เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 582 รู้เพียงผิวเผิน
บทที่ 582 รู้เพียงผิวเผิน
บทที่ 582 รู้เพียงผิวเผิน
ใบหน้าอธิการดำทะมึนเกือบเท่ากับก้นหม้อ
ก่อนหน้านี้เขาพารัฐมนตรีอู๋มาสำรวจงานของมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเองมีนักศึกษาสองคนวิ่งพรวดพราดเข้ามายืนแบบงง ๆ ต่อหน้าเหล่าผู้นำ อีกทั้งยังบอกว่าที่แปลงทดลองของเราเกิดปัญหาขึ้น
ทั้งยังโจมตีใส่เสิ่นจื่อเจินตรง ๆ ว่าอีกฝ่ายใช้ประโยชน์จากของส่วนรวมมาเบียดบังเป็นของส่วนตัวและอีกมากมาย
ตอนแรกก็ไม่อยากใส่ใจ เลยให้คนถามเด็กสองคนนี้ไป
แต่รัฐมนตรีอู๋กลับได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเสิ่นจื่อเจิน จึงเป็นฝ่ายขอตามมาด้วย
แถมยังบอกอีกว่าอาจารย์เสิ่นเป็นคนมีความสามารถ ปีที่แล้วเขาสามารถทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นได้ คนแบบนี้ควรเป็นคนที่อุทิศตนเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่านั้นสิ
อธิการเข้าใจความหมายนั้นดี และรู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนจะมาเปลี่ยนชื่อหัวข้อแผนงานให้อาจารย์เสิ่นอยู่แล้ว จึงพามาที่แปลงทดลองโดยตรง
ทว่าเกาจุ้นและหยวนหยางไม่เข้าใจ
ตอนเห็นพวกเสิ่นจื่อเจินยังอยู่ที่เดิม สองเด็กหนุ่มมองไปยังคนกลุ่มนั้นด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจเล็กน้อย
แววตาสองคู่ที่สบกันเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
หลังจากที่ออกมาเพราะโดนอาจารย์บอกว่าตนเองสู้เด็กไม่ได้ เราเสียใจกันมากและคิดว่าโดนดูถูกเสียแล้ว
บ่นกันได้ไม่เท่าไรในใจดันคิดไม่ดีขึ้นมา และตัดสินใจไปหาใครสักคนเพื่อร้องทุกข์ให้ฟัง
ถึงจะรู้ว่าอาจารย์เป็นคนมีสถานะในมหาวิทยาลัยพอตัว แต่ก็แค่ครูที่มีชื่อเสียงเองไม่ใช่หรือเหล่าผู้นำที่เยอะขนาดนี้จะไม่มีใครสามารถจัดการได้เลยหรือไง?
เราไปหาพวกผู้ใหญ่ด้วยความคิดเดียวกัน
แต่เดินไปได้สักพักดันบังเอิญเจออธิการบดี จึงรุดเข้าไปหาและระบายความไม่พอใจออกไป ความคิดในตอนนี้ของเราคืออยากให้ดูว่าหลังจากนี้อาจารย์จะมีความยุติธรรมบ้างหรือเปล่า
เห็นกันจะ ๆ ว่าเราทำอะไรให้ตั้งมากมาย แต่ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรใด ๆ เลย ส่วนเรื่องความโดดเด่นอะไรนั้น อีกฝ่ายก็ยกให้ซานกงและเสี่ยวเหมยหมดแล้ว
แต่ในเวลาเดียวกันก็กังวลมาก เพราะเหล่าผู้นำที่มาวันนี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต แม้แต่ท่านอธิการยังปฏิบัติตัวต่อเขาอย่างสุภาพมาก ๆ
เราจะซวยไหม?
คิดจะเสียใจตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ
เพราะบอกไปเสียหมดเปลือกไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ควรพูดหรือไม่ก็ตาม
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีแต่จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ต้องให้อาจารย์คนนี้รู้ตัวเสียบ้างว่าตัวเองอยู่ตำแหน่งอะไร และทำเรื่องสกปรกโสมมอะไรอยู่
เสี่ยวเถียนก้าวออกไปข้างนอก แล้วเอ่ยทักรัฐมนตรีอู๋
“คุณปู่อู๋ สวัสดีค่า!”
ชายชราเห็นเด็กสาวก็ตกใจ สาวน้อยที่พบกันเพียงครั้งเดียวเป็นเด็กที่เขาสนใจมาก
ทั้งยังคาดหวังว่าเธอจะดูแลรักษาให้อย่างดีด้วย
“อั๊ยหยา เสี่ยวเถียนนี่เอง หลานมาได้ยังไงเนี่ย? ปู่จำได้ว่าเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดไม่ใช่หรือ?”
เขาเอ่ยทักเด็กสาวอย่างเป็นกันเอง ราวกับว่าคือลูกหลานแท้ ๆ
เสี่ยวเถียนยิ้ม “หนูเรียนที่นั่นถูกแล้วค่ะ แต่วันนี้คุณลุงเสิ่นมีเรื่องนิดหน่อย เลยให้หนูมาช่วยดูค่ะ”
เธอพูดอย่างเป็นธรรมชาติมาจนหลาย ๆ คนตกใจ
เด็กคนนี้อายุไม่น่าเกิน 11-12 ปี น่าจะอยู่ชั้นประถมใช่ไหม? แต่ท่านรัฐมนตรีบอกว่าโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดเลยนะ พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ
เธอบอกว่าแปลงทดลองมีปัญหาด้วยเลยให้มาช่วยดู
ดูเป็นด้วยหรือ? แล้วจะเข้าใจอะไร?
คนรอบข้างมองเสี่ยวเถียนด้วยสีหน้าแปลก ๆ!
สงสัยนักว่าใครให้ความมั่นใจมา?
คนอื่น ๆ ยังปกติดีแต่เกาจุ้นและหยวนหยางอึ้งกิมกี่โดยสมบูรณ์
ท่านผู้นำยศใหญ่ ผู้ที่แม้แต่อธิการยังไม่กล้าทำตัวโอหังกลับรู้จักยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ด้วย
เธอเป็นใคร?
หรือจะเป็นลูกของตระกูลผู้นำท่านไหน?
พวกเขาทำผิดไปหรือเปล่า?
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นได้แต่คิดว่าตนทำอะไรผิด จะเกิดอะไรขึ้นต่อ?
เรามีโชคอยู่น้อยนิดจึงได้แต่คิดมาก
ต่อให้เป็นลูกคนใหญ่คนโตแล้วยังไงล่ะ?
ต่อให้เด็กอายุเท่านี้ถ่องแท้ความรู้ในโรงเรียนอย่างดี มันไม่จำเป็นต้องเข้าใจความรู้ด้านการเกษตรเสียหน่อย คงไม่เข้าใจด้วยซ้ำมั้งว่าอะไรคือผลิตเมล็ดพันธุ์
เมื่อไรก็ตามที่เธอบอกไม่รู้ ก็นับว่าเสินจื่อเจินใช้ประโยชน์จากของส่วนรวมมาเบียดบังเป็นของส่วนตัวอยู่ดี
ถึงตอนนั้นเราพร้อมจะยืนยันเลยว่า เสิ่นจื่อเจินคิดจะเอาทุนวิจัยทางวิทยาศาสตร์ปีนี้ให้กับยัยเด็กนี่
“ท่านรัฐมนตรีอู๋ รู้จักเด็กคนนี้ด้วยหรือครับ?” อธิการเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง
ตั้งแต่เมื่อไรที่อาจารย์เสิ่นประมาทเอาคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาแบบนี้?
เพราะเขาร้อนรนมากกับการปรากฏตัวของเธอที่แปลงทดลอง หากท่านรัฐมนตรีไม่พอใจขึ้นมาจะทำยังไง?
แต่ไม่คิดว่าทั้งสองกลับรู้จักกัน
ได้แต่หวังว่าเขาจะพูดดี ๆ ต่อกันนะ
รัฐมนตรีอู๋เกิดในครอบครับทหาร ไม่รู้จักยืดหยุ่นและระเบียบจัด!
ตัวชายชราไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะคิดยังไง ตอนนี้เขาแค่ค้อมตัวลงแล้วยิ้มคุยกับเสี่ยวเถียน
“สาวน้อย ปู่รองไม่เห็นบอกกันบ้างเลยว่าหนูมีความรู้เรื่องเกษตรด้วย แปลงทดลองนี้เอาไว้ศึกษาเมล็ดพันธุ์น่ะ เข้าใจใช่ไหม?”
ซางกงมองชายตรงหน้า ก่อนจะจำได้ว่าอีกฝ่ายคือรัฐมนตรีอู๋
แล้วเขาก็พูดถึงปู่รองด้วย?
ใช่ พวกเขามีสถานะเดียวกัน ควรรู้จักกันอยู่แล้ว
แต่ไม่รู้ว่าน้องไปเจอกับเขาได้ยังไง?
ชายหนุ่มมองภาพเขาที่กำลังยิ้ม แต่ใบหน้ากลับซีดเซียว สีหน้าย่ำแย่กว่าปีก่อนอีก
หรือปู่รองจะให้เสี่ยวเถียนมาช่วยรักษาอาการป่วยของเขา และคนนั้นคือรัฐมนตรีอู๋?
ซานกงมองน้องสาวด้วยความสงสัย
แต่เธอไม่มีเวลาได้สนใจ
ส่วนสองพ่อลูกบ้านเสิ่นเอาแต่มองซานกงด้วยแววตางงงวย ความหมายคืออยากให้ซานกงช่วยอธิบายสถานการณ์ที
ซานกง “…”
เขาพูดว่าไม่รู้ได้ไหมเนี่ย?
“คุณปู่อู๋ หนูรู้เพียงผิวเผินเองค่ะ!” เสี่ยวเถียนอธิบาย
ความรู้ด้านการเกษตรเธอรู้แค่นิดเดียวจริง ๆ
ชายชราหัวเราะ “ถ้ารู้แค่นั้นอาจารย์เสิ่นคงไม่เชิญหนูมาเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ?
เสิ่นจื่อเจินรีบก้าวออกไปและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับท่านรัฐมนตรี ตอนผมอยู่กองชุมชนหงซิน ผมกับเสี่ยวเถียนศึกษาหัวข้อนี้มาด้วยกันครับ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเชิญเธอมา”
เขาเคยเจอท่านเมื่อปีก่อน แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำกันได้ด้วย
“ตอนที่คุณอยู่หงซินหรือ? กี่ปีมาแล้วนะ? แล้วตอนนั้นเสี่ยวเถียนอายุกี่ขวบหรือ?” เขาถามด้วยความประหลาดใจ
เสิ่นจื่อเจินยิ้ม “เก้าขวบครับ”
“เก้าขวบ? รู้วิธีทำผลิตเมล็ดพันธุ์แล้วเรอะ?”
“เสี่ยวเถียนเอ้ย เหมือนปู่รองจะยังไม่รู้จักหนูดีเลยนะ” ชายชรายิ้มแล้วลูบหัวเด็กสาว
ครอบครัวแบบไหนนะ ที่เลี้ยงดูลูกหลานออกมาเก่งได้ขนาดนี้
แต่พอนึกถึงภาพที่เธอหยิบหนังสือออกมาอ่านเองเมื่อวาน เขาคิดว่าสมเหตุสมผลอยู่
ส่วนหยวนหยางและเกาจุ้นใบ้กินโดยสมบูรณ์