เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 584 หนูภูมิใจที่มีพี่ชายเก้าคนค่ะ
บทที่ 584 หนูภูมิใจที่มีพี่ชายเก้าคนค่ะ
บทที่ 584 หนูภูมิใจที่มีพี่ชายเก้าคนค่ะ
“คุณปู่อู๋ หนูมีพี่ชายเก้าคนค่ะ!” เสี่ยวเถียนภูมิใจมาก
มีพี่ชายตั้งเก้าคนดีจะตายนะ? เพราะฉะนั้นแม้จะอยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่ เสี่ยวเถียนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจอยู่ดี
“พี่ชายเก้าคนหรือ?” รัฐมนตรีอู๋ไม่คิดว่าเด็กหญิงจะมีพี่น้องเยอะขนาดนี้
ครอบครัวเดียวมีลูกชายเก้าคน ลูกสาวอีกหนึ่งคน ดี ๆ ลูกเยอะโชคเยอะ!
“พี่ ๆ เก่งด้วยสินะ ถ้าเก่งเหมือนหลานแบบนี้ยิ่งดีขึ้นไปอีกด้วยนะ!” ชายชราหัวเราะลั่น
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ พี่ๆ ทุกคนเก่งกันมากเลย” เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง
“ไม่สิ ไม่ต้องจำเป็นต้องเก่งเหมือนก็ได้ ขอแค่ประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือก แค่นั้นก็พอแล้ว!”
ชายชราคิดว่าบนโลกนี้มีแค่เสี่ยวเถียนคนเดียว และเราไม่จำเป็นต้องให้เด็ก ๆ พวกนั้นเก่งเหมือนเธอด้วย ขอแค่ได้มาแค่หนึ่งในสิบ เท่านั้นก็พอแล้ว
“พวกพี่ชายของหนูเก่งมากค่ะคุณปู่ เก่งกว่าที่ปู่คิดเยอะเลย!” เธอยังคงยืนกรานหนักแน่น
พวกเขาโดดเด่นมาก
พี่ใหญ่จะแสดงความสามารถด้านการแปลแน่นอน ส่วนพี่รองเราเห็นความสำเร็จของเขาแล้ว และพี่สามที่คอยติดตามอาจารย์เสิ่น อนาคตมีที่รับรองแล้วล่ะ
ส่วนพี่สี่มีห้างร้านหรงฟาให้จัดการ ขอแค่มีความมั่นคง เขาจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกธุรกิจอย่างแน่นอน
ส่วนพี่ห้าที่เข้าร่วมกองทัพ ค่อนข้างบอกได้ยากมากว่าอนาคตจะเป็นยังไง
ส่วนคนที่เหลือรู้สิ่งที่ชอบกันแล้ว พวกเขาจะทำได้ดีอย่างแน่นอน
รัฐมนตรีอู๋หัวเราะอีกครั้ง
สาวน้อยคนนี้ไม่เกรงใจกันเลยสักนิด แต่เขาชอบนะ เด็กที่พูดความจริงมักจะทำให้คนอื่น ๆ มีความสุขมากกว่าเสมอ
“ท่านรัฐมนตรีครับ ถึงเวลาต้องกลับแล้วครับ ท่านมีประชุมตอน 16:50 น. ครับ!”
เลขาที่เห็นว่าใกล้ถึงเวลารีบเข้ามาเตือนเขา
เขาคิดว่าถ้าให้ท่านรัฐมนตรีเตือนตัวเอง คงเป็นไปไม่ได้
ถึงชายชราจะอยากคุยต่อ แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำได้แค่กลับไป
กระทั่งส่งพวกเขาเสร็จ ใบหน้าอธิการที่หันไปทางเกาจุ้นและหยวนหยางเย็นเยือกราวกับน้ำแข็งตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว มีเวลาให้จัดการเรื่องนี้ต่อมากมาย
“อาจารย์เสิ่น คุณยังต้องการนักศึกษาสองคนนี้อยู่ไหม?” เขาเอ่ยถามเสิ่นจื่อเจินตรง ๆ
ถ้าอธิการไม่ได้พูดออกมา เขาคงจะคิดอีกนิดแล้วละ แต่ตอนนี้คงได้แต่ยิ้มขื่นแล้วส่ายหัว
“อาจารย์เสิ่นครับ พวกเราผิดไปแล้ว เมื่อสักครู่พวกเราเข้าใจผิดครับ” เกาจุ้นรีบขอโทษ
เขารู้ว่าตนผิด แต่ไม่คิดว่าอธิการกลับเอ่ยปากถามว่ายังต้องการพวกเราอยู่ไหม นี่หมายความว่าพวกเราจะถูกไล่ออกจากห้องห้องปฏิบัติการนี่ใช่ไหม?
“ตั้งแต่ที่พวกคุณมาที่นี่ก็ไม่พอใจผมมาตลอดสินะ? ทีแรกคิดว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าพวกคุณจะจัดการความรู้สึกได้ดีขึ้นบ้าง”
เสิ่นจื่อเจินจ้องมองเด็กทั้งสอง
พวกเขาไม่คิดว่าอาจารย์จะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก
ทั้งคิดว่าจะปกปิดได้ดีแล้วเสียอีก
“พวกคุณคิดว่าการการที่เสี่ยวเหมยลุกสาวของผม และซานกงที่เป็นญาติเข้าร่วมทีมนี้ได้เพราะความลำเอียงสินะ แต่พวกคุณรู้หรือเปล่า? ว่าพรสวรรค์ของพวกเขาเหนือกว่าพวกคุณเยอะ”
เกาจุ้นและหยวนหยางไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน!
ก็เห็นกันชัด ๆ ว่าเราเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเอง
“ผมไม่เชื่อ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงครับ?” หยวนหยางโต้กลับเสียงดัง “เราเข้ามาได้ด้วยความสามารถไม่ใช่หรือ?”
“พรสวรรค์ที่ว่าพวกเธอมีแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ก็ยังว่าดีมาก”
กับคนที่ได้ยินคำตอบถึงกับสูญเสียความสุขุมไปในทันที “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้หรอก!”
“ที่เข้ามาได้เพราะนอกจากพรสวรรค์ที่มีแล้ว คือพวกคุณมาจากชนบท ผมคิดว่าเด็กชนบทจะหวนแหนโอกาสในการศึกษาและตั้งใจเรียนเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้!”
เสิ่นจื่อเจินเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือก
แต่ถึงยังไงก้สายเกินไปแล้ว
การกำจัดสิ่งที่ทำให้สูญเสียออกไปได้ทันเวลาคงจะเป็นการดีที่สุด
เด็กทั้งสองอ้าปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง เหมือนยอมรับไม่ได้ที่ถูกปฏิเสธไม่ก็เรื่องที่ทำผิดนิดหน่อยสินะ? แต่มันคุ้มแล้วหรือที่ทำกับเราแบบนี้น่ะ?
อธิการส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เมื่อทั้งสองไม่คิดกลับใจ
“เหตุผลที่ตอนแรกอาจารย์เสิ่นเลือกพวกคุณมาคือ ฐานะทางบ้านคุณตั้งแต่แรก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือสภาพของครอบครัวทั้งสองของคุณแย่ที่สุดในบรรดาผู้สมัคร”
เสิ่นจื่อเจินอุตส่าห์รักษาหน้า แต่เขาไม่คิดจะทำเช่นนั้น
เพราะมันจะทำให้พวกเขาตระหนักถึงความผิดของตัวเองน้อยลง
“และฉันคิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว พวกคุณสองคนจะมาฟ้องเรื่องอาจารย์ตัวเอง”
อาจารย์ใหญ่ชิงชังกับท่าทางหมาป่าตาขาวนั่นนัก
เกาจุ้นและหยวนหยางนิ่งค้าง ไม่ใช่เพราะว่าเราเก่งหรอกหรือ?
มันควรเป็นเหตุผลนี้ไม่ใช่หรือ?
แต่กลายเป็นเรามาจากชนบท และฐานะทางบ้านไม่ดี?
ที่แท้ก็แบบนี้เอง?
เหมือนว่าทุกอย่างจะจริงอย่างที่ท่านอธิการว่า
พวกเราทำบ้าอะไรลงไปนะ?
เผลอได้ใจไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คิดว่าตัวเองเก่งกาจ?
พวกเขาอดเหงื่อไหลไม่ได้
เราจะมีชีวิตที่สุขสบายได้ยังไงหากสูญเสียโอกาสงานนี้และสูญเสียเงินอุดหนุนในทุก ๆ เดือนไป แล้วจะใช้ชีวิตสุขสบายได้ยังไง? แล้วจะส่งเงินให้ครอบครัวได้ยังไง?
ไม่ได้การ พวกเขาไม่อยากเสียโอกาสนี้ไปหรอกนะ เราจะเสียมันไปไม่ได้!
“อาจารย์เสิ่นครับ ได้โปรดให้โอกาสพวกเราอีกครั้งเถอะครับ พวกเราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ จากนี้ไปเราจะตั้งใจทำวิจัยครับ!” เกาจุ้นขอร้องเสิ่นจื่อเจิน
ขอแค่ได้อยู่ หลังจากนี้ไปทุกอย่างจะได้ดำเนินต่อไปดังเดิม
อาจารย์เสิ่น “ดูเหมือนโชคชะตาที่พวกเรามีต่อกันจะสั้นนั หลังจากดีดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกันนะ!”
เด็กแบบนี้เก็บไว้ต่อไปก็คงไม่เห็นบุญคุณเราหรอก เผลอ ๆ อาจจะทิ้งอันตรายไว้กับเราก็ได้
ขนาดเมื่อก่อนเรายังไว้ใจกันไม่ได้เลย ดูคุณฉือที่โดนนักเรียนหักหลังนั่นสิ?
เสิ่นจื่อเจินไม่อยากเลือกเดินผิดพลาดอย่างเส้นทางของฉือเก๋อ
“อาจารย์ครับ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ เรื่องที่คุณพูดในวันนี้พวกเราไม่รู้มาก่อนเลย ถ้ารู้มันคงไม่เกิดขึ้นแน่นอนครับ” หยวนหยางรีบช่วยอีกแรง
ทั้งเขาและเกาจุ้นสภาพครอบครัวไม่ค่อยดีนัก พวกเราจะสูญเสียสิ่งนี้ไปไม่ได้ แล้วก็ทนไม่ได้มาก
“ใช่ครับอาจารย์เสิ่น ได้โปรดยกโทษให้เราในครั้งนี้ได้ไหมครับ จากนี้ไปเราสัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว” หาได้ยากมากที่เกาจุ้นจะมีสีหน้าเสียใจแบบนี้
“ตอนนี้พวกคุณก็พูดจาน่าฟังไปเถอะ แต่ในใจกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ? จะเสียงานนี้ไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”