เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 588 หิ้วว่าที่ภรรยากลับไปด้วย
บทที่ 588 หิ้วว่าที่ภรรยากลับไปด้วย
บทที่ 588 หิ้วว่าที่ภรรยากลับไปด้วย
“สวัสดีจ้ะ พี่ชื่อหลี่หลินหลินนะ เธอชื่อซูเสี่ยวเถียนใช่ไหม? พี่ขอเรียกว่าเสี่ยวเถียนได้หรือเปล่า?”
“ได้ค่ะพี่หลินหลิน ตอนอยู่บนรถไฟพวกเราไม่ค่อยได้กินอะไรดี ๆ เลยค่ะ ตอนนี้หิวกันมากเลย”
เสี่ยวเถียนเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนเก็บตัว เลยเป็นฝ่ายเอ่ยปากด้วยตัวเอง
ได้ยินเช่นนั้น หลินหลินก็ให้ทุกคนรีบเข้ามาในห้องโถง
ในห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ มีโต๊ะไม้ที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายจาน เป็นอาหารที่ทำเองทั้งหมด ต้องบอกได้เลยแค่กินก็รู้ว่าอร่อยแล้ว
“พวกคุณรีบนั่งกันเถอะค่ะ ในห้องครัวยังมีซุปอีกถ้วย เสร็จเมื่อไหร่จะยกออกมาให้นะคะ” หลินหลินเอ่ยด้วยใบหน้าแดงเรื่อ
โส่วเวินมองดวงหน้าคู่นั้น ไม่รู้เพราะอะไรถึงรู้สึกหน้าร้อนแปลก ๆ
จากนั้นสายตาก็คอยไล่มองอีกฝ่ายอยู่เนือง ๆ
เสี่ยวเถียนที่เห็นได้แต่กระตุกยิ้ม
หลินหลินรีบออกมาพร้อมกับหม้อซุป ก่อนยกวางไว้บนโต๊ะ
“ทุกคนรีบกินกันเถอะค่ะ ตอนอยู่บนรถไฟคงไม่ได้กินของอร่อยกัน” เธอยิ้มสดใส
“พี่หลินหลินมานั่งด้วยกันสิคะ” เด็กสาวเหลือบมองพี่ชายไม่ยอมละสายตาจากหลินหลินเสียที ก็รีบลุกขึ้นแล้วดึงให้สาวเจ้านั่งลง
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า แต่เธอจับให้หลินหลินนั่งข้างพี่ใหญ่
ตอนนั้นเองถึงเห็นโส่วเวินหน้าแดงได้ด้วยตาเปล่า
ตอนพี่ชายคนนี้อยู่ที่นู่นไม่เคยคบหากับใครเลย ที่แท้ก็รอคนทางนี้สินะ ถึงหลินหลินจะเป็นคนหรงเฉิง แต่เราเองก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยินดีตามกลับไปด้วย นี่แหละปัญหา
แต่ว่าไม่สำคัญหรอก ขอแค่คนทั้งคู่รู้สึกเหมือนกัน ระยะทางจะไปสำคัญอะไร?
เสี่ยวเถียนคิดในใจ ก่อนจะเอ่ยปาก
“พี่หลินหลิน หนูเห็นว่าพี่สุขภาพเหมือนไม่ดีเท่าไหร่เลยค่ะ”
หลินหลินที่ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าปรากฏความเศร้าสร้อยออกมา
“ตอนเด็ก ๆ หลินหลินเคยล้มป่วยแล้วรักษาไม่ทันท่วงทีน่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ดีมาตลอดเลย โดนลมนิดลมหน่อยก็ป่วยแล้ว ช่วงนี้เพิ่งจะดีขึ้นบ้างน่ะ” เป็นมู่มู่ที่เอ่ยตอบ
พอพูดถึงเรื่องอาการป่วยของน้องก็เสียใจทุกครั้ง แต่จะทำยังไงได้ล่ะ?
หมอบอกว่าเป็นอาการเก่า รักษาไม่หาย ต้องพักฟื้นระยะยาว
ก่อนหน้านี้ฐานะบ้านเราย่ำแย่มาก เลยทำให้ทุกอย่างช้าจนกลายเป็นแย่ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นมาหน่อย จึงไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป
เพราะเขาไร้ความสามารถเอง ขอโทษแทนน้องสาว และขอโทษพ่อแม่ที่จากไปก่อนเวลาอันควร
“หนูรู้เรื่องการรักษานิดหน่อยค่ะ ไม่งั้นกินข้าวเสร็จขอดูอาการให้พี่หลินหลินได้ไหมคะ?” หาได้ยากมากที่เสี่ยวเถียนจะเอ่ยเช่นนี้
พี่ชายทุกคนรวมถึงฉืออี้หย่วนต่างรู้สึกว่าแปลกมาก
เด็กคนนี้ไม่ใช่คนประเภทเสนอตัวจัดการอะไร แล้วทำไมถึงจะรักษาให้หลินหลินล่ะ?
หรือสองคนนี้จะมีสาวนาต่อกัน?
ฉืออี้หย่วนมองหลินหลิน จากนั้นก็เสี่ยวเถียน แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย
เสี่ยวเถียนยิ้มน้อย ๆ ให้พี่สาวข้างกาย
ที่จริงหลินหลินไม่เชื่อหรอกว่าเด็กคนนี้จะสามารถรักษาเธอได้ เพราะการที่มีเด็กอายุเท่านี้มาบอกว่ามีทักษะด้านการแพทย์ ใครที่ไหนจะเชื่อ
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ยามได้เห็นรอยยิ้มคู่นั้น หลี่หลินหลินยอมพยักหน้าให้อย่างน่าประหลาด
“ได้สิ ไว้ดูให้พี่หน่อยนะ อาจจะมีวิธีก็ได้!”
ปกติมู่มู่จะต้องคัดค้านอยู่แล้ว เพราะไม่เชื่อว่าเสี่ยวเถียนจะทำได้ แต่น้องสาวพยักหน้ารับไปแล้ว เขาจึงได้แค่ทำตามที่เธอต้องการ
เสี่ยวเถียนยิ้ม “พี่หลินหลินไม่ต้องห่วงนะคะ ความสามารถหนูดีมากเลยค่ะ ก่อนหน้านี้เคยรักษามาแล้วคนแล้วค่ะ”
ได้ฟังเช่นนั้นมู่มู่กลับเสียใจที่ตอบตกลงไปแล้ว ถึงเด็กสาวจะอ้างว่าเคยรักษาให้ แต่ทำไมรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อนะ?
แต่ตอนนี้เขารู้ว่าสถานการณ์ที่บ้านเราเป็นยังไง เพราะงั้นเราทำให้คนบ้านซูขุ่นเคืองไม่ได้
และรู้ด้วยว่าบ้านนี้รักน้องสาวมากขนาดไหน
ดีเหลือเกิน ไว้ตรวจเสร็จแล้วค่อยไม่ให้น้องกินก็จบ!
หลี่มู่มู่ตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่ค้านแล้วกัน
“พี่หลินหลินทำอาหารเก่งจังค่ะ เป็นแม่ครัวได้เลยนะเนี่ย!” หลังจากเอ่ยเรื่องที่ต้องพูดไปแล้วก็ไม่มีเรื่องอื่นให้คาใจ ได้เวลากินข้าวเสียที
แต่หลังจากที่กินคำแรก เด็กสาวถึงกับเอ่ยชม
ก่อนหน้านี้เคยกินซาลาเปาฝีมือสาวเจ้า แต่ไม่นึกว่าอาหารจะอร่อยขนาดนี้เหมือนกัน
ทุกคนที่ได้ยินเสียงประหลาดใจของน้องสาวก็เริ่มสนใจ ตอนนั้นลืมเรื่องที่น้องจะรักษาให้หลินหลินไปทันที
พวกโส่วเวินจับตะเกียบและเริ่มกินบ้าง
อย่างที่คิด คนที่เคยชินกับคุณย่าซู ไม่รู้สึกว่าฝีมือหลินหลินย่ำแย่อะไร
“พี่หลินหลินเคยเรียนทำอาหารไหมคะ?” เสี่ยวเถียน
หลินหลินพยักหน้า “ข้างบ้านพี่เคยมีคุณป้าคนนึงทำอาหารเก่งมาก พี่เคยเรียนอยู่สองสามครั้ง หลังจากนั้นแกก็ไม่อยู่แล้วจ้ะ”
พูดถึงแกทีไร เธอเสียใจทุกที
เพราะผูกพันกันมาก และไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนแม่อีกคนด้วย
แค่เสียใจ ที่ตอนนั้นแกบอกว่าจะไม่อยู่สักพัก แต่ก็ไม่เคยกลับมาเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
เสี่ยวเถียนมองเห็นความเศร้าโศกเหล่านั้น
“พี่หลินหลินคะ โชคชะตาก็แบบนี้แหละคะ ถ้าหากเรามีชะตาต่อกัน สักวันคงได้พบกันอีกครั้ง และถ้าไม่… ก็ปล่อยให้มันคงอยู่ไว้ในใจก็พอค่ะ!”
เธอไม่รู้ว่าหลายปีมานี้อีกฝ่ายจะยังอยู่หรือเปล่า บางทีอาจไม่อยู่แล้วก็ได้! แต่เธอพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะสัมผัสได้ถึงความรักหลินหลินที่มีต่อแก จึงไม่อยากให้ผู้หญิงใจดีคนนี้ต้องสูญเสียความหวังสุดท้ายในใจไป
“เธอพูดถูก ที่จริงพี่ก็คิดเหมือนกันนะ” หลินหลินยิ้ม
คนบางคน เรื่องราวบางเรื่องถูกกำหนดให้มลายหายไป
“พี่หลินหลินไปเมืองหลวงกับเราได้นะ ไปเรียนการทำอาหารกับคุณย่าของหนูได้ค่ะ”
เสี่ยวเถียนเริ่มเกลี้ยกล่อมสุดชีวิต
ถ้าหิ้วไปได้สำเร็จ เรื่องแต่งงานของพี่ใหญ่จะได้แก้ไขได้เสียที
หลินหลินยิ้มและส่ายหัว “พี่เป็นคนหรงเฉิงนะ จะไปเมืองหลวงได้ยังไง?”
และที่นี่ยังมีพี่ชายอยู่ ญาติคนเดียวที่มีอยู่ในโลก เธอจะไปได้ยังไง?
ถึงจะคาดหวังคำตอบไว้ แต่เสี่ยวเถียนก็ยังเสียใจอยู่ดี
“น่าเสียดายจังเลยค่ะ คุณย่าบอกว่ากำลังหาลูกมือมาสืบทอดอยู่ พี่สาวเองก็มีพรสวรรค์ ถ้าได้คุณย่าของหนูสอนจะต้องห่างชั้นจากเดิมแน่นอนค่ะ!”
คารมคมคายของเด็กสาวล่อลวงหลินหลินเล็กน้อย
เธอชอบศึกษาการทำอาหารจริง ๆ