เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 643 เผชิญกับคนน่าขยะแขยง
บทที่ 643 เผชิญกับคนน่าขยะแขยง
บทที่ 643 เผชิญกับคนน่าขยะแขยง
content warning เนื้อหาในตอนนี้มีความไม่เหมาะสม ตัวละครมีความคิดและพฤติกรรมผิดปกติทางจิต ซึ่งตัวละครนี้เป็นโรคใคร่เด็ก (Pedophilia) มีบทบรรยายการคุกคามทางเพศ
“รองผู้อำนวยการหลี่ว์ดูอารมณ์ดีนะ ทำไมถึงมาคุยกับสาวน้อยตรงนี้ล่ะ?”
ชายคนนั้นมองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาคลุมเครือ ก่อนเอ่ยถามอย่างมีนัยยะ
เสี่ยวเถียนอึดอัดกับสายตาคู่นั้นนัก ไม่รู้เพราะอะไรแต่อยากอยู่ให้ห่างเหลือเกิน!
ทว่าในเมื่อผู้นำปรากฏตัวเช่นนี้ เธอไม่สามารถผละออกมาเฉย ๆ ได้ จึงทำได้เพียงถอยหลังลงหนึ่งก้าวด้วยความลำบากใจ
หลี่ว์หรูหยายิ้ม “ที่แท้ก็ผู้อำนวยการเฉียนนี่เอง ทำไมท่านถึงออกมาล่ะครับ!”
“ก็มาดูว่ารองผู้อำนวยการหลี่ว์จะเตรียมงานเลี้ยงแบบไหนให้เราในร้านอาหารเล็ก ๆ โทรม ๆ แบบนี้ไงล่ะ!”
ผู้อำนวยการเฉียนเอ่ยตรงประเด็น แต่ด้วยสถานะของหลี่ว์หรูหยาที่ต่ำกว่าจึงทำได้เพียงกล่าวขอโทษเท่านั้น
“ผมสั่งอาหารปรุงสดไปบางส่วนแล้วครับ! พวกเราเข้าไปนั่งรอในห้องส่วนตัวดีกว่าครับผู้อำนวยการเฉียน เดี๋ยวผมรินสุราให้ท่านสองแก้วเองครับ”
“รองผู้อำนวยการหลี่ว์เหมือนจะคุ้นเคยกับคนที่นี่มากนะ!” ทว่าอีกฝ่ายยังแน่วแน่ ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดเลย
จึงไม่มีทางเลือกนอกจากหาเรื่องอื่นมาสนทนา
“ขอให้ผมได้แนะนำท่านสักหน่อยนะครับ สหายตัวน้อยคนนี้เป็นล่ามระดับอาวุโสของโรงงานผ้าไหมเราเองครับ! เสี่ยวเถียน ท่านนี้คือผู้อำนวยการเฉียนจากโรงงานผลิตเสื้อผ้าไท่ชางน่ะ ท่านเป็นลูกค้ารายใหญ่ของโรงงานผ้าไหมเราเอง!”
ผู้อำนวยการเฉียนตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยสายตา
เห็นได้ชัดเลยกว่ากำลังสงสัยในคำแนะนำตัว
เด็กที่ดูเหมือนยังไม่เรียนมัธยมต้นด้วยซ้ำเป็นล่ามระดับอาวุโสของโรงงานผ้าไหมเนี่ยนะ ตลกหรือ?
บอกว่ารู้ภาษาต่างประเทศแค่คำเดียวมันยากหรือไง
มาบอกเป็นล่าม เห็นว่าเขาโง่หรือ?
เสี่ยวเถียนสัมผัสท่าทางไม่ยินดีนั้นได้ จึงแค่ยกยิ้มทักอย่างสุภาพแล้วเดินไปหลังครัว
เลี่ยงสถานที่ที่ทำให้เกิดข้อพิพาทง่าย ๆ ไว้ดีกว่า
แต่ผู้อำนวยการเฉียนกลับเอื้อมมือไปรั้งไว้ “รองผู้อำนวยการหลี่ว์ ในเมื่อนี่คือคนจากโรงงานของคุณ ทำไมไม่เข้าไปนั่งด้วยกันล่ะ!”
สาวน้อยคนนี้หน้าตางดงาม เป็นเด็ก เหมือนเชอร์รีลูกฉ่ำน่าดึงดูด
ผู้อำนวยการเฉียนที่มองอยู่อดกลืนน้ำลายไม่ได้
เสี่ยวเถียนรับรู้ความคิดของเขาแล้ว ทั้งยังได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยออกมาด้วย ที่แท้ก็ดื่มเหล้ามาหน่อยแล้วสินะ ตั้งใจจะทำตัวบ้า ๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือ?
เด็กสาวกำหมัดแน่น
หลี่ว์หรูหยารีบร้อนยิ้ม “ผมว่าอย่าดีกว่าครับผู้อำนวยการ ท่านอาจไม่ทราบว่าหออีหมิงเป็นร้านอาหารของครอบครัวสหายเสี่ยวเถียน เธอเป็นเจ้าของร้านจึงไม่สะดวกร่วมกินข้าวกับแขกได้ครับ!”
เขาเองก็เป็นคนมากประสบการณ์โชกโชนนะ มีหรือจะไม่รู้ว่าผู้อำนวยการมีใจอกุศล
แล้วก็รู้ด้วยว่าจะยั่วยุเสี่ยวเถียนไม่ได้
อีกอย่างเด็กสาวเป็นคนมีเกียรติ เขาจำเป็นต้องปกป้องเธอก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว
ฝ่ายผู้อำนวยการเฉียนได้ยินก็ไม่รู้ว่าฟังเข้าใจหรือไม่ แต่กลับใช้สายตาอันไร้ยางอายเช่นนั้นดั้นด้นมองเสี่ยวเถียน
หลี่ว์หรูหยาเริ่มร้อนรนขึ้นมา เขาดูไม่เหมือนคนแบบนั้นเลย ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้?
หรือข่าวลือเกี่ยวกับเขาที่ตนเคยได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง?
“วันนี้ฉันเป็นแขกผู้มีเกียรติ ถ้าอยากจะเจรจาธุรกิจนี้ก็ต้องฟังฉัน! ในเมื่อเธอก็เป็นคนของโรงงานคุณ ฉันก็ต้องการให้เธอร่วมดื่มกับฉัน”
ผู้อำนวยการเฉียนเอ่ยปากตรง ๆ
เด็กสาวตีมึนไม่ได้ยิน “รองผู้อำนวยการหลี่ว์คะ หลังครัวยังมีงานที่ต้องทำอยู่ขอตัวไปจัดการก่อนนะคะ ส่วนหน้าที่ของฉันมีเพียงรับรองคุณออกัสเท่านั้นค่ะ”
เสี่ยวเถียนบอกตรง ๆ ให้ชัดเจนว่าเธอเป็นล่ามและเป็นล่ามระดับผู้อาวุโสเท่านั้น ไม่ทราบว่ามีหน้าที่ในการทำงานให้แขกคนอื่นด้วย
แล้วมาดื่มเหล้าอะไรนี่อีก ไม่ได้อยู่ในขอบเขตหน้าที่ด้วยซ้ำ!
ถึงเสี่ยวเถียนจะอายุน้อยแต่เธอก็เป็นคนได้กลับชาติมาเกิดใหม่ น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างมีอำนาจ
ทว่ามันไม่สามารถกดอีกฝ่ายไว้ได้เลย
ผู้อำนวยการเฉียนอยู่ในเมืองหลวงมานานแล้ว เรื่องสกปรกโสมมอะไรนี่มีหรือจะไม่เคยเห็นไม่เคยทำ?
และการกระทำไม่เหมาะสมมันทำให้เขาโมโห!
อยู่ในแวดวงธุรกิจมาตั้งหลายปี ถ้าโดนยัยเด็กนี่ทำให้เสียหน้า จากนี้ไปจะไม่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกหรือ?
ยัยเด็กน้อย พูดดี ๆ ไม่ชอบต้องให้บังคับ ตอนนี้แหละจะทำให้ลิ้มรสชาติเอง!
“สาวน้อย เธอนี่ไร้ยางอายจริง ๆ นะ!”
“ดูที่คุณพูดสิ ผู้อำนวยการเฉียน! การมีหน้ามีตาเรากำหนดได้ด้วยตัวเองค่ะ ไม่ใช่หน้าที่คนอื่น!”
เสี่ยวเถียนเหยียดยิ้ม ตอกคำไม่พอใจกลับไปไม่คิดไว้หน้า
ถึงจะไม่ได้อยู่เมืองหลวงมานาน แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นก็ได้พบกับคนไม่น้อยเลย
เธอเชื่อว่าตราบใดที่ตนไม่อยากก้มหัวให้ใคร ก็ไม่มีใครสามารถบังคับเธอได้!
“เด็กรั้นแบบนี้ฉันชอบนัก!” ผู้อำนวยการเฉียนหัวเราะร่ากับคำพูดเมื่อครู่
พวกเด็กผู้หญิงที่เชื่อฟังมันไม่น่าสนใจเอาเสียเลย ต้องนิสัยแบบนี้แหละ
เขาต้องได้ตัวเธอมาให้ได้!
“ผู้อำนวยการเฉียน ท่านเองก็เป็นผู้ใหญ่ ทำไมต้องไปทะเลาะกับเธอด้วยล่ะ? พวกเรารีบกลับห้องส่วนตัวเถอะครับ เดี่ยวผมรินสุราให้เป็นการขอโทษนะ!”
หลี่ว์หรูหยารีบดึงอีกฝ่ายไว้หมายจะกลับเข้าไปในห้อง
เขาเสียใจเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นคงไม่พามาที่หออีหมิงหรอก
ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่เข้าหูเขาเลย จะทำยังไงดีล่ะทีนี้?
ผู้อำนวยการเฉียนไม่ใช่พวกที่พูดจาดีเด่ เขาสลัดแขนออกจากการเกาะกุม “รองผู้อำนวยการหลี่ว์ ที่ฉันเรียกคุณว่ารองผู้อำนวยการก็เพื่อไว้หน้านะ อย่าลืมสถานะตัวเอง!”
สีหน้าหลี่ว์หรูหยาบิดเบี้ยว
เขาเป็นถึงรองฯ ก็จริง แต่ในใจไอ้พวกผู้อำนวยการนั้นที่เติมคำว่า ‘รอง’ เข้าไปคำเดียว ก็กลายเป็นพวกต่ำต้อยเสียแล้ว!
อีกอย่างตนตั้งใจจะปกป้องเสี่ยวเถียนอยู่แล้ว แม้จะมีสีหน้าย่ำแย่แค่ไหนก็ยังฝืนยิ้มให้ “ผมเป็นรอง ท่านเป็นหัวหน้าและเป็นคนใจกว้าง อย่าถือสาเอาความกับเด็กเลยครับ!”
เขาเอ่ยด้วยความนอบน้อมเล็กน้อย
ทีแรกคิดว่าถ้าทำแบบนี้อีกฝ่ายจะยอมรามือ
แต่เหมือนจะอยากกลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอมากกว่าเดิมเสียอีก!
เสี่ยวเถียน “รองผู้อำนวยการหลี่ว์คะ เมื่อเราพบคนที่ควรค่าแก่การชื่นชมและเคารพจริง ๆ เราจะต่ำเพียงฝุ่นธุลีค่ะ แต่ถ้าเป็นไอ้ประเภทหนอนไส้เดือนเนี่ย อย่าปล่อยให้ตัวเองโดนพวกมันทำร้ายเลยนะ”
เธอจงใจมองผู้อำนวยการเฉียนเพื่อบอกให้เขารู้ว่า แกนั่นแหละที่เป็นหนอน
คนที่ไม่เคยเสียหน้ามีใบหน้าดำทะมึนทันที
หลี่ว์หรูหยาเองยังสัมผัสได้เลยว่ามันจะแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
เขารีบส่งสัญญาณให้เธอเดินออกไปที่อื่นซะ
เพราะกลัวว่าจะต้องทนทุกข์หากยังยืนอยู่ตรงนี้ต่อ
แต่ผู้อำนวยการเฉียนกลับโกรธขึ้นมาเสียแล้ว
แววตาแดงก่ำจ้องเขม็ง เอื้อมมืออ้วน ๆ ผิวมัน ๆ ไปคว้าตัวเด็กสาวไว้
นังเด็กนี่มันกล้าเหลือเกินนะ!
จับได้เมื่อไรจะทำให้รู้เลยว่า อ๋องหม่ามีสามตา*[1]!
[1] อ๋องหม่ามีสามตา หมายถึง อย่ามีเรื่องกับผู้อื่น เป็นเรื่องเล่าพื้นบ้านว่าสมัยหวงตี้ (เง็กเซียนฮ่องเต้ / จักรพรรดิเหลือง) ได้ส่งอ๋องหม่าหรือเทพม้า หมาป่า สุนัข และหนูออกไปสำรวจทั้งสี่ทิศ หลังจากนั้นทั้งสี่ก็กลับมารายงานเรื่องราวให้ฟัง มีเพียงเทพหมาป่า สุนัข และหนูที่รายงานแต่เรื่องดี ๆ ทว่าเทพม้ากลับรายงานทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี หวงตี้เกิดความสงสัยจึงส่งคนไปสืบก็พบว่า เทพทั้งสามรับสินบนมาจึงรายงานความเท็จ มีเพียงเทพม้าที่พูดความจริง หวงตี้จึงพึงพอใจเป็นอย่างมากและมอบดวงตาที่สามให้ ทำให้มีความสามารถมองทะลุเข้าไปถึงในจิตใจผู้คน หลังจากนั้นมาผู้คนก็เกรงกลัวเทพม้า ไม่กล้ามีเรื่องด้วย