เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 642 ตัดสินใจกู้เงิน
บทที่ 642 ตัดสินใจกู้เงิน
บทที่ 642 ตัดสินใจกู้เงิน
สองสามีภรรยามีข้อโต้งแย้งกับวิธีแบ่งเงินอยู่หน่อย ๆ และรู้สึกตนกำลังฉวยโอกาสอยู่ เลยไปหาเสี่ยวเถียนเพื่อขอให้ลดลงหน่อย แต่อีกฝ่ายไม่ยอม
เพราะเธอคำนวณมาแล้ว
ตั้งแต่เกิดใหม่ เสี่ยวเถียนหวังว่าเครือญาติในบ้านจะมีชีวิตสุขสบาย ไม่ใช่แค่ครอบครัวของตัวเสี่ยวเถียนเท่านั้น
เธออยากพาพวกเขาไปยังอนาคตอันแสนสดใส
พ่อรองแม่รองทำร้านขายอาหารอยู่ ขอแค่ขยันแบบนี้ต่อไป วันเวลาดี ๆ จะคอยอยู่เบื้องหน้า
ส่วนพ่อใหญ่แม่ใหญ่ไม่ได้คิดจะทำคนเดียว เด็กสาวจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย
กำไร 20% จะช่วยให้พวกเขาลงแรงไปกับฟาร์มได้ดีขึ้น และยังช่วยให้มีชีวิตที่รุ่งเรืองอีกด้วย
ดีทั้งคู่
พวกเด็ก ๆ วางแผนจะเดินทางลงใต้ ทว่าเป้าหมายไม่ใช่หรงเฉิงแต่อย่างใด เป็นหมัวเฉิง
ข้อหนึ่ง หมัวเฉิงอยู่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุด ข้อสอง จำนวนคนเดินทางไปควานหาทอง*[1] ในหรงเฉิงเยอะมาก สินค้าที่นั้นจึงไม่ใช่ของใหม่อีกแล้ว
สวนตามแถบเมืองต่าง ๆ ฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือ พี่มู่มู่กับอาจู้จื่อไปตระเวนหามาแล้วสามครั้ง
สองคนนี้ทำเงินได้มหาศาลเพียงเวลาแค่หนึ่งปี
ตอนนั้นพวกเขาได้เดินทางมายังเมืองหลวงด้วย มู่มู่ตั้งใจมาเยี่ยมน้อง ส่วนจู้จื่อมาหาพวกคุณปู่คุณย่าซู
ขอบอกเลยว่าอาหลี่สี่เป็นคนที่กตัญญูมาก
เขาจำได้เสมอว่าเคยได้ผู้อาวุโสทั้งสองช่วยไว้ในตอนนั้น และไม่เคยลืมบุญคุณนี้เลย
ครั้นมาเยี่ยมพวกท่าน จึงซื้อของดีมาฝากเพียบ สมาชิกในบ้านคนอื่น ๆ ยังได้ด้วยนะ
ตู้ถงเหอ ฉือเก๋อ คนอื่น ๆ เห็นก็บอกว่าหลี่จู้จื่อคือลูกชายคนที่สี่ของบ้านซูไปเสียแล้ว
ขณะที่เราวางแผนจะเดินทางไปใต้นั้นก็มีข่าวอันสะเทือนเลือนลั่น
โส่วเวินกำลังจะแต่งงาน
เขาเป็นหลานชายคนโต ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลซู
พวกเสี่ยวเถียนจำต้องเลื่อนเรื่องหาเงินนี้ออกไปก่อน
ฉืออี้หย่วนยิ้ม “พี่คิดว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกของเธอคือหาเงินเสียอีก”
เด็กสาวมีน้ำโหขึ้นมา “มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันคะ? หนูดูเป็นคนแบบนั้นหรือ? หนูไม่ได้ชอบหาเงินขนาดนั้นสักหน่อย แค่ไม่มีอะไรทำก็เลยหาเงิน!”
น่าเสียดายที่ฉืออี้หย่วนไม่รู้ว่า มันมีคำที่สามารถใช้มาบรรยายท่าทางเสี่ยวเถียนตอนนี้โดยเฉพาะด้วย นั่นคือคำว่า แวร์ซาย*[2] ไม่งั้นเขาคงพูดออกไปแล้ว
เด็กสาวคิดว่าเธอไม่ใช่คนให้ความสำคัญกับเงินขนาดนั้น
เพราะไม่อยากซ้ำรอยเดิมจึงพยายามหาเงิน
“เสี่ยวเถียน งั้นแผนการลงใต้ต้องล้มเลิกนะ แต่เธอจะแก้ปัญหาเรื่องเงินไม่พอยังไงล่ะ?”
เด็กสาวครุ่นคิด “คงให้ธนาคารช่วยค่ะ”
คนยุคนี้ไม่มีเงิน ส่วนคนที่มีเงินถืออยู่เป็นพัน ๆ หยวนในมือคือพวกคนรวย
เพราะงั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขอยืมจากคนอื่น การให้ธนาคารช่วยจึงเป็นวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุด
ธนาคารหรือ?
ฉืออี้หย่วนผงะ ไม่นึกว่านั่นคือสิ่งที่น้องคิด
ช่วงนี้เรื่องกู้เงินจากธนาคารอะไรพวกนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก ถึงเขาจะทำธุรกิจมาหลายปี แต่ไม่เคยคิดหาวิธีทำเงินแบบนี้เลย
ส่วนที่เสี่ยวเถียนคิดได้ เพราะเด็กสาวใช้ความคิดของคนรุ่นหลังน่ะสิ
พวกเขาจะหาเงินด้วยการกู้จากธนาคารและได้รับความร่วมมืออย่างดีด้วย
ยืมไก่มาออกไข่*[3]ชัด ๆ เลยนี่นา
ที่เธอคิดมันไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
“ใช่ค่ะหนูเคยถามมาน่ะ ถ้าเอาไปจำนองผ่านธนาคารจะกู้เงินได้ค่ะ!”
ตอนนี้เธอมีอสังหาริมทรัพย์และโรงงานอยู่ในมือ เงื่อนไขด้านจำนวนผ่านอย่างแน่นอน
แค่ว่าอาจจะต้องหาคนมาช่วยทำ
ในเมื่อลงใต้ไม่ได้ เรื่องกู้เงินคงต้องยกมาไว้ในแผน
สองวันที่ผ่านมาเธอยังคิดอยู่เลยว่าใครจะเป็นคนผู้นั้น
แต่ไม่พบเลยสักคน
วันนี้โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่มารับรองแขกที่ร้านอาหารของเรา โดยมีหลี่ว์หรูหยาเป็นคนพามา
พอเห็นเสี่ยวเถียนในร้านเขายังนึกประหลาดใจ
เด็กคนนี้ดูยุ่งอยู่ตลอดเลย วันนี้มีเวลาอยู่ร้านด้วยหรือ?
แถมยังดูเศร้าหมองอีกด้วย
“เสี่ยวเถียน เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลังจากรับแขกเสร็จก็ออกมาทักทายเธอ
อีกฝ่ายหยิบกระดาษขึ้นมาขีด ๆ เขียน ๆ บนนั้นเป็นชื่อคนทั้งสิ้น
“ผู้อำนวยการหลี่ว์ วันนี้มีแขกหรือคะ?” เธอแย้มยิ้มถาม “ช่วงสองวันที่ผ่านมาคุณย่าลองทำอาหารเมนูใหม่ขึ้นมาน่ะค่ะ คุณลองชิมได้นะ!”
หลี่ว์หรูหยายิ้มตอบ “ดีจังเลย แต่ว่าเธอยังเด็กอยู่เลยนะ ทำหน้าบูดบึ้งมันดูไม่ดีนา!”
ยังเป็นเด็กอยู่ก็ควรทำตัวเป็นเด็กสิ ไม่สมควรมีเรื่องให้ต้องกังวลหรอกนะ
“ผู้อำนวยการ หนูขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ คุณมีคนรู้จักที่ทำงานธนาคารไหมคะ หนูอยากกู้เงิน!”
อีกฝ่ายคาดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยิน
ฐานะบ้านเธอก็ดีอยู่นะ ทำไมจะกู้เสียเล่า?
“เสี่ยวเถียน ทำไมถึงจะกู้เงินล่ะ? เจอเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หรือจะซื้อบ้านอีกหลัง?
ไม่หรอก ๆ เธอมีบ้านไม่ขาดมือเลยนะ
รอบกายก็รายล้อมไปด้วยคนมีเงิน ถ้าขาดเงินจริง ๆ ขอยืมสักหน่อยไม่ได้หรือ?
“หนูเพิ่งเปิดโรงงานค่ะ แต่เงินมีไม่พอเลยอยากยืมสักสามสี่หมื่นเผื่อฉุกเฉิน”
สามสี่หมื่น…
พูดเหมือนขอสามสี่ร้อย
นี่คือความต่างชั้นของเราสินะ
เขาทำงานหนักมาตั้งหลายปี เงินเก็บมีอยู่สามสี่พันเท่านั้นเอง
เพราะสิทธิประโยชน์และเงินของโรงงานดี คนในบ้านเขาจึงมีงานทำกันทุกคน
เสี่ยวเถียนมองท่าทางอีกฝ่าย “ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวหนูไปหาต่อดู!”
“เธอไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากพวกผู้นำบ้างหรือ?” เขาลังเล
เพราะเธอรู้จักผู้นำหลายท่าน
แต่กลับได้รับสายตาราวเห้นคนโง่งมมาเสียอย่างนั้น
มันคุ้มให้เขาช่วยเหลือขี้ปะติ๋วไหมเล่า?
เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าพูดอะไรไม่สมควรออกไป
เขารีบร้อนยิ้ม “ดูฉันซี่ พูดจาเลอะเทอะจริง ๆ!”
เราจะขี่ช้างจับตั๊กแตนไปทำไม?
“ถึงฉันจะไม่รู้จักใครแต่ช่วยหาได้นะ เรื่องนี้ยกให้ฉันทำเถอะ!” เขารับมันไว้
เด็กสาวยิ้มขอบคุณ
เพราะเขาอยู่ในเมืองหลวงมาตั้งหลายปี มีความเป็นไปได้ว่าจะหาคนมาช่วยเหลือได้
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เรารู้จักกันมานานนะ อีกอย่างที่โรงงานเรามีวันนี้ได้ก็ต้องขอบคุณเธอนะ!”
เขาเอ่ยด้วยความจริงใจ
หลังจากการเจรจาเมื่อคราวนั้นก็พอให้โรงงานผ้าไหมฉี่ลี่ของเราได้ก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
ว่าแล้วก็อยากขอบคุณเสี่ยวเถียนเหลือเกินที่เป็นฝ่ายคุยกับคุณออกัสให้
ขณะที่เรากำลังคุยกันสายตาพลันเหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งออกมาจากห้องส่วนตัว ก่อนฝ่ายนั้นจะตรงมาเพราะหลี่ว์หรูหยาอยู่ด้วย
[1] หาของดี
[2] เป็นศัพท์วัยรุ่นยอดฮิตของจีน ในที่นี้มีความหมายว่า คนที่มีพฤติกรรมหรือลักษณะชอบอวดตน อวดข้าวของ ชีวิตอันหรูหราของตัวเอง
[3] หมายถึงใช้กำลังผู้อื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน เป็นหนึ่งในวิธีหาเงินที่ดีที่สุดของนักลงทุน