เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 636 เหมือนเรื่องซุบซิบนินทา
บทที่ 636 เหมือนเรื่องซุบซิบนินทา
บทที่ 636 เหมือนเรื่องซุบซิบนินทา
รัฐมนตรีฉางเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้สี่เดือน ใครจะไม่อยากให้รัฐมนตรีคนใหม่มองตัวเองต่างออกไปเล่า? แต่รัฐมนตรีฉางกลับระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ผู้อำนวยการโรงงานที่ยอดเยี่ยมในเมืองหลวงเหล่านี้ล้วนแต่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่กับผู้นำโรงงานกลับไม่มีใครสนใจ!
คาดไม่ถึงว่าหลี่ว์หรูหยาที่เป็นรองผู้อำนวยการโรงงานแห่งหนึ่งจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ดูท่าอนาคตของเขาคงไร้ขีดจำกัดแล้ว
พวกเขาก็อยากเจอโอกาสที่ดีเช่นนี้เหมือนกัน แต่ช่วยไม่ได้ที่รัฐมนตรีฉางไม่ให้โอกาสนี้แก่พวกเขา
หากหลี่ว์หรูหยารู้สิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในใจคาดว่าจะต้องเกรี้ยวกราดเป็นแน่ โอกาสกับผีสิดวงตานั้นมองว่านี่เป็นโอกาสหรือ? ไม่แน่นี่อาจเป็นหายนะเสียด้วยซ้ำ
พวกเขาที่ไม่สามารถออกมากับรัฐมนตรีฉางได้ ทำได้เพียงมองไปยังนักธุรกิจต่างชาติอายุน้อยคนนี้ หวังว่าจะใช้โอกาสพูดคุยสักสองสามประโยค ไม่แน่อาจสามารถคว้าโอกาสไว้ได้
คนสูงวัยครึ่งหนึ่งเผชิญหน้ากับนักธุรกิจต่างชาติอายุน้อยผู้หยิ่งยโสอย่างกระวนกระวายใจ
การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจค่อย ๆ เริ่มขึ้นทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงวิกฤต โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักธุรกิจต่างชาติ
หลายปีมานี้พวกเขาอาศัยหลังพิงต้นไม้ใหญ่อาศัยความร่มเย็น*[1] โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการจัดจำหน่าย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันพวกเขาเริ่มมีวิกฤตแล้ว
หากการเจรจาครั้งแรกราบรื่นโรงงานก็มีโอกาสที่จะพัฒนา กลับกันหากครั้งนี้ไม่อาจร่วมธุรกิจสำเร็จ ช่วงครึ่งปีหลังชีวิตของพวกเขาก็นับว่ายากลำบากแล้ว
ในฐานะผู้อำนวยการโรงงานพวกเขาไม่กล้ารับประกันว่าจะไม่มีคนเพ่งเล็งพวกเขา แต่หลายคนล้วนไม่เข้าใจภาษาเยอรมันจึงไม่มีวิธีสื่อสารได้เอง
ตอนนี้เองที่มีคนสังเกตเห็นว่าสาวน้อยตระกูลซูจากหออีหมิงผู้นี้ คาดไม่ถึงว่ากำลังใช้ภาษาเยอรมันสื่อสารกับคุณหนูคริสติน่า
ภาษาเยอรมัน!
ในที่สุดพวกเขาก็มีการตอบสนองในปัญหานี้
พวกเขาคิดว่าหลี่ว์หรูหยาไปสอบถามมาแล้ว ว่าสาวน้อยจากหออีหมิงผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับคุณหนูคริสติน่าจึงเชิญให้มาอยู่เป็นเพื่อน
เกือบทุกคนไม่ตระหนักถึงปัญหาการสื่อสารภาษาที่ไม่เข้าใจ
จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ตระหนักว่าการสื่อสารภาษาที่ไม่เข้าใจนั้น เป็นปัญหาใหญ่
แต่ตอนนี้พวกเขาพบว่าสาวน้อยตระกูลซูกำลังพูดคุยกับสองพี่น้องนักธุรกิจต่างชาติได้อย่างไม่พะว้าพะวังแม้แต่น้อย ทั้งที่พวกเขาทำไม่ได้
นี่ทำให้คนอิจฉายิ่ง
ผู้อำนวยการโรงงานทั้งสามคนมองหน้ากัน ในประเทศมีสาวน้อยที่เก่งกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? คาดไม่ถึงว่าจะไม่ต้องแปลเลย!
พวกเขาอยากให้ซูเสี่ยวเถียนช่วยแปลให้ไม่กี่ประโยค แต่พวกเขาล้วนไม่แม้แต่จะรู้จักอีกฝ่ายหากพูดอย่างสะเพร่าย่อมไม่เป็นการดี
ซูเสี่ยวเถียนกำลังพูดคุยกับสองพี่น้องออกัสเรื่องอาหารวันนี้อย่างกระตือรือร้น ยังคุยไปถึงขั้นว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี
ออกัสและคริสติน่าชอบอาหารที่คุณย่าซูทำมาก เมื่อได้ยินว่าคุณย่าซูคิดสูตรอาหารใหม่ออกมาหลายอย่างก็ตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะคริสติน่าที่แสดงออกอีกครั้งว่าตัวเองอยากลองชิมรสชาติใหม่สักหน่อย
ออกัสแม้จะสงวนท่าทีมากกว่าคริสติน่าอยู่สักหน่อย แต่ในแววตาก็เปิดเผยความปรารถนาในใจจริงของเขาออกมา
ซูเสี่ยงเถียนรีบแสดงออกว่าเรื่องนี้ย่อมได้แน่นอน ทุกคนพูดไม่กี่คำก็ตัดสินใจเลือกอาหารเย็นของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อคริสติน่ารู้ว่าซูเสี่ยวเถียนสามารถอยู่เป็นเพื่อนตัวเองได้หนึ่งวันครึ่ง ก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
“เถียนฉันยังอยากไปเยี่ยมคุณย่าด้วย ฉันคิดถึงท่านมากจริง ๆ”
คริสติน่าจับมือซูเสี่ยวเถียนอย่างเป็นกันเอง
“เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเจอไปแล้วหรือ?” ซูเสี่ยวเถียนถาม
“ยังไม่ทันได้พูดคุยกันดี ๆ เลย ฉันเอาของขวัญมาให้คนที่บ้านกับคุณย่าด้วยนะ” คริสติน่าพูดอย่างกระตือรือร้นยิ่ง
คนที่บ้าน?
ซูเสี่ยวเถียนหมดคำจะพูดเป็นอย่างมาก!
อะไรคือการเรียกว่าคนที่บ้าน?
พวกเขาเป็นคนของตระกูล Fessenger ที่สูงศักดิ์ ในขณะที่พวกเขาก็เป็นคนชนบทที่ธรรมดาที่สุดในประเทศจีน จะเป็นครอบครัวเดียวกันได้อย่างไร
“คริสติน่าอย่าสุภาพเกินไปเลยค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนพูด
“ไม่ ไม่ใช่ความสุภาพแต่เป็นความรักความห่วงใย ฉันชอบพวกเธอ!”
ซูเสี่ยวเถียน “…”
เอาเถอะถ้าชอบก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
หลังจากรัฐมนตรีฉางได้ยินหลี่ว์หรูหยาแนะนำก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ที่แท้ร้านอาหารหออีหมิงก็มีที่มาที่ไปกับคุณชายออกัสเช่นนี้
“นายจะบอกว่าเด็กสาวที่ปรากฏตัววันนี้เป็นล่ามของโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ของพวกนายหรือ?”
“ใช่ครับรัฐมนตรีฉาง! เธอเป็นล่ามของโรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ของพวกเรา และเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณหนูคริสติน่าด้วยครับ”
“เธอพูดภาษาเยอรมันเก่งหรือ?”
“เก่งมากครับเธอเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของคุณฉือเก๋อ ทั้งยังเป็นญาติกับเจ้าหน้าที่ฟ่านแผนกการแปลมาด้วยครับ”
หลี่ว์หรูหยาก็เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่ต้น เขารู้สึกว่ารัฐมนตรีฉางดูเบาซูเสี่ยวเถียน
เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดครั้งใหญ่ของผู้นำที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์เลวร้าย หลี่ว์หรูหยาชี้แนะเขาอย่างรู้ใจสักหน่อย
คุณฉือเก๋อเป็นใครรัฐมนตรีฉางยังเคยได้ยินมาบ้าง
เพียงแต่คุณผู้ชายท่านนี้ไม่ใช่ว่าไม่ยอมออกจากป่าหรือ?
คนที่จะเห็นอาจารย์ท่านนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หากเด็กสาวคนนี้ไปเป็นศิษย์ของอาจารย์ท่านนี้ก็คุ้มค่าที่จะได้รับการประเมินที่สูง! แต่ว่าเจ้าหน้าที่ฟ่านแผนกการแปลมาคือใครกัน?
รัฐมนตรีฉางไม่มีการตอบสนองไปครู่หนึ่ง
“เจ้าหน้าที่ฟ่านแผนกการแปล?”
“ภรรยาของหัวหน้าต่งครับ!”
หลี่ว์หรูหยาหมดคำจะพูด คนผู้นี้ทะนงตัวเกินไปแล้วหรืออย่างไร?
ที่จริงไม่ใช่รัฐมนตรีฉางทะนงตนแต่เขาไม่กล้าจะคิดไปในทิศทางนี้
ร้านอาหารธรรมดาแห่งหนึ่งที่เปิดในเมืองหลวงจู่ ๆ จะมาบอกว่าเป็นญาติกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง นี่จะคิดอย่างไรก็ไม่น่าเป็นไปได้!
แต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้นเช่นนี้
ทันใดนั้นรัฐมนตรีฉางก็พบว่าตัวเองตั้งแต่มาที่นี่ก็รู้เรื่องในเมืองหลวงน้อยเกินไปแล้ว มิน่าเล่าทุกคนจึงล้วนพูดว่าในเมืองหลวงทิ้งอิฐหนึ่งก้อนก็สามารถทุบผู้มีอำนาจได้ถึงสามสี่คน
แม้เด็กสาวที่สวมชุดนักเรียนตรงหน้าจะไม่ใช่ผู้มีอำนาจ แต่เป็นญาติของหัวหน้าต่งจะกี่มากน้อยก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง
“ผู้อำนวยการหลี่ว์เรื่องนี้นายควรแจ้งฉันตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว!” รัฐมนตรีฉางถอนหายใจพลางพูด “เกือบไปแล้วฉันเกือบทำพลาดแล้ว”
การทำให้เด็กสาวขุ่นเคืองเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่หากทำให้คุณชายออกัสขุ่นเคืองนั่นจึงนับว่าเป็นปัญหาใหญ่
หลี่ว์หรูหยารีบตอบว่าใช่ซ้ำ ๆ แต่ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะตำหนิ
คนที่รู้จักเข้าหาคนอื่นก็เป็นที่ต้องการในเวลาแบบนี้แหละ!
พูดได้ว่าเรื่องนี้จะเอาไปพูดในสำนักงานรัฐมนตรีไม่ได้
มันเหมือนเป็นเรื่องซุบซิบนินทา!
“พวกเราเข้าไปกันเถอะผู้อำนวยการหลี่ว์ ในเมื่อสหายตัวน้อยคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับคุณชายออกัส งั้นพวกเราก็ต้องคว้าโอกาสและช่วงชิงเอาความสำเร็จมาให้ได้”
[1] หลังพิงต้นไม้ใหญ่อาศัยความร่มเย็น หมายถึง อาศัยพึ่งบารมีคนใหญ่คนโต