เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 625 ผมจะไม่ไปต่างประเทศ
บทที่ 625 ผมจะไม่ไปต่างประเทศ
บทที่ 625 ผมจะไม่ไปต่างประเทศ
อวี๋ซีเยว่มองลูกชาย ความรู้สึกไม่คุ้นเคยและไม่พอใจเอ่อท่วมท้นภายในใจ แต่ตอนที่ปฏิบัติต่อลูกชาย น้ำเสียงของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความจองหอง พูดได้ว่ากับลูกชายคนนี้ สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้เป็นความรับผิดชอบมากกว่าจะเป็นความรัก
เธอเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อทำหน้าที่ในฐานะแม่ให้สำเร็จ โดยการพาลูกชายไปต่างประเทศให้เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนเรื่องความรักสิบกว่าปีที่ขาดหายไปทำให้เธอไม่มีความรักต่อลูกชายคนนี้สักเท่าใดนัก
“ซีเยว่ เธอติดค้างเสี่ยวหย่วนอยู่นะ!”
ฉือเก๋อมองไปยังท่าทีของอวี๋ซีเยว่ที่มองฉืออี้หย่วน ยังคิดจะฟื้นคืนความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกชาย
หลายปีมานี้แม้ว่าอี้หย่วนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ฉือเก๋อในฐานะคนที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาก็รู้ว่าในใจของเขายังปรารถนาที่จะอยู่กับพ่อแม่
ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้แม่กลับมา แต่เขากลับถูกปฏิบัติด้วยท่าทีจองหองแบบนี้ แค่คิดก็รู้ได้เลยว่าในใจของอี้หย่วนจะรู้สึกอย่างไร
ฉือเก๋อรู้ว่าตัวเองแก่แล้ว แม้ว่าเพราะการบำรุงของซูเสี่ยวเถียนจะทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรเขาก็แก่แล้วจะยังสามารถอยู่กับอี้หย่วนไปได้อีกกี่ปีกัน?
อี้หย่วนควรจะได้อยู่ข้างพ่อแม่
อวี๋ซีเยว่คาดไม่ถึงว่าพ่อสามีจะเปิดปากพูดว่าเธอติดค้างอี้หย่วน ตอนนี้เธอตกใจเป็นอย่างมากทั้งยังไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง!
เธอให้กำเนิดฉืออี้หย่วนแล้วเธอจะติดค้างฉืออี้หย่วนได้อย่างไร พ่อสามีพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?
อวี๋ซีเยว่จ้องมองฉือเก๋อด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นก็ข่มความไม่พอใจภายในใจลงไป และพูดกับฉือเก๋อเสียงต่ำ
“คุณพ่อคะ พวกเรากลับบ้านก่อนเถอะค่ะ!”
มีบางคำพูดที่ไม่ควรพูดที่นี่แต่ควรพูดในที่ลับ
แต่ฉือเก๋อไม่ยอมเพราะลูกสะใภ้คนนี้จู่ ๆ ก็เข้ามาทำลายงานเลี้ยงที่เฝ้ารอมานาน ยิ่งไปกว่านั้นลูกสะใภ้คนนี้ยังต่างจากที่จินตนาการไว้ ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศหลายปีเห็นได้ชัดว่าทำให้ลูกสะใภ้เปลี่ยนไปมาก เขายังต้องการเวลาเพื่อยอมรับ
ฉือเก๋อชำเลืองมองฉืออี้หย่วน เด็กคนนี้นิ่งเงียบ บางทีอาจยิ่งต้องการเวลายอมรับเรื่องนี้
“วันนี้เป็นงานเลี้ยงของพวกเรา เธอกลับไปก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยพูดกันพรุ่งนี้!” ฉือเก๋อพูดอย่างเย็นชา
ลูกสะใภ้คนนี้กลับมาหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่ไม่กลับมาบ้าน เรื่องนี้ทำให้คนเฒ่าคนแก่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แม้จะไม่พอใจมากทว่าถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัวตัวเองจึงไม่อาจเอามาพูดได้ ฉือเก๋อหวังว่าอวี๋ซีเยว่จะออกไปเอง และให้เวลาได้ช่วยคลี่คลายกันและกัน แต่ชัดเจนว่าอวี๋ซีเยว่ไม่คิดแบบนั้น
“คุณพ่อ!” อวี๋ซีเยว่ไม่พอใจมาก พลางกดเสียงลงต่ำและตะโกนออกมา
พวกเขารู้หรือไม่ว่าเวลาของเธอมีค่ามาก ไม่มีเวลามาเสียอย่างเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้มาเลี้ยงฉลองกับคนพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร?
คนที่ในตอนนั้นยังนับว่าใช้ได้บ้างผ่านมาสิบกว่าปีก็ล้วนตกต่ำลงกันหมด
พูดได้ว่าไม่มีค่าให้คบค้าสมาคมด้วยอีกต่อไปแล้ว
ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักตู้ถงเหอที่เป็นเพื่อนสนิทของฉือเก๋อ แต่เธอคิดว่าคนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องคบค้าสมาคมด้วยก็เท่านั้น
“เธอไปก่อนเถอะในเมื่อเธออยู่ข้างนอกมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว จะอยู่ต่ออีกสักวันสองวันคงไม่เป็นไร”
แม้ฉือเก๋อจะคิดไว้หน้าลูกสะใภ้ แต่ในเมื่อเป็นลูกสะใภ้ที่ไม่ต้องการรักษาหน้าตัวเองแบบนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว
อวี๋ซีเยว่คาดไม่ถึงว่าพ่อสามีจะไม่ไว้หน้าตัวเองแบบนี้ อีกทั้งยังไม่ไว้หน้าเธอต่อหน้าพวกคนชั้นต่ำที่มีลับลมคมในพวกนี้ ในตอนนี้เองใบหน้าขาวผ่องของอวี๋ซีเยว่เปลี่ยนเป็นแดงในทันทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขียว!
“คุณพ่อเป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองหลวง จะมาอยู่กับพวกคนที่ไม่มีอะไรสักอย่างพวกนี้ได้ยังไงคะ?”
อวี๋ซีเยว่ตกใจมองฉือเก๋ออย่างยากจะเชื่อ
ฉือเก๋อจ้องมองลูกสะใภ้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลูกสะใภ้คนนี้เป็นคนที่ทะนงตนเกินไป แต่ไม่เคยรู้ว่าลูกสะใภ้จะถึงขั้นพูดคำเหล่านี้ออกมา นี่เป็นสิ่งที่คนมีความรู้ควรพูดหรือ?
ในฐานะคนที่ได้รับการศึกษาสูง พูดคำที่ไม่มีมารยาทแบบนี้ออกมามันเหมาะสมหรือ?โดยเฉพาะที่นี่ยังมีผู้อาวุโสของเธอหลายคนนั่งอยู่ด้วย เธอยังพูดคำพูดไม่รู้จักสูงต่ำแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?
“ซีเยว่เธอเปลี่ยนไปมากเกินไปแล้ว!” ฉือเก๋อพูดอย่างปวดใจ
ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของฉือเก๋อ ตู้ถงเหอและภรรยาก็เคยเจออวี๋ซีเยว่มาก่อนเพียงแต่อวี๋ซีเยว่ในตอนนั้นดูไม่เหมือนกับตอนนี้
อวี๋ซีเยว่ในตอนนั้นแม้จะจองหองแต่ก็ยังมีมารยาท มีท่าทีใจเย็นอยู่บ้างไม่ได้น่ารำคาญ
สองสามีภรรยาสบสายตากัน ล้วนมองสายตาอีกฝ่ายออกว่าไม่พอใจอวี๋ซีเยว่ แต่ทั้งสองคนล้วนไม่เปิดปากพูดอะไร
ในเมื่ออวี๋ซีเยว่ไม่เหมือนเมื่อหลายปีก่อนแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับลูกหลานที่ไม่รู้จักมารยาท
ทั้งสองคนใช้ชีวิตมากว่าครึ่งชีวิตไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาล่วงเกินตัวเอง
ในเมื่ออวี๋ซีเยว่เปิดปากพูดออกไปแต่ทุกคนไม่ยอมฟังจึงทุบกระป๋อง ในใจไม่พอใจก็ล้วนพูดออกมา
“พ่อได้รับการศึกษาตั้งสูงทำไมต้องมาอยู่กับพวกคนไร้การศึกษาด้วย? คนพวกนี้มีแต่จะลดระดับของพ่อลงนะคะ!”
“ครั้งนี้ฉันกลับมาเพื่อรับคุณพ่อกับอี้หย่วนไปต่างประเทศ ต่างประเทศอะไรก็ดีกว่าสถานที่ล้าหลังยากไร้แบบนี้มาก ครอบครัวพวกเราสามารถไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศได้นะคะ”
ฉือเก๋อถึงอย่างไรก็ไม่เคยคิดว่าลูกสะใภ้จะเปิดปากบอกว่าต้องการรับปู่หลานไปต่างประเทศ
แต่ในน้ำเสียงของเธอล้วนเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ถึงขั้นรังเกียจและดูถูก
ได้ยินว่ามีหลายคนคิดว่าต่างประเทศดีกว่า หรือว่าในบ้านตอนนี้เธอก็สอนวิธีคิดแบบนี้ให้พวกลูก ๆ?
เมื่อฉือเก๋อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ก็รู้สึกเพียงว่าเธอเป็นคนไม่ดีไปแล้ว
เธอสอนลูกแบบนี้จริงหรือ?
เขาเคยคิดนับครั้งไม่ถ้วนว่าเมื่อลูกสะใภ้ ลูกสาวและลูกเขยกลับประเทศ จะสร้างคุณงามความดีให้ประเทศนี้
แต่ตอนนี้เพียงคำพูดไม่กี่คำของลูกสะใภ้ก็ทำให้ฉือเก๋อตัดความคิดทั้งหมดทิ้ง แม้ไม่อยากจะเชื่อฉือเก๋อก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้ พวกเขาไม่ได้คิดจะกลับมา บางทีในใจของพวกเขา พวกเขาคงไม่ใช่คนจีนแล้ว!
“ผมจะไม่ไปต่างประเทศ!” ฉืออี้หย่วนมองฉือเก๋อ ทั้งยังมองซูเสี่ยวเถียนก่อนจะพูด
อวี๋ซีเยว่คิดไม่ถึงว่าฉืออี้หย่วนจะเปิดปากปฏิเสธตรง ๆ แม้เธอจะกลับมาเพียงช่วงสั้น ๆ หนึ่งสัปดาห์แต่ก็ได้ยินสถานการณ์ภายในประเทศมาบ้าง สภาพแวดล้อมภายในประเทศไม่ดี แม้จะทำการค้าแต่ก็ไม่ได้เสรีมากนัก
ประเทศที่ปิดกั้นและล้าหลังแบบนี้อีกกี่ปีถึงจะพัฒนาได้?
แต่ที่ต่างประเทศไม่เหมือนกัน สภาพแวดล้อมไม่แออัดและเงื่อนไขทางวัตถุก็เจริญก้าวหน้า สามารถทำให้คนใช้ชีวิตแบบดีที่สุดได้ เป็นเพราะเหตุผลนี้คนจำนวนมากล้วนคิดว่าทำอย่างไรจึงไปต่างประเทศได้
ถึงขั้นมีคนที่เพื่อไปต่างประเทศแล้ว ยอมจ่ายเงินอย่างไม่เสียดายเพื่อลักลอบข้ามน้ำข้ามทะเลไป
เธอเคยสอบถามแล้วว่าสถานการณ์แบบพวกเขาสามารถยื่นคำร้องขอกลับมาเยี่ยมญาติได้
ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาอวี๋ซีเยว่ก็ไม่คาดคิดว่า ฉืออี้หย่วนกับฉือเก๋อจะปฏิเสธการไปต่างประเทศ โดยเฉพาะเธอที่รู้ว่าปู่หลานอยู่ด้วยกันแค่สองคน
“อี้หย่วนลูกรู้ไหมว่าพูดอะไรอยู่? สภาพแวดล้อมที่ต่างประเทศดีกว่าในประเทศมากนะ ลูกเสียเวลาอยู่ในประเทศมานานขนาดนี้ หรือยังอยากจะเสียเวลาต่อไปอีก!”
อวี๋ซีเยว่มองลูกชายที่มองตนราวกับมองคนแปลกหน้าก็รู้สึกปวดใจ
ลูกชายจะถูกเลี้ยงดูให้ไร้ค่าอยู่ที่ชนบทแบบนี้จริงหรือ
“ถึงต่างประเทศจะดีกว่าก็ไม่ใช่สถานที่ที่อยู่ได้นานครับ!” ฉืออี้หย่วนพูดอย่างเย็นชา
ต่างประเทศดีมากอย่างไรเขาไม่รู้ แต่ที่เขารู้คือรากฐานของตนอยู่ในประเทศนี้
“อี้หย่วน ถ้าลูกไปต่างประเทศจะได้มีแหล่งการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ลูกจะได้หนังสือในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้เรียนรู้หลายเรื่องที่ในประเทศไม่ได้มีสอน อีกอย่างลูกสามารถเปลี่ยนสัญชาติได้ หลังจากนี้ก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ล้าหลังและยากไร้แบบนี้แล้ว!”
อวี๋ซีเยว่แรกเริ่มไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนี้ที่บ้านคนอื่น
เรื่องนี้ควรพูดในที่ลับจะดีกว่า แต่ลูกชายตัวเองมีท่าทีแบบนี้ทำให้อวี๋ซีเยว่โกรธเป็นอย่างมาก!