เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 630 วิธีสู้ที่ไม่ได้ลงไม้ลงมือ
บทที่ 630 วิธีสู้ที่ไม่ได้ลงไม้ลงมือ
บทที่ 630 วิธีสู้ที่ไม่ได้ลงไม้ลงมือ
หลี่ว์หรูหยาคุยกับเสี่ยวเถียนจนลืมอวี๋ซีเยว่ข้างกายไปเสียสนิท และถึงผู้หญิงคนนี้จะเป็นพวกสมองน้อย แต่เธออาศัยอยู่ต่างประเทศมาหลายปีแล้ว
เคยทำงานให้กับบริษัทใหญ่ ๆ ไม่มีทางไม่เข้าใจหรอกว่าอะไรเป็นอะไร
ตอนแรกก็คิดว่าสองคนนี้กำลังแสดงละครอยู่ ที่ไหนได้ตอนที่พูดหัวข้อที่ลึกลงไปกว่านั้นเธอฉุกคิดขึ้นมาว่าหรือนี่จะเป็นเรื่องจริง
เพราะถ้าเป็นเรื่องโกหกก็คงไม่คุยกันแบบนี้หรอก
ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายจะมาคือสุดสัปดาห์นี้ ง่ายต่อการโดนเปิดโปงมาก
ในยุคนี้ประเทศจีนให้ความสำคัญกับนักธุรกิจต่างชาติเป็นพิเศษ และคนระดับออกัส ย่อมต้องมีเจ้าหน้าที่ของรัฐคนสำคัญร่วมด้วย
หนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ในประเทศจะรายงานข่าวนี้เช่นกัน
เธอรู้สึกว่าตนพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่างไปจริง ๆ ตั้งแต่กลับมา เธอสืบข้อมูลลูกชายและคนรอบตัวมาแล้ว
รวมถึงตระกูลซูที่มาจากตะวันตกเฉียงเหนือด้วย พวกเขาไม่มีภูมิหลังอะไร และไม่ได้เจอเรื่องที่ยัยเด็กบ้านนอกนี่มีความสัมพันธ์กับทางบริษัท Fessenger
อวี๋ซีเยว่อยู่ต่างประเทศมาหลายปีและรู้จักแห่งบริษัทนี้ดี แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงมีความสามารถ
แค่โลกของคนทั้งสองก็ต่อกันไม่ติดแล้ว
หลังจากคนทั้งสองสนทนากันต่ออีกนิด หลี่ว์หรูหยาก็จากไป
เสี่ยวเถียนที่กำลังจะไปหาพี่ชายทั้งสองและตรงกลับบ้าน พลันใดก็เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของอวี๋ซีเยว่พอดี
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยเป็นภาษาเยอรมันออกไป “คุณอวี๋คะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร หนูขอตัวก่อนนะคะ”
อวี๋ซีเยว่อาศัยอยู่เยอรมนีมาหลายปี คุ้นเคยกับมันดี ดีกว่าภาษาแม่ด้วยซ้ำ
แต่บอกได้เลยว่าระดับภาษาของเสี่ยวเถียนมันได้มาตราฐานขนาดไหน
จึงได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง
ไม่จริง เป็นไปไม่ได้
หลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครในประเทศเรียนภาษาเลย ขนาดภาษาอังกฤษที่เห็นได้บ่อย ๆ ยังไม่ค่อยจะมีใครพูดได้ นับประสาอะไรกับภาษาเยอรมันล่ะ?
มันไม่ใช่ภาษาสากลซะหน่อย
“เธอพูดเยอรมันได้?” อวี๋ซีเยว่ถามห้วน ๆ
“หนูคงลืมบอกคุณสินะคะคุณอวี๋ หนูเป็นลูกศิษย์ของคุณปู่ฉือค่ะ!”
ว่าจบก็เดินไปหาพี่ชายทันที
“เสี่ยวเถียน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดอะไรแย่ ๆ ใส่ใช่ไหม?” เสี่ยวปาเป็นห่วงน้องสาวมาก
ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับฉืออี้หย่วนสักนิด
เราไม่ชอบเธอเลย
“เป็นไปได้ยังไงกันคะ หนูดูเป็นคนที่ยืนเฉย ๆ ปล่อยให้โดนคนอื่นรังแกเรอะ?” เสี่ยวเถียนยิ้ม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
พี่ชายทั้งสองเชื่อสนิท
น้องเล็กไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย
“ไม่เป็นไร เขาไม่ได้รังแกเธอก็แล้วไป แล้วเขาพูดว่าอะไรน่ะ?” เสี่ยวปาสงสัย
“ไม่ได้พูดอะไรมากมายหรอกค่ะ แค่บอกว่าจะให้เงินหนู?” เด็กสาวอดหัวเราะไม่ได้ยามนึกถึงสีหน้าอีกฝ่ายตอนพูดประโยคนี้ออกมา
ห้าพันหยวนแลกกับอยู่ให้ห่างจากลูกชายเธอ…
น่าเศร้าเนอะ เพราะความสัมพันธ์เธอกกับอี้หย่วนไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
แต่ต่อให้ใช่ ก็อยากได้เงินห้าพันนั่นนะ
ฉืออี้หย่วนคงเห็นด้วยใช่ไหม?
“อะไรนะ? ให้เงิน?” พี่ชายทั้งสองประสานเสียง
“ใช่ค่ะ บอกให้หนูทิ้งลูกชายเขาไปซะ…”
ทิ้งลูกชาย?
เด็กหนุ่มไม่เข้าใจความหมายนี้
ฝั่งอวี๋ซีเยว่มองสามพี่น้องเดินจากไปด้วยสายตาว่างเปล่า
ก่อนรู้สึกว่าตนคงมองข้ามบางอย่างไป ทั้งเรื่องลูกชายและคนรอบตัว เหมือนว่าจะสืบมาไม่พอ
บางทีควรให้คนอื่นมาทำ
อวี๋ซีเยว่ผู้น่าสงสารได้แต่ตกอยู่ในวังวนความเข้าใจผิดเสียแล้ว
เพราะไม่เคยคิดสักนิดว่ามันมีวิธีอื่นที่สามารถสร้างสายสัมพันอันดีกับลูกชายได้ แถมแก้ปัญหาทั้งหมดได้ด้วย
น่าเสียดายที่บางครั้ง การใช้วิธีผิด ๆ คงไม่อาจมีโอกาสให้สิ่งที่เกิดขึ้นบรรเทาลงแม้แต่น้อย
ทางฝั่งเสี่ยวเถียนหลังจากกลับถึงบ้าน ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นฉืออี้หย่วนกำลังรออยู่
“วันนี้พี่ไม่ว่างไม่ใช่หรือคะ? ทำไมถึงมีเวลามาหาหนูได้ล่ะ?” เสี่ยวเถียนรุดเข้าไปหา
เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าอ่อนโยน “พี่เดาว่าคุณอวี๋จะมาหาเธอน่ะสิ เลยมารอดู!”
เสี่ยวเถียนร้องเหอะ “ถ้าพี่คิดแบบนั้นทำไมไม่มารับที่หน้าประตูโรงเรียนแทนล่ะ?”
อันที่จริงมันเป็นคำพูดที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
แต่ฉืออี้หย่วนกลับรู้สึกว่าเวลาที่เด็กคนนี้เอาแต่ใจ เขารู้สึกได้ประโยชน์มาก
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดู “พี่คิดว่าเขาจะมาหาที่บ้านน่ะสิ”
ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนนึกถึงสิ่งที่อวี๋ซีเยว่พูดแล้วรู้สึกขบขันขึ้นมา
“พี่อี้หย่วน คุณอวี๋บอกว่าจะให้เงินหนูห้าพันแน่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มเจ้าเล่ห์
สีหน้าคนเป็นพี่เปลี่ยนในทันใด
“หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“หมายถึงว่าเธออยากให้หนูทิ้งพี่ไป ยินดีจ่ายห้าพันให้ถ้าหนูทำค่ะ!”
ฉืออี้หย่วนกระวนกระวายใจมาก “เสี่ยวเถียน แล้วเธอตอบตกลงหรือเปล่า?”
ตอบไปไหม?
เด็กสาวส่ายหัว “จะตอบตกลงได้ยังไงคะ?”
เด็กหนุ่มโล่งใจ
แต่หลังจากนั้นเด็กสาวก็เอ่ยอีกครั้ง “เราไม่เคยอยู่ด้วยกันสักหน่อย จะมาใช้คำว่าทิ้งพี่ไปได้ยังไงกันล่ะ?”
จู่ ๆ ก็คิดว่าตอนที่อีกฝ่ายพูดดูเสียใจแปลก ๆ
เด็กคนนี้ซนจริง ๆ!
เขาเอื้อมมือไปบีบจมูกอีกฝ่าย
เสี่ยวเถียนลูบจมูกตนเองปอย ๆ “พี่อี้หย่วนน่าเกลียดจริง ๆ! จมูกหนูเบี้ยวเพราะพี่แน่เลย!”
พอได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อย เขาก็นึกได้ว่าเธอเพิ่งจะอายุ 13 เอง ไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่หรอก
ดีแล้ว ไม่เข้าใจก็ดี!
“ต่อให้หลังจากนี้เขาให้เงินเธอเยอะขึ้นอีก ก็อย่าตอบตกลงนะ!”
เสี่ยวเถียนเสียใจ “ที่จริงเราเอาเงินมาได้นะ ตั้งห้าพัน แน่นพอซื้อบ้านในเมืองหลวงได้ตั้งหลังหนึ่งเลยนะ!”
แถมไม่ใช่ลานแบบเล็กๆ ด้วย
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ!
เด็กหนุ่มทนไม่ไหวจนต้องดีดหน้าผากไปที “อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าอยากได้เงินซื้อบ้าน เดี๋ยวพี่หามาให้”
เด็กสาวเหลือบมอง “หนูรู้ว่าพี่หาได้ค่ะ แต่ถ้าได้มาแบบไม่ต้องทำอะไรเลยก็อยากได้นะ!”
ห้าพันหยวนต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะได้มากัน
“ไม่ได้!” สีหน้าอี้หย่วนถมึงทึง
ต้องปลูกฝังความคิดถูกต้องให้เธอ ไม่งั้นอนาคตเกิดโดนหลอกขึ้นมาทำไงล่ะ?
คนเป็นน้องมุ่ยหน้า “การที่หนูทิ้งพี่ไปมันมีอะไรให้ต้องเครียดกัน? ยังไงพี่ก็ไม่ทิ้งหนูอยู่แล้ว ต่อให้สัญญาไปก็เปล่าประโยชน์!”
เธอพึมพำ ส่วนคนได้ยินกลับพูดไม่ออก
คิดจะใช้วีธีนี้หรือ?
นี่ไม่ใช่อันธพาลแล้วหรือไง?
เอาเงินมาแต่ไม่ทำตามสัญญาสินะ
เหมือนว่าจะดีอยู่นะ!