เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 612 โปรโมท
บทที่ 612 โปรโมท
บทที่ 612 โปรโมท
เสี่ยวเถียนมองหม้อผักและไข่ จากนั้นละสายตาไปมองหม้อเนื้ออันว่างเปล่า เห็นได้ชัดเจนว่าคนยุคนี้ชอบเนื้อเป็นพิเศษ แต่ในวันที่อากาศร้อน ๆ กับอาหารที่ขายไม่หมด มันได้เสียยกหม้อแน่
ถ้าจะทำหมูตุ๋นก็คงไม่ทัน งั้นเวลาที่เกิดเรื่องก็ค่อยบอกคนอื่นไปว่าหมูหมดแล้วแบบนี้หรือ? หรือจะเอาไข่กับผักเป็นของแถมดีล่ะ?
หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเถียนตัดสินใจที่จะขายหม้อไข่และผักให้หมดในวันนี้
ร้านจะพัฒนาต่อไปได้ มันไม่ใช่แค่ว่ามีอาหารยอดนิยมอย่างเดียวหรอกนะ แต่หญิงชราตรงหน้ามาซื้อเนื้อน่ะสิ จะไม่มีใครโปรโมทของอย่างอื่นสักหน่อยหรือ?
“หมูพะโล้หมดแล้วหรือจ๊ะ?” ตอนนั้นเสี่ยวเถียนได้ยินอีกฝ่ายถามด้วยความไม่เต็มใจ
นิดเดียวก็ยังดี ขอแค่ตักใส่จานกลับบ้านไปได้
“หมดแล้วค่ะคุณย่า แต่ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ ไข่พะโล้ของเราก็อร่อยเหมือนกัน”
แกชำเลืองมองหม้อไข่ ก่อนส่ายหัว “ดูดำจัง ไม่เหมือนที่ฉันทำเองเลย มีอะไรให้อร่อย!”
เสี่ยวเถียน “…”
เนื้อหมูที่ตุ๋นออกมาแดง ๆ ฉ่ำ ๆ แค่เห็นน้ำลายก็สอ แต่กลับไข่มันดูแห้ง ๆ ไม่มีมันเหมือนเนื้อ ดูไม่ได้น่ากินสักนิด ทว่าจะน่ากินหรือเปล่าไม่สำคัญ เพราะรสชาติต้องมาก่อน!
“ไม่งั้นลองชิมสักหน่อยแล้วค่อยตัดสินใจซื้อไหมคะ?”
เธอยิ้มแล้วเอ่ยด้วยท่าทางเป็นมิตร เหมือนหลานสาวกำลังคุยกับคุณย่าเลย และการทำแบบนั้นทำให้อีกฝ่ายยากที่จะปฏิเสธ แค่ชิมเอง ต่อให้ไม่ซื้อยังไงเราก็ได้ประโยชน์
“ได้จ้ะ ฉันจะลองดูนะ แต่ขอพูดจาน่าเกลียดหน่อยนะว่าถ้าไม่อร่อยฉันไม่ซื้อ”
เสี่ยวเถียนพยักหน้า “ได้เลยค่ะ ถ้าคุณคิดว่ามันไม่อร่อยจริง ๆ หนูยกให้เลยฟองหนึ่งค่ะ!”
“มั่นใจจังเลยนะ” หญิงชราหัวเราะลั่น
เด็กสาวหั่นไข่ออกมาเป็นสิบชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นก็ยื่นให้
แต่ตอนหญิงชราเห็นเด็กหญิงหั่นแบบนั้นกลับไม่พอใจ ถ้าอยากให้เธอกินนักก็ให้ชิมคำโต ๆ สิ เล็กแค่นี้จะไปพออะไร?
และในตอนที่อีกฝ่ายยื่นให้ด้วยรอยยิ้มน่ารัก หญิงชราก็เอื้อมมือไปหยิบมันมา
“คุณย่าลองดูค่ะ มันจะต่างไปจากที่ย่าเคยกินมาแน่นอน ถ้าซื้อกลับบ้านต้องหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่จานด้วยนะคะ ไว้เป็นเครื่องเคียงได้ รสชาติจะยิ่งอร่อยเลยค่ะ” เสี่ยวเถียนยังไม่ลดละความพยายาม
หญิงชรายัดไข่พะโล้เข้าปาก ก่อนหมุนตัวจากไป
ในหัวพลางคิด กะอีแค่ไข่ มันจะไปมีอะไรให้อร่อยนักหนา?
ทว่าเสียงฝีเท้าของแกกลับหยุดชะงัก เดิมทีเพราะคิดว่าก็เป็นแค่ไข่ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร แต่พอได้ลองชิมก็พบว่ารสชาติของมันดีจริง ๆ
ถึงจะสีดำคล้ำน่าเกลียดไม่เหมือนไข่ต้มลูกขาวเกลี้ยงก็จริง เมื่อชิมแล้วกลับเป็นของดีเสียได้
หญิงชราเคี้ยวอยู่นาน กระทั่งไม่เหลืออะไรในปากแล้ว แต่ก็ยังขยับปากเหมือนยังไม่พอใจ
หลังจากกลืนลงท้อง หญิงชราหมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว แววตากระตือรือร้นจับจ้องไปที่เสี่ยวเถียน
“คุณย่า อร่อยใช่ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อนทันที
อีกฝ่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ไข่อร่อยมาก อร่อยกว่าที่ทำเองเสียอีก
ไม่สิ เทียบไม่ได้เลย ไม่ใช่แค่อร่อยกว่าไข่ต้มนะ ดีกว่าไข่ที่ไปผัดในน้ำมันเสียอีก
“สาวน้อย เอามาให้ฉันหกใบทีจ้ะ” หญิงชราเอ่ยตรง ๆ
ตอนนี้กำลังเรียนรู้วิธีหั่นไข่จากเธออยู่ ทั้งหกฟองนั้นถูกหั่นใส่ดูพูนเต็มจาน ต่อให้ไม่มีเนื้อก็อยากให้แขกได้ลองชิมไข่แสนอร่อยดูบ้างดีกว่า
เสี่ยวเถียนพูดไปด้วย ส่งไข่ให้ย่าแกไปด้วย
“คุณย่า ร้านเรามีผักตุ๋นที่อร่อยเหมือนกันนะคะ อยากชิมไหม? ถ้าอร่อยเอาใส่จานกลับบ้านไปเสิร์ฟได้เลยค่ะ ไม่ต้องยุ่งยาก รสชาติดีด้วย”
เพราะลองกินไข่มาแล้ว แกจึงไม่ปฏิเสธเลย
เสี่ยวเถียนเห็นว่าแกอายุไม่น้อยเท่าไรแล้ว จึงเอามันฝรั่งตุ๋นแบบหั่นแผ่นให้
พอได้ชิมก็รู้เลยว่าอร่อยจริง ๆ ถึงจะเป็นผัก แต่พอได้ตุ๋นแล้วกลับมีรสชาติที่ต่างออกไปเสียได้
น่าแปลกใจจริง ๆ ที่บ้านเราก็กินเหมือนกันแต่ไม่อร่อยเท่านี้เลย
“สาวน้อย อาหารร้านเธออร่อยมากเลยนะ ดีกว่าร้านอาหารของรัฐที่ฉันเคยกินเสียอีก”
แกเป็นคนซื่อตรง ในเมื่อกินแล้วอร่อยก็ไม่ลังเลที่จะเอ่ยชมทันที
เสี่ยวเถียนยิ้มเบิกบาน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความทะนงตนและภาคภูมิใจ “แน่นอนค่ะคุณย่า บรรพบุรุษของครอบครัวเราเคยเป็นพ่อครัวแม่ครัวในวังค่ะ อร่อยใช่ไหมล่ะคะ?”
สองแม่ลูกอายที่จะได้ฟังเหลือเกิน
ครอบครัวเราเป็นชาวนานะ จะกลายเป็นทายาทคนทำอาหารในวังได้ยังไง?
ยัยเด็กคนนี้ กล้าพูดได้ยังไงเนี่ย
อีกฝ่ายไม่สงสัยสักนิด
เพราะรสชาติดีกว่าพวกระดับปรมาจารย์ในร้านอาหารรัฐเสียอีก มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้อย่างแน่นอน!
แต่ตอนนี้กำลังสงสัยมากกว่าว่า ทำไมพวกลูกหลานถึงถ่อมาลำบากยันตะวันตกเฉียงเหนือ!
“สาวน้อย ผักรสชาติดีเลยนะเนี่ย แต่ตาแก่ที่บ้านไม่ชอบมันฝรั่งเนี่ยสิ” หญิงชราเริ่มคิดจะซื้อผักตุ๋นบ้างแล้ว
เด็กสาวรีบยิ้ม “ดูนี่ก่อนสิคะ เรายังมีสาหร่ายทะเลแผ่น รากบัว เต้าหู้ตากแห้ง และเห็ดหูหนูนะคะ รสชาติดีทั้งนั้นเลย”
หญิงชรามองไปตามนิ้วที่ชี้ จริงด้วย…
“โอ้โห บ้านเธอมีผักครบครันดีนะ ตาแก่ชอบกินเต้าหู้ตากแห้ง เอาให้ฉันสักครึ่งจินนะ แล้วก็ชั่งสาหร่ายให้อีกครึ่งจินจ้ะ”
อันที่จริงเวลาทำพวกหม้อตุ๋น หากเราใช้สาหร่ายสดจะดีกว่าแบบแผ่นมาก แต่จินหลานไม่มีเนี่ยสิ
แถมยุคนี้ขนส่งลำบาก และมันต้องแช่สาหร่ายไว้ล่วงหน้าด้วย
เด็กสาวรีบชั่งสาหร่ายให้ลูกค้า
ยุคนี้ยังไม่มีเครื่องชั่ง มีแต่ตาชั่งโบราณ*[1]เท่านั้น เสี่ยวเถียนคิดว่ามันไม่สะดวกแต่เราไม่มีวิธีอื่นแล้ว
“คุณย่าดูสิคะ ตาชั่งสูงมากเลย” เธอเอ่ยหลังจากชั่งเสร็จเรียบร้อย
“สาวน้อย ยังอายุน้อยอยู่แท้ ๆ แต่ทำธุรกิจเก่งจังเลย” หลังจากแกจ่ายเงินให้อย่างมีความสุข ก็เอ่ยชมแล้วเดินจากไป
[1] ตาชั่งโบราณของจีนมีลักษณะเป็นก้านยาว ตัวก้านจะมีมาตราส่วนบอกน้ำหนัก โดยปลายข้างหนึ่งเป็นตะขอไว้ห้อยวัตถุที่ต้องการชั่ง ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งจะเป็นเชือกยาวมีลูกตุ้มห้อยซึ่งสามารถเลื่อนได้ โดยเราจะชั่งสิ่งของไว้ที่ตะขอ จากนั้นเลื่อนลูกตุ้มจนกว่าทั้งสองฝั่งจะสมดุลกัน และอ่านค่าน้ำหนักนั้น ๆ ที่ได้