เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 635 ใครตีเนียนกินข้าวฟรี
บทที่ 635 ใครตีเนียนกินข้าวฟรี
บทที่ 635 ใครตีเนียนกินข้าวฟรี
อวี๋ซีเยว่ไม่รู้ว่าในใจคนตระกูลซูเธอไม่นับว่าเป็นคนตระกูลฉือจะถูกปฏิเสธก็ไม่น่าแปลก!
“ขออภัยค่ะคุณผู้หญิง เถ้าแก่ของพวกเราสั่งเอาไว้เป็นพิเศษ คุณเข้าไปในหออีหมิงไม่ได้ค่ะ!”
บริกรพูดกับอวี๋ซีเยว่ด้วยความนอบน้อม
บนใบหน้าบริกรคนนี้มีรอยยิ้ม ท่าทางนอบน้อมสุภาพเป็นอย่างมาก แต่คำที่พูดออกมาความจริงก็ไม่ค่อยน่าฟังเท่าใดนัก
อวี๋ซีเยว่ยังคิดจะพูดอะไรแต่ปรากฏว่ามีคนรอบตัวจ้องมองมาที่ตัวเองแล้ว
ถามตัวเองว่ามีสถานะอะไรอวี๋ซีเยว่ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังขายหน้า
เธอทำได้เพียงหมุนตัวจากไปอย่างเดือดดาล
ตอนที่จากไปใบหน้าของอวี๋ซีเยว่ก็ไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง
มือขาวสวยทั้งสองข้างกำแน่น เล็บมือจิกเข้าเนื้อลึกอย่างไม่รู้ตัว
คนในร้านอาหารไม่รู้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างนอก
ในที่นั่งชั้นพิเศษของร้านอาหารหออีหมิงทุกคนนั่งประจำที่แล้ว จากนั้นหลี่ว์หรูหยาแนะนำทีละคน นอกจากหลี่ว์หรูหยาที่เป็นตัวแทนโรงงานผ้าไหม ก็ยังมีผู้อำนวยการจากโรงงานอื่นอีกสามแห่งมาด้วย
และทั้งสามโรงงานก็ล้วนเป็นโรงงานสิ่งทอ
ซูเสี่ยวเถียนได้ยินสิ่งเหล่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าจุดประสงค์ของออกัสที่มาในครั้งนี้น่าจะเป็นธุรกิจเครื่องแต่งกาย
ส่วนคนอื่นอย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับซูเสี่ยวเถียนจริง ๆ
เธอเป็นเพียงลูกน้องตัวเล็ก ๆ ได้ยินคนที่ไม่ใช่ผู้นำของวงการธุรกิจหรือผู้นำของวงการการเมือง ซูเสี่ยวเถียนก็รู้สึกเบื่อ แต่ทำให้รัฐมนตรีออกหน้าด้วยตัวเองได้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณชายออกัสมีแรงดึงดูดมากทีเดียว ธุรกิจครั้งนี้น่าจะไม่ใช่ธุรกิจขนาดเล็ก
ไม่รอให้ซูเสี่ยวเถียนคิดเรื่องนี้จนกระจ่างคริสติน่าก็แทบรอไม่ไหวที่จะดึงซูเสี่ยวเถียนมาเริ่มพูดคุยซุบซิบทันที
ไม่เจอกันนานคริสติน่าคิดถึงซูเสี่ยวเถียนเพื่อนจากประเทศจีนที่อยู่แดนไกลเป็นอย่างมาก ตอนที่ครั้งนี้พี่ชายต้องมาที่ประเทศจีนคริสติน่าก็ขอร้องทุกวิถีทางให้พี่ชายพาตัวเองมาด้วย ดีที่ออกัสเป็นคนที่เอ็นดูน้องสาว จากเดิมทีคิดจะมาคุยธุรกิจคนเดียวก็ยังพาคริสติน่ามาด้วย
แต่รัฐมนตรีฉางที่อยู่ด้านข้างไม่พอใจเป็นอย่างมากจริง ๆ ที่โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่จัดสถานที่ต้อนรับเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้
เขารู้สึกว่าโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ไม่น่าเชื่อถือขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องการคบค้าสมาคมครั้งใหญ่จะให้พวกเขาไปจัดการ คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าจัดเตรียมสถานที่แบบนี้ไว้
โรงงานผ้าไหมนี้คงไม่ได้กำลังจะปิดกิจการหรือขาดทุนหรอกใช่ไหม?
ไม่แปลกที่รัฐมนตรีฉางจะมีความคิดแบบนี้ เพราะออกัสเป็นนักธุรกิจต่างชาติที่พวกเขาต้อนรับอย่างให้ความสำคัญ
จากการติดต่อครั้งก่อนในครั้งนี้คุณชายออกัสย่อมมาพูดคุยธุรกิจในประเทศอย่างน้อยสามรายการเขากังวลมากที่มีการต้อนรับในสถานที่แบบนี้ กังวลว่าคุณชายออกัสจะรู้สึกว่าเขาไม่ให้ความสำคัญมากพอ
ตั้งแต่เข้าประตูมาท่าทีของรัฐมนตรีฉางเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก สีหน้าที่มองไปยังหลี่ว์หรูหยาไม่สุภาพนักถึงขั้นเหมือนตำหนิ เขาเริ่มครุ่นคิดว่าการต้อนรับแขกในช่วงเย็นควรส่งให้โรงงานอื่นหรือไม่ ถ้าผู้อำนวยการของโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ไม่มาก็แล้วไปเถอะ แต่การต้อนรับแขกก็ล้วนทำอย่างขายผ้าเอาหน้ารอดแบบนี้
หลังจากนี้จำเป็นต้องไปหาผู้อำนวยการของโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่เพื่อพูดคุยเรื่องนี้เสียหน่อยแล้ว
ในหัวของรัฐมนตรีฉางคิดวนไปมา ตอนที่คิดว่ากลับไปแล้วจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรก็เห็นการกระทำของคริสติน่าและซูเสี่ยวเถียน
ในชั่วพริบตารัฐมนตรีฉางก็ตะลึงตาค้าง ทันใดนั้นเองเขาก็คิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป
คุณชายออกัสกับน้องสาวทั้งสองคนราวกับคุ้นเคยกับคนในร้านอาหารนี้ เขาเข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใหม่ มีเรื่องบางส่วนที่ไม่อาจเข้าใจผ่านข้อมูลธรรมดาทั่วไป หรือตอนที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเอาข้อมูลมาให้เขาจะลืมข้อมูลสำคัญอะไรไป?
สายตาของเขามองไปยังหลี่ว์หรูหยา ในตอนนี้หลี่ว์หรูหยากำลังฟังสาวน้อยทั้งสองคนที่รวมตัวพูดคุยกันอยู่จึงไม่ได้สังเกตถึงสายตาของรัฐมนตรีฉางแม้แต่น้อย
สายตาของรัฐมนตรีฉางเงียบเหงาทำเพียงก้มหน้าคิดคำนวณกับตัวเอง
ในตอนนี้เขาได้ยินออกัสเข้าร่วมวงสนทนาของสาวน้อยทั้งสองคนก็เห็นได้ชัดว่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคริสติน่าผู้เป็นน้องสาวของออกัสพูดคุยกับเด็กสาวในร้านอาหารอย่างกระตือรือร้นแบบนี้ เขาก็ตัดสินใจปรับเปลี่ยนแผนก่อนหน้านี้ทันที
ผู้อำนวยการโรงงานคนอื่นในตอนนี้ก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน
ตอนแรกสุดที่เห็นสาวน้อยคนนี้มาถึงหออีหมิงและนั่งลงอย่างไม่เกรงใจก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามางานเลี้ยงพูดคุยเรื่องธุรกิจ แล้วสาวน้อยคนนี้มาทำอะไร?
แต่หลังจากเห็นว่าคุณหนูคริสติน่าชอบพอซูเสี่ยวเถียน พวกเขาก็คิดว่าเธอเป็นเพื่อนตัวน้อยที่หลี่ว์หรูหยาหามาให้คริสติน่า ถึงขนาดที่มีผู้อำนวยการโรงงานที่นั่งข้างหลี่ว์หรูหยาคนหนึ่งพูดเสียงเบา
“สหายนายพิจารณารอบด้านจริง ๆ”
ไม่ใช่ละเอียดรอบคอบหรือ?
เป็นงานเลี้ยงทางธุรกิจพวกเขาเหล่านี้ก็ต้องการพูดคุยเรื่องธุรกิจ แน่นอนว่าสำหรับคุณหนูคริสติน่ามันย่อมน่าเบื่อมาก หากหาสาวน้อยคนหนึ่งมาเป็นเพื่อนจะได้ไม่ดูแลบกพร่อง
เดิมทีผู้อำนวยการโรงงานเหล่านี้คิดว่าซูเสี่ยวเถียนมางานเลี้ยงเพื่อกินดื่ม
พวกเขารู้เสียที่ไหนว่าเดิมทีซูเสี่ยวเถียนคิดจะต้อนรับออกัสและคริสติน่าที่หออีหมิง เป็นการเลี้ยงรับแขกจากแดนไกล
ใครจะรู้ว่าหลี่ว์หรูหยาจะพาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมามากมายขนาดนี้ จนการเลี้ยงรับแขกจากแดนไกลกลายเป็นงานเลี้ยงทางธุรกิจไปแล้ว
ซูเสี่ยวเถียนไม่พอใจเรื่องนี้มากจริง ๆ
แม้จะเป็นหลี่ว์หรูหยา เธอก็ยังพาลใส่คนอื่นอยู่บ้าง
แต่เธอก็เข้าใจว่าการที่ออกัสและคริสติน่ามาในครั้งนี้เวลานับว่ากระชั้นชิด เป็นธรรมดาที่จะอยากคว้าโอกาสทั้งหมดในตอนที่สามารถพูดคุยธุรกิจกันได้มาเจรจากัน
การกินข้าวเป็นช่วงเวลาในการสานสัมพันธ์ที่ไม่เลว เปลี่ยนเป็นการพูดคุยทางธุรกิจเป็นเรื่องหลัก ส่วนการกินข้าวเป็นเรื่องรอง แต่ถ้าให้ซูเสี่ยวเถียนพูดการปรากฏตัวของคนเหล่านี้นับว่าเป็นส่วนเกินมากจริง ๆ
จะพวกผู้อำนวยการโรงงานก็ดีจะรัฐมนตรีฉางก็ดี ทั้งหมดล้วนคิดจะมาสร้างความสัมพันธ์กับนักธุรกิจต่างชาติในงานเลี้ยงครั้งนี้
แม้เมื่อเวลาผ่านไปทีละนิดโดยเฉพาะหลังจากที่อาหารถูกเสิร์ฟแล้ว พวกเขากลับประหลาดใจเมื่อพบว่าคุณชายออกัสดูเหมือนจะแค่มากินอาหารที่นี่เท่านั้นจริง ๆ
เขากินอย่างใจจดใจจ่อ ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่กินใบหน้าเขาล้วนแต่มีรอยยิ้มเปล่งประกายเต็มไปด้วยความพอใจ แม้แต่คุณชายออกัสก็ยังมีท่าทีอ่อนโยนเป็นมิตรกับซูเสี่ยวเถียน ขอบคุณที่ซูเสี่ยวเถียนจัดเตรียมโต๊ะอาหารที่เตรียมไว้เลี้ยงแขก
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ไม่ใช่ว่าควรเป็นงานเลี้ยงพูดคุยเรื่องธุรกิจหรือ?
กินข้าวอะไรนี่ก็เป็นแค่สื่อหลางสร้างความสัมพันธ์ไม่ใช่หรือ?
ทว่าคุณชายออกัสไม่สนทนากับพวกเขาแต่กลับมีไมตรีต่อสาวน้อยคนหนึ่ง นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
รัฐมนตรีฉางคิดอย่างไม่เข้าใจ
เขาส่งสัญญาณให้หลี่ว์หรูหยาออกไปข้างนอก
มีเรื่องบางอย่างที่ต้องถามให้ชัดเจนหากไม่ถามให้ชัดเจนการคาดการณ์ก็จะล่าช้า!
หลี่ว์หรูหยาเห็นรัฐมนตรีฉางให้ตัวเองออกไปข้างนอกก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดคุณชายออกัสก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง หรือรัฐมนตรีฉางก็ยังรู้สึกไม่พอใจ?
รัฐมนตรีฉางไม่พอใจแล้วต้องทำอย่างไรเล่า?
เขาถามตัวเองว่าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว หากรัฐมนตรีฉางยังไม่พอใจก็ไม่มีวิธีแก้ไขแล้วจริง ๆหลี่ว์หรูหยาเดินออกไปกับรัฐมนตรีฉางด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นไปด้วย
เมื่อผู้อำนวยการโรงงานคนอื่นเห็นหลี่ว์หรูหยากับรัฐมนตรีฉางเดินออกไปก็รู้สึกอิจฉาริษยาเป็นอย่างยิ่ง