เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 616 แผนของหลี่จู้จื่อ
บทที่ 616 แผนของหลี่จู้จื่อ
บทที่ 616 แผนของหลี่จู้จื่อ
เธอคิดว่าคำพูดของเสี่ยวเฉ่าไม่ได้มีส่วนที่ผิดปกติ คนตระกูลซูจะทำสิ่งใดข้างนอกก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลของพวกเขาจริง ๆ แม้แต่คนในชุมชนการผลิตก็ล้วนไม่เกี่ยวข้อง
ตอนนี้ไม่ใช่เมื่อสองปีก่อน แม้ทุกคนจะยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ว่าชุมชนการผลิตหงซิน หรือชุมชนอื่นในละแวกใกล้เคียง ก็ล้วนมีคนออกไปทำมาหากินข้างนอก เพียงแต่คนอื่นที่ออกไปทำมาหากิน ดูเหมือนจะไม่ได้สุขสบายเหมือนตระกูลซู
“เสี่ยวเฉ่า เธอจะไปพูดเข้าข้างคนนอกได้ยังไง?”
เป็นธรรมดาที่ซูเสี่ยวเฉ่าจะโกรธสะใภ้รองผู้นี้ เธอไม่รู้จักคำที่ว่าแม้เป็นญาติก็ต้องช่วยเหลืออย่างสมเหตุสมผลหรือ?
แต่เห็นได้ชัดว่าเถียนเสี่ยวเหอไม่รู้หลักการนี้ เธอเห็นน้องสามียังยืนกรานว่าคนตระกูลซูไม่ผิดก็หันหลังเดินจากไป
ซูเสี่ยวเถียนซึ่งอยู่มณฑลที่ห่างไกลไม่รู้ว่า พวกเธอตระกูลซูมีคนกำลังนึกถึงอยู่
หยางซู่หลิน และฉืออี้หย่วนรอคนมาเอาสินค้าจากเมืองจินหลานชุดที่สามไปอยู่ ตอนนี้พวกเขายังยุ่งมาก หลังจากขายของชุดนี้แล้ว พวกเขายังวางแผนจะไปดูที่ไหวเฉิง
หลี่จู้จื่อไม่ได้ช่วยงานที่ร้านเซียงหลู่แล้ว แต่ตามพวกซูเสี่ยวเถียนไปขายของทุกที่ เมื่อเห็นสินค้าที่พวกฉืออี้หย่วนเอากลับมา หลี่จู้จื่อก็มีท่าทีประหลาดใจ เขากระอักกระอ่วนที่จะพูดกับพวกฉืออี้หย่วน จึงพูดกับหยางซู่หลินที่อายุไล่เลี่ยกัน
จากปากของหยางซู่หลิน หลี่จู้จื่อจึงรู้ว่าที่แท้การซื้อมาขายไปเช่นนี้สามารถทำเงินได้ เขารู้สึกว่าอนาคตของตัวเองมีความหวังแล้ว ในอนาคตของเขาหลี่จู้จื่อจะต้องมีชีวิตอย่างเป็นเจ้าคนนายคนแน่นอน จะไม่ใช่หลี่จู้จื่อที่คนมองว่าเป็นกลากบนหัวอีกแล้ว และเขายังมีโอกาสที่จะมีชีวิตเช่นนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะคนตระกูลซูช่วยเหลือ
เมื่อนึกถึงบุญคุณนี้ ตอนที่หลี่จู้จื่อช่วยงานก็ยิ่งทุ่มเทแรงมากขึ้น
หลายคนพร้อมใจกันทุ่มเท ทุกวันล้วนมีงานยุ่งเป็นอย่างมาก แต่กลับพบว่าครั้งนี้ระยะเวลาการจัดส่งสินค้าช้าลงไม่น้อย จะเห็นได้ว่าแม้รายได้ของโรงงานจะไม่เลว แต่กำลังซื้อก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับมาในช่วงเวลาสั้น ๆ
ซูเสี่ยวเถียนถอนหายใจ แม้ว่าค่าแรงคนงานจะสูง แต่ราคาสินค้าที่พวกเขาเอากลับมาก็ไม่ต่ำเลย ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เงินสำรองในมือถูกเค้นออกมาใช้ ยังดีที่พวกเขาตัดสินใจแล้ว ว่าครั้งหน้าจะไปเปิดตลาดใหม่ที่ไหวเฉิงโดยตรง
เพราะครั้งต่อไปต้องการเอาสินค้าไปไหวเฉิงโดยตรง ถึงไม่ได้จัดคนไปซื้อสินค้าที่หรงเฉิงล่วงหน้า แต่ก็วางแผนกับทุกคนไว้ว่าจะกลับหรงเฉิง หลังจากนั้นก็จะไปไหวเฉิงด้วยกัน
สินค้าครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าหนึ่งวันถึงจะขายหมด ดีที่ยังรับประกันราคาได้อยู่ ครั้งนี้ซูเสี่ยวเถียนจึงยังพอใจเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเถียน การค้าขายครั้งนี้ดีมากทีเดียว”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะคะ อาสี่เทียบกับพวกเราแล้วยังดีที่มีเวลาพอ พวกเราหลังจากไปไหวเฉิงรอบหนึ่งก็ต้องกลับเมืองหลวงแล้วค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างเศร้าใจอยู่ไม่น้อย
หลี่จู้จื่อเป็นคนกล้าคิดกล้าทำ เส้นทางนี้ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถทำให้เขาเดินไปสู่เส้นทางของความมั่งคั่ง
“ทำไมล่ะ?” หลี่จู้จื่อไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกลับเมืองหลวง ในเมื่อชีวิตนี้สามารถหาเงินได้ เช่นนั้นก็มาคว้าช่วงเวลาหาเงินนี้ไว้ดีกว่า!
พวกเขาเป็นนักเรียนไม่ว่าจะพูดอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำก็คือการเป็นนักเรียนที่ได้มาตรฐาน ส่วนเรื่องการหาเงินในอนาคตยังมีเวลาอีกมาก
“อาสี่คะพวกเรายังเป็นนักเรียกก็ต้องไปเรียนหนังสือนะคะ”
หลี่จู้จื่ออยากพูดว่าแค่หาเงินได้ก็พอแล้ว จะไม่เรียนก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่คิดดูอีกทีพวกเด็กตระกูลซูล้วนต้องการไปเรียนมหาวิทยาลัย คำพูดนี้จึงถูกเขากลืนกลับลงไป
“งั้นพวกเธอก็จะทำเงินได้น้อยลงเยอะเลยนะ!” หลี่จู้จื่อพูด
“นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ค่ะ จะให้ทิ้งการเรียนเพื่อเงินที่อยู่ตรงหน้าหรือคะ?” เลือกยากเสียจริง!
ไปไหวเฉิงครั้งนี้จะเป็นการทดลองกระแส บางทีช่วงปิดเทอมฤดูหนาวอาจจะได้กำไรอีกก้อน
หลังจากฉีเหลียงอิงรู้ว่าพวกเด็ก ๆ จะต้องไปแล้วก็รับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซูเสี่ยวเถียน ทุกวันนี้จึงทำรายได้อยู่ไม่น้อย มองซูเสี่ยวเถียนก็ยิ่งมีความสุข
ในตอนนี้คนที่เธอนึกอาลัยอาวรณ์ที่สุดไม่ใช่ลูกชายอย่างซูซื่อเลี่ยง แต่เป็นหลานสาวตัวน้อยอย่างซูเสี่ยวเถียน!
“เสี่ยวเถียนอย่าวิ่งวุ่นไปทั่วกับพวกพี่ ๆ เลยนะ ลูกเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียว ทำไมต้องเหนื่อยยากขนาดนี้?”
ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “แม่รองหนูได้พักอยู่ที่นี่นานมากแล้วค่ะ!”
ฉีเหลียงอิงมองซูเสี่ยวเถียนและพูด “ลูกได้พักผ่อนที่ไหน? ช่วงนี้แม่ดูอยู่ตลอด ลูกไม่ได้พักผ่อนดี ๆ สักวันเลย!”
เด็กคนนี้นี่จริง ๆ เลย!
ถึงคนในครอบครัวจะล้วนเอ็นดูแต่ก็ไม่มีท่าทีอวดดีเลย ทั้งยังทำอย่างดีที่สุดอยู่เสมอ
ซูเสี่ยวเถียนยิ้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของฉีเหลียงอิงกลับแดงขึ้นมา!
“เสี่ยวเถียนแม่รองตัดใจปล่อยลูกไปไม่ได้เลย”
เห็นฉีเหลียงอิงจะร้องไห้แบบนี้ ซูเสี่ยวเถียนก็ร้อนรน
“ไม่เป็นไรค่ะแม่รอง ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวไม่แน่หนูอาจจะกลับมา แต่ถึงหนูไม่กลับมาพอถึงตอนนั้นแม่รองก็ไปเยี่ยมพวกหนูที่เมืองหลวงได้นี่คะ!”
ซูซื่อเลี่ยงรู้สึกกลัดกลุ้ม ทำไมคนที่แม่ของเขาอาลัยอาวรณ์ไม่ใช่เขา แต่กลับเป็นเสี่ยวเถียนล่ะ? ตกลงใครเป็นลูกของแม่กันแน่? ตอนกำลังทำไร่ได้ไปเก็บเขามาจากนาหรือเปล่า?
ทันใดนั้นซูเสี่ยวเถียนก็นึกเรื่องห่อเครื่องปรุงรสขึ้นมาได้
“แม่รองคะครั้งนี้มีเวลาจำกัด หนูจะเตรียมห่อเครื่องปรุงพะโล้ไว้ให้สองเดือน และยังเตรียมของอาสี่ไว้ให้ประมาณสองเดือน ทั้งหมดจะเอาไว้ที่แม่รอง รอจนอาสี่กลับไปค่อยถือโอกาสเอาไปด้วย”
เดิมทีซูเสี่ยวเถียนคิดจะเตรียมห่อเครื่องปรุงสำหรับทำพะโล้ไว้ให้พอครึ่งปี แต่ก็กังวลว่าถ้าปล่อยห่อเครื่องปรุงไว้นานเกินไปจะเป็นอย่างไร?
ดังนั้นหลังจากคิดดูแล้วซูเสี่ยวเถียนก็ตัดสินใจ ว่าครั้งนี้จะจัดไว้ให้สองเดือนก่อน
ส่วนที่เหลือค่อยว่ากันอีกที ถึงตอนนั้นค่อยฝากมาจากเมืองหลวงก็ได้แล้ว ยังต้องดูให้มีคนมารับไปก็เป็นอันใช้ได้
พูดเรื่องการค้า ความอาลัยอาวรณ์ของฉีเหลียงอิงก็ถูกทำให้ลืมเลือนไปทันที เธอรีบแสดงให้ซูเสี่ยวเถียนเห็น
“เสี่ยวเถียนวางใจเถอะ แม่สัญญาว่าจะทำเรื่องนี้อย่างตั้งใจเลย จะไม่ทำให้เครื่องหมายการค้าถูกทำลายเด็ดขาด”
ความจริงฉีเหลียงอิงก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่าเครื่องหมายการค้าคืออะไร แต่จากที่ได้ยินซูเสี่ยวเถียนพูด เธอคิดว่าต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ตอนนี้ในความคิดของฉีเหลียงอิงสิ่งที่ซูเสี่ยวเถียนพูดล้วนถูกต้อง
ซูเสี่ยวเถียนยิ้มพูด “แม่รองคะ ตอนนี้แม่รองอาจจะยังมองประโยชน์ของเครื่องหมายการค้าไม่ออก แต่รอให้ผ่านไปสักไม่กี่ปีแม่รองจะเข้าใจเองค่ะ!”
“ทุกอย่างที่เสี่ยวเถียนของแม่พูดถูกต้องหมดนั่นแหละ!” ฉีเหลียงอิงตอบรับหนึ่งประโยค
ตอนที่ทั้งสองพูดกัน หลี่จู้จื่อก็กลับมาแล้ว
เพราะได้ยินว่าซูเสี่ยวเถียนเตรียมห่อเครื่องปรุงไว้สำหรับหมูพะโล้ และเนื้อตุ๋นหม้อไฟ จึงพูดออกไปตามตรง
“ฉันส่งข่าวกลับไปให้อาสะใภ้หนูแล้ว ว่าให้อาสะใภ้หนูหาเวลามาที่มณฑลสักครั้ง”
“อาสะใภ้จะมีเวลามาที่มณฑลหรือคะ?”
แม้ว่าในบ้านจะยังมีผู้ใหญ่อยู่ แต่พ่อเฒ่าของเธอสายตาไม่ดี เกรงว่าจะมองลูกทั้งสองคนไม่ออกแล้ว!
“นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ฉันไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่”
หลังพูดคุยกับหยางซู่หลินมาหลายวัน หลี่จู้จื่อก็พอรู้ว่าการค้านี้จะสามารถเพิ่มจากทุนเดิมได้เป็นสองเท่า จึงไม่คิดจะรีบกลับไปที่อำเภอนัก