะไรไม่ออกเลย เขาได้แต่ส่งสายตาบอกภรรยาว่าไม่ต้องห่วง
“ถ้าคุณเชื่อ หนูจะเตรียมยาให้กินสองมื้อค่ะ ต้องกินทุกวันเช้าเย็น หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนหนูจะมาตรวจใหม่และปรับยาให้ ถ้าทำแบบนี้คิดว่าพอไหวไหมคะ?”
เสี่ยวเถียนลังเล
ถ้าขอให้อยู่ข้าง ๆ ทุกวันคงทำให้ไม่ได้อยู่แล้ว
อีกอย่างกลัวว่าหากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นกับชายชราคนนี้ จะกลายเป็นความผิดเธอทันที
เสี่ยวเถียนไม่อยากให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย
หัวหน้าอู๋พยักหน้า “ได้สิ สหายต่งบอกว่าหลังจากกินยาของเธอไป อาการค่อย ๆ ดีขึ้นด้วย”
“แต่ปัญหาสุขภาพของท่านค่อนข้างหนักนะคะ ต้องแช่น้ำอาบสมุนไพรเพิ่มด้วยถึงจะเห็นผลได้ชัดขึ้น” เสี่ยวเถียนคิดออกอีกหนึ่งวิธี
อันที่จริงการฝังเข็มก็มีประสิทธิภาพเหมือนกัน แต่ไม่มีหมอที่ไว้ใจได้ทำให้น่ะสิเลยยุ่งยากกว่าเดิม จึงเปลี่ยนมาให้แช่น้ำสมุนไพรแทน
เธอขมวดคิ้ว แต่ขั้นตอนก็ยุ่งยากอีกเหมือนกัน ไม่รู้ว่าหัวหน้าอู๋จะมีเวลามาทำให้ได้ไหม
อย่างที่คิด อีกฝ่ายขมวดคิ้วทันทีเมื่อเอ่ยจบ
“จำเป็นต้องทำทุกวันไหม?” เขาคิดอยู่นานกว่าจะถาม
เธอส่ายหัว “ไม่จำเป็นค่ะ ถ้ามีเวลาแช่สักหน่อยก็ดีค่ะ”
แต่เขาก็ยังขมวดคิ้วอยู่ดี
“แต่ว่ามากสุดควรห่างไม่เกินสามวันนะคะ!”
ถึงจะทำสีหน้านั้นแต่เขาไม่ได้คัดค้าน
หยางลี่หมิงรีบตอบ “ได้สิ เดี๋ยวฉันจะหาทางกระตุ้นเหล่าอู๋ให้กินยาและแช่สมุนไพรให้ตรงเวลานะ”
อุตส่าห์มีความหวังแล้วทั้งที หยางลี่หมิงไม่อยากยอมแพ้
เธอยังพูดด้วยซ้ำว่า ยอมเกษียณก่อนกำหนดเพื่อมาดูแลสุขภาพสามี
เพราะอีกไม่กี่ปีก็ต้องเกษียณแล้ว เพื่อสุขภาพของสามีเกษียณมาก่อนก็คงไม่ได้ส่งผลอะไร
หัวหน้าอู๋มองภรรยาที่กำลังตื่นเต้น แล้วละสายตาไปยังเสี่ยวเถียน จากนั้นจึงพยักหน้า
เด็กสาวครุ่นคิด “ลูก ๆ ของท่านจะเห็นด้วยหรือเปล่าคะ?”
เพราะอีกฝ่ายอายุเยอะแล้ว มีหลายเรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้ จึงต้องให้ลูก ๆ ตัดสินแทน
ถ้าลูกชายและลูกสาวของเขาไม่เห็นด้วย ไม่แน่ว่าอาจจะลำบากกว่าเดิม
เสี่ยวเถียนไม่อยากหาเหาใส่หัว
แถวบ้านเราก็ไม่ได้มีภูมิหลังอะไร ทนรับแรงกระแทกไม่ได้หรอกนะ
“คุณปู่คุณย่าอู๋เหมือนกับพวกเรานั่นแหละ ไม่มีลูกหลานอยู่ด้วย”
ต่งหยวนจงอธิบายขณะมองสหาย
ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กันก็จริง แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ดีว่าจะบอกเรื่องนี้กับพวกเขาดีไหม
หัวหน้าอู๋มองภรรยา “ยายเฒ่า อย่าบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเลยได้ไหม?”
หยางลี่หมิงพยักหน้า “ลูกยุ่งกันมากค่ะ เราอย่ารบกวนพวกเขาด้วยเรื่องนี้เลย”
หญิงชราเชื่อในตัวเด็กสาว และตัดสินใจไม่บอกพวกเขา
อีกไม่กี่เดือนเอง ไว้สุขภาพสามีดีขึ้นเมื่อไรค่อยบอกพวกเขาดีกว่า ถึงตอนนั้นน่าจะไม่มีใครคัดค้านแน่นอน
“เสี่ยวเถียน วัตถุดิบจะหาเองหรือให้พวกเราหามาให้ล่ะ?”