เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 633 ผิดหวังเหลือเกิน
บทที่ 633 ผิดหวังเหลือเกิน
บทที่ 633 ผิดหวังเหลือเกิน
อีกอย่างพ่อสามีก็เป็นคนมีเงิน เอาให้อี้หย่วนใช้ไม่ได้หรือ? ทำไมต้องเป็นเธอที่ให้อยู่แค่ฝ่ายเดียวด้วย?
“คุณพ่อคะ ท่าน…”
“จะบอกว่าฉันมีเงินหรือ? ฉันมีเป็นค่าโลงศพไงล่ะ หรือเธอคิดจะให้ตาแก่อย่างฉันเลี้ยงลูกเธอโดยที่ตัวเองไม่ออกเงินสักแดงเดียวน่ะหรือ?”
อวี๋ซีเยว่พูดประโยคที่เหลือไม่ออกเลย
“ฉันจะให้ค่ะ!” เธอกัดฟันกรอด
แววตาคู่นั้นจับจ้องไปที่ลูกชาย ได้แต่หวังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอสักประโยคบ้าง บอกไม่เอาเงินด้วยความโกรธก็ได้
ฉืออี้หย่วนเห็นการกระทำเหล่านั้น แต่ทำเป็นมองไม่เห็น
คุณปู่กำลังพยายามต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง ถ้าสมองไม่ได้กระตุกไปเสียก่อนก็ไม่มีทางทำลายแผนการนี้อยู่แล้ว
และเมื่อเห็นแต่ความเงียบงันเหมือนจะยอมรับกลาย ๆ อวี๋ซีเยว่กัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง
ไม่ได้เลี้ยงก็ไม่ได้สนิทสินะ
ไม่มีพูดช่วยบ้างสักประโยคเลย
หรือนี่จะเป็นสิ่งที่อี้หย่วนทำ?
เขาเป็นคนที่อยากได้เงินเอง
อวี๋ซีเยว่รู้สึกว่าตนคิดถูก
“งั้นก็ไวหน่อยเถอะ อี้หย่วนถูกใจลานบ้านแห่งนี้มาก กำลังต้องการเงินพอดี” ฉือเก๋อเอ่ยเสียงเย็น
“คุณพ่อคะ ตอนนี้ฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ไว้กลับประเทศไปเมื่อไหร่ฉันจะส่งมาให้ค่ะ” ยิ่งอวี๋ซีเยว่คิดเท่าไรก็ยิ่งลังเลที่จะแบ่ง
เพราะฉืออี้หย่วนมันไร้ความรู้สึก ไม่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนแม่แท้ ๆ แล้วทำไมเธอต้องปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนลูกชายด้วยล่ะ?
ทำไมต้องให้เงินไอ้พวกหมาป่าตาขาวใช้ด้วย?
จนถึงตอนนี้อวี๋ซีเยว่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองผิดตรงไหน เอาแต่คิดว่าเป็นความผิดของฉืออี้หย่วนทั้งนั้น
เธอบอกกับตัวเองว่า ขอแค่ฉืออี้หย่วนพูดอะไรกับตนสักประโยค เธอยินดีปฏิบัติต่อฉืออี้หย่วน เหมือนลูกชายเลย
แต่เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า ต่อให้เขาช่วยพูดจริง ในใจเธอไม่ได้มีลูกชายคนนี้ตั้งนานแล้ว
“ซีเยว่ เธอคิดว่าฉันแก่แล้วก็เลยไม่มีสมองหรือไง?”
การที่ชายชราพูดแบบนั้นมันทำให้หญิงวัยกลางคนไม่รู้จะตอบยังไงดี
แต่ฟังออกว่าต้องให้เงินเท่านั้น
เงินหมื่นหยวนเธอมีอยู่แล้ว แต่เธอมีกำหนดไว้อยู่แล้วว่ามีเท่าไรใช้เท่าไร
ซึ่งผลที่ได้คือมันทำให้เธอไม่เต็มใจจะจ่ายให้
“แค่ให้ค่าครองชีพเสี่ยวหย่วนหมื่นเดียวก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นเงินบำนาญของตาแก่อย่างฉัน ไว้กลับไปค่อยส่งมาก็ได้ จะคำนวณรายเดือน ไตรมาสหรือรายปีก็แล้วแต่!” ฉือเก๋อปล่อยออกมาตูมเดียว
อวี๋ซีเยว่รู้สึกว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่มาในวันนี้!
เธอไม่ควรมาเลย ไม่งั้นก็คงไม่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้หรอก
หมื่นหยวนไม่ได้มากสำหรับครอบครัวเรา แต่มันก็ไม่ใช่น้อย ๆ
เราทำงานเป็นคนงานในเยอรมนี ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ต่อให้รายได้สูงแล้วมันจะสักแค่ไหนกันล่ะ?
แค่ประคับประคองชีวิตให้ดี รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับลูกทั้งสองก็ลำบากพอตัวแล้ว
แก่แล้วแท้ ๆ แต่ทำไมไม่คิดเสียบ้างว่ากำลังฉีกทึ้งพวกเราอยู่?
อวี๋ซีเยว่ในตอนนั้นลืมไปเสียสนิทเลยว่าเธอเป็นคนที่เริ่มก่อนทั้งหมด!
“ซีเยว่ ฉันรู้ว่าเธอมีชีวิตสุขสบายที่นั่นก็เลยดูถูกคนในประเทศเราสินะ ในฐานะที่เป็นลูกชายลูกสาว เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ จะดูแลแค่ตัวเองโดยไม่สนใจคนเฒ่าคนแก่หรือลูกได้หรอกนะ!”
ตาแก่ฉือเก๋อเงียบปากก็ดีอยู่หรอก แต่พอพูดแล้วมันน่ารำคาญเหลือเกิน
อวี๋ซีเยว่อ้าปากหมายจะพูด แต่สุดท้ายก็หมุนตัวจากไป
หมื่นหยวนก็หมื่นหยวน ถือเสียว่าจ่ายเพื่อตัดขาดกันไปเลย
อวี๋ซีเยว่คนนี้จะทำเป็นว่าไม่มีลูกชายคนนี้อีกต่อไป!
“คุณปู่ครับ!” อี้หย่วนช่วยพยุงชายชราลงนั่ง
“เสี่ยวหย่วน ระแวกบ้านปู่ตู้มีลานบ้านที่หนึ่งอยากจะขาย ปู่ว่าจะซื้อมันน่ะ!” จู่ ๆ ฉือเก๋อก็เอ่ยขึ้น
“คุณปู่คิดจะย้ายไปที่อื่นแล้วใช่ไหมครับ?”
ตั้งแต่กลับมานั้น ไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มไม่คิดจะย้ายหรอกนะแต่เพราะคุณปู่ลังเลใจ
คุณปู่คิดอะไรอยู่ในใจเขารู้ดี แกอยากให้ลูก ๆ ที่กลับมาจากต่างประเทศหาทางกลับบ้านเจอไม่ใช่หรือ?
แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็กลับมาหมดแล้ว แต่ไม่มีใครกลับบ้านเลย
อย่างที่เดาเอาไว้ ฉือเก๋อเจ็บปวดจริง ๆ
เขาอยู่ที่นี่เพราะยังหวังลม ๆ แล้ง ๆ อยู่ แต่ตอนนี้เหมือนความคิดพวกนี้จะหายไปในที่สุด!
“คนเราพอแก่ตัวลง ได้อยู่กับสหายเก่าก็ดีทั้งนั้นล่ะ!” ฉือเก๋อเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเราขายบ้านสไตล์ตะวันตกหลังนี้ไป เงินที่ได้มีพอให้ซื้อเรือนสี่ประสานสองทางเข้าเลยนะ เศษที่เหลือก็พออย่างเหลือเฟือ”
ว่าแล้วก็อดมองไปรอบ ๆ ไม่ได้
ครอบครัวเราอาศัยอยู่ที่แห่งนี้มานานหลายปี
ทว่าเหตุการณ์ในอดีตอาจติดอยู่ในใจเขาแค่คนเดียว
พวกลูก ๆ ต่างเติบโต บินออกจากอ้อมอกจากไปไกลแล้ว
บางทีคงไม่คิดจะกลับมาด้วยซ้ำ
ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็แค่ปล่อยวางความลังเลในใจและเริ่มต้นชีวิตขึ้นใหม่
“ขอแค่คุณปู่เต็มใจ ผมยังไงก็ได้ทั้งนั้นครับ!”
ที่จริงบ้านเราตอนนี้ก็มีแค่ปู่อยู่คนเดียวเท่านั้น อี้หย่วนจึงค่อนข้างกังวล แต่ถ้าย้ายไปที่นั่นอาจดีกว่า ถ้ามีเพื่อนอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ยังได้อ่านหนังสือ ดื่มชา สนทนาด้วยกันได้
ข่าวเรื่องตระกูลฉือกำลังจะขายบ้านแพร่สะพัดในแวดวงอย่างรวดเร็ว
มีคนชอบบ้านหลังนั้นอยู่ไม่น้อยเลย หลังจากที่ฉือเก๋อกลับมาก็มีคนไปดูอยู่บ้าง
แต่ชายชรากลับปฏิเสธ ทว่าไม่คิดเลยจะมีข่าวนี้ออกมา
อวี๋ซีเยว่ก็ได้ยินมันมาเช่นกัน
เธอนั่งอยู่บนโซฟาของโรงแรมด้วยความโกรธจัด พูดอะไรไม่ออกเลยสักนิด
หมายความว่ายังไง?
ทั้งขายบ้าน ทั้งขอเงิน?
นี่คิดจะตบหน้าเธอหรือไง?
ไหนบอกว่าเราไม่ใช่ลูกกตัญญู?
เรื่องซื้อขายบ้านไม่ได้ทำกันง่าย ๆ เราหัวหมุนจนกระทั่งวันเสาร์
อาทิตย์นี้มีวันหยุดวันเดียว เสี่ยวเถียนต้องไปโรงเรียนวันเสาร์
ตอนเที่ยงเธอพยายามขอครูฮวางเพื่อขอลาครึ่งวัน
ฮวางเหวินป่ายมองเด็กสาวที่ตนตั้งความหวังไว้
เธอเรียนเก่งและตั้งใจอย่างหนัก แต่มักจะวอกแวกไปเรื่อยเสมอ
ถ้าไม่ทำแบบนั้น เธอจะเป็นที่จับตามองกว่านี้แน่ งั้นในฐานะที่เป็นครู เขาควรพูดว่าอะไรดีล่ะ?
“ซูเสี่ยวเถียน เราเหลือเวลาเท่าไรก่อนจะถึงเดือนกรกฎาคม? นี่ยังคิดจะปล่อยเวลาให้เสียเปล่าอีกแล้วหรือ?”
เธอเสียใจเหลือเกิน “ครูฮวางคะ หนูรู้ว่าเหลือเวลาก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่นานแล้ว แต่หนูเองก็จริงจังกับการหาเงินให้ประเทศด้วยนะคะ!”
เธออ้างเรื่องนี้อีกแล้ว แล้วคนอย่างเขาจะพูดอะไรได้อีก?
“แค่บ่ายนี้หรือ?” ฮวางเหวินป่ายถาม
บ่ายวันนี้เป็นวิชาคณิตศาสตร์กับฟิสิกส์ เด็กคนนี้ได้คะแนนเต็มทั้งสองวิชา ต่อให้ไม่เข้าก็คงไม่เป็นอะไร!
เขาพยายามปลอบใจตัวเอง เพื่อไม่ให้หน้ามืดตาจนระเบิดความโมโหออกมา!
บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่อนุญาตให้ขอลา นักเรียนคนอื่น ๆ ก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี แล้วทำไมเด็กเรียนดีอย่างซูเสี่ยวเถียนถึงทำตามไม่ได้?