เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 585 วิสัยทัศน์ไม่ได้เรื่อง
บทที่ 585 วิสัยทัศน์ไม่ได้เรื่อง
บทที่ 585 วิสัยทัศน์ไม่ได้เรื่อง
เสี่ยวเถียนพูดตรงจุดด้วยการบอกความคิดอันสิ้นหวังที่แท้จริงในใจของพวกเขาออกมา และคำพูดอันเฉียบคมทำให้ทุกคนในอาณาบริเวณตกตะลึง ขนาดอธิการเองยังไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเถียนจะพูดแบบนี้
ถึงอายุจะยังน้อย แต่เธอมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ตอนแรกไม่พูดก็ไม่ได้อะไรเท่าไร แต่เมื่อได้เอ่ยปากออกมาแล้ว ทั้งสองที่คิดเช่นเดียวกันมุ่งใส่เสี่ยวเถียนทันที
สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธกำลังจ้องเขม็ง
“พูดจาเลอะเทอะ” เกาจุ้น
หยวนหยางน้ำตาคลอเบ้า “เพราะเธอเลย พวกเราถึงได้ซวยแบบนี้ ทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย?”
“เด็กอายุไม่กี่สิบขวบกลับบ้านไปล้างถ้วยล้างชามดีกว่าไหม มาเดินเพ่นพ่านอะไรแถวนี้?”
สีหน้าหยวนหยางในตอนนี้ดูโกรธกว่าเพื่อนตัวเองเยอะเลย ท่าทางเหมือนกับถูกเสี่ยวเถียนทำร้าย
เด็กสาวอยากระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความโมโห บนโลกนี้มีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ?
ตัวเองไร้ความสามารถเอง แต่ไม่ยอมให้คนอื่นโดดเด่นเนี่ยนะ?
“พวกนายคิดว่าฉันมาเดินเพ่นพ่านหรือ? งั้นขอถามหน่อยสิ มีใครห้ามพวกนายแบบนั้นบ้างไหม? ก็ไม่มีหรือเปล่า?”
“ตัวเองไม่ได้เรื่องเอง แต่ทนเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้?”
สายตาที่หรี่มองมามันทำให้พวกเขาอึดอัดมาก
“เธอ…” เกาจุ้นโกรธจนพูดไม่ออก
“อุตส่าห์ได้ใช้ชีวิตทั้งที การจะมีความสามารถมากน้อยมันขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวเองเท่านั้น และที่ฉันมาปรากฏตัวที่นี่ได้เพราะฉันตั้งใจทำงานอย่างหนักมามาก มีความรู้มากมาย ไม่เหมือนพวกคุณหรอกที่เอาแต่คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์เก่งกาจ แต่ความจริงกับไม่ได้เรื่องสักอย่าง!”
สิ่งที่เสี่ยวเถียนพูดมันทำให้สองหนุ่มรับไม่ได้อย่างยิ่ง
เพราะคิดอยู่เสมอว่าตนเก่ง ฉลาด มีความสามารถ ทั้งยังคิดว่าอนาคตจะสามารถสร้างความแตกต่างในการผลิตเมล็ดพันธุ์ได้
และตอนนี้เรากำลังโดนอีกฝ่ายวิจารย์ว่าไร้ค่า จะให้ยินดีได้ยังไง?
“พูดจาไร้สาระ!”
“จะไร้สาระจริงหรือไม่ พวกนายรู้อยู่แก่ใจดี”
“คนเราน่ะนะ รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถก็ต้องยอมรับซะบ้าง อย่ามาทำตัวสวยหรูไปหน่อยเลย!”
“ฉันขอท้าเธอ!” เกาจุ้นทนไม่ไหว แล้วยกมือชี้หน้าเสี่ยวเถียน
ซานกงก้าวออกมาตบมือขวาข้างนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ! จากนั้นก็ถอยหลังรับชมการแสดงต่อ
“ได้ ในเมื่อนายเชี่ยวชาญด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์นัก ในฐานะที่ฉันเป็นคนนอกจะเล่นด้วยก็ได้ นายถามฉันสามคำถาม ส่วนฉันก็ถามนายสามคำถามเหมือนกัน ตัดสินแพ้ชนะกันตรงนี้เลย เป็นไง?”
เธอคิดจะทำลายความโอหังของพวกเขาซะ
เกาจุ้นตอบตกลงโดยไม่ลังเล ส่วนซานกงได้แต่คิดอย่างอับจนหนทางว่าทำไมไอ้พวกไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ*[1]ถึงได้เยอะนัก
นี่ก็อีกกี่คนเนี่ย?
ให้เสี่ยวเถียนที่เก่งทั้งด้านวรรณกรรมและศิลปะต่อสู้มาท้าดวลเนี่ยนะ ไม่ควรมาเสียเวลาเปล่าเลย!
ทุกคนในพื้นที่มองคนทั้งสอง สำหรับเสิ่นจื่อเจินก็กำลังดื่มด่ำเช่นกัน
เพราะทั้งสองเป็นเด็กที่คุ้นเคยกันอยู่ จึงรู้ระดับพวกเขาดี และความสามารถของเกาจุ้นเทียบเสี่ยวเถียนไม่ได้เลย
แต่อธิการกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะยังไงเสี่ยวเถียนก็เหมือนเด็กผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง
เขาคิดจะหยุดมันไว้ ทว่าพอเห็นสีหน้าเสิ่นจื่อเจินก็ต้องล้มเลิกความคิดไป
และผลลัพธ์เป็นอย่างที่ไม่คาดคิด
เสี่ยวเถียนชนะสามยกรวด ตอบคำถามได้สมบูรณ์แบบกว่าเกาจุ้นที่คิดว่าตัวเองรู้มากและตอบได้ดีอีก ไม่ใช่แค่นั้นนะ เด็กสาวยังแสดงประเด็นใหม่ให้ได้ฟังด้วย
แต่คำถามเสี่ยวเถียนถามเขา เกาจุ้นไม่เข้าใจเลยทั้งสามข้อ คลำหาทางอยู่นาน สุดท้ายก็ได้แต่หน้าแดงก่ำไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดี
“ที่จริงนายไม่เก่งในสิ่งที่เรียนก็ว่าไปอย่างนะ ที่สำคัญมากกว่าคือพวกนายนิสัยไม่ดีต่างหาก!”
“อย่างมาพูดบ้า ๆ ทำไมเราถึงเป็นแบบนั้น?” เกาจุ้นตอกกลับ
ความรู้มีไม่พอเรายังเรียนกันได้ แต่ถ้าสันดานเป็นแบบนี้ งั้นชีวิตที่เหลือก็ไม่รอดแล้วละ
“คนดี ๆ ที่ไหนมันจะรายงานอาจารย์ที่มีบุณคุณต่อตัวเองกันเล่า? อาจารย์เสิ่น อุตส่าห์ตักเตือนอย่างดี มันผิดด้วยหรือไง? ต่อให้พวกนายไม่ไว้ใจฉัน แต่ต้องลงทุนถึงขนาดไปฟ้องเขาต่อหน้าอธิการด้วยเรื่องแค่นี้หรือ? ความเมตตาขั้นพื้นฐานยังไม่รู้จักจดจำ แล้วยังนับว่าเป็นคนได้อยู่อีกหรือไง?”
“”พวกเรา…” หลังจากเอื้อนเอ่ย จู่ ๆ หยวนหยางกลับชี้นิ้วใส่เพื่อน “ฉันไม่อยากไปอยู่แล้ว แต่มันเพราะเกาจุ้นต่างหาก เกาจุ้นบอกว่าต้องยืนหยัดอย่างกล้าหาญและเปิดโปงความชั่วร้าย!”
ความชั่วร้าย?
มุมปากทุกคนกระตุกหลังจากได้ยิน เรื่องแค่นี้มันคือความชั่วร้ายจริง ๆ หรือ?
เกาจุ้นไม่คาดคิดว่าหยวนหยางจะชี้นิ้วมาใส่ในทันใด นี่คิดจะโยนความผิดให้เขาทั้งหมดหรือ?
แต่ที่อีกฝ่ายพูด มันก็คือสิ่งที่เจ้าตัวพูดก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือไง?
“หยวนหยาง มันคือสิ่งที่แกพูดเองนะ!” เกาจุ้นไม่อยากจะเชื่อเลย!
แต่เพื่อนกลับแสดงท่าทางเสียใจออกมา “เกาจุ้น ทำผิดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนะ ที่น่ากลัวคือนายทำผิดไปแล้ว แต่ไม่รู้จักสำนึกต่างหาก!”
“แก…” เขาปากดีไม่เท่าเพื่อน ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าควรโต้ตอบยังไงดี
แต่ตนมีมือมีเท้าอยู่ จึงพุ่งเข้าไปสู้ทันที
แน่นอนว่าหยวนหยางสู้กลับโดยปริยาย รุนแรงกันมาก
เสิ่นจื่อเจินเห็นเด็กทั้งสองที่หมดความอดทน ได้แต่นึกกลัวว่าจะเผลอไปทำลายต้นกล้าในแปลงทดลอง
ในขณะเดียวกันยังเสียใจกับนักเรียนที่สั่งสอนมาเป็นเวลานาน
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเลย
นี่คือเด็กที่เขาเลือกมาเองหรือ?
“ท่านอธิการครับ นักศึกษาสองคนนี้จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยผมอีกต่อไป สัปดาห์หน้าผมจะเลือกใหม่ครับ!”
ทั้งสองหยุดสู้ทันที หมายความว่ายังไงนะ?
“อาจารย์ครับ เกาจุ้นเป็นคนยุยงเรื่องนี้นะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย!”
เกาจุ้นหงุดหงิด “ไอ้สารเลวหยวนหยาง กล้าทำไม่กล้ายอมรับหรือ?”
ฉากหมากัดกันนี่มันน่าเบื่อเสียจริง
เสี่ยวเถียนแปลกใจนักว่าอาจารย์เสิ่นชอบสองคนนี้ไปได้ยังไง?
“ลุงเขย ตอนแรกลุงชอบสองคน… สองตัวนี้ได้ยังไงเนี่ย?” เสี่ยวเถียนไม่สามารถหาคำมานิยามได้เลย
เสิ่นจื่อเจินยิ้มขื่น
ก็จริง เขาชอบสองตัวนี้ไปได้ยังไงนะ?
เขาเองก็ไม่รู้ แต่คงเพราะได้การดูแลจากคนในหงซินมาเยอะก็ได้มั้ง จึงเอนเอียงกับพวกเด็ก ๆ ในชนบทโดยไม่รู้ตัว!
แต่สองคนนี้ไม่มีค่าเลย
อธิการอยากระเบิดหัวเราะออกมาดัง ๆ กับสิ่งที่สาวน้อยพูด ยัยหนูนี่กล้าพูดกับเสิ่นจื่อเจินด้วย แถมยังทำให้อีกฝ่ายหมดคำจะพูดอีกต่างหาก?
ส่วนเสี่ยวเหมยและซานกงได้แต่ยิ้มมุมปาก
พวกผู้บริหารของมหาวิทยาลัยยกยิ้มเช่นกัน ยัยเด็กคนนี้ไร้ปราณีจริงๆ!
[1] คนประเภทยิ่งยโสโอหัง ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว