เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 651 ต้องการความช่วยเหลือ
บทที่ 651 ต้องการความช่วยเหลือ
บทที่ 651 ต้องการความช่วยเหลือ
ต้าอู้จื่อเป็นพวกชอบใช้กำลัง
มักจะรังแกผู้ชายข่มเหงผู้หญิงอยู่เสมอ และกระทำเรื่องชั่ว ๆ อยู่ในมุมมืดของเมือง จึงทำให้หลายคนกลัวเขา ทว่าคนที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้คือครูอวี่ที่เก่งศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่คนอ่อนแอที่กำจัดได้โดยง่าย
ทางฝั่งครูอวี่กำลังรอซ้ำยามเปลี้ย คอยให้อีกฝ่ายเข้ามาหา
ฝีมือของเขาคล้ายกับมวยทหาร นั่นคือให้ความสำคัญกับความเด็ดขาดและเฉียบคม จัดการเพียงครั้งเดียวโดยไม่เคลื่อนไหวอย่างไม่จำเป็น
เพราะงั้นกว่าจะรู้ตัวในเสี้ยววินาที ก็ถูกครูอวี่เตะคว่ำเสียแล้ว
ต้าอู้จื่อไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจนกระทั่งความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง เขาตั้งใจเป็นฝ่ายลงมือใส่คนอื่นนะ ทำไมตัวเองถึงล้มเองเสียล่ะ?
จากนั้นก็มองอีกฝ่ายด้วยความว่างเปล่า และคิดว่าคงรับมือไม่ง่ายเสียแล้ว
พอมองไปที่พวกน้ำแกงและอาหารบนพื้นก็คิดว่าตนเองไม่ระวังเอง
เขาพลิกตัวกลับแล้วตะโกนลั่น “มา เข้ามาเลย รอบนี้ไม่นับ”
อย่างไรเสียเขาก็เป็นพวกนักเลงที่แอบอยู่ในมุมมืดมาตั้งนานนม ทุกข์ทนมาไม่น้อยหรอกนะ
ถึงการโดนเตะจนล้มลงไปจะเจ็บ แต่ใช่ว่าจะทนไม่ได้เสียหน่อย
ฝั่งคุณปู่ซูเห็นภาพนั้นก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา
แต่บรรยากาศตอนนี้มันทำไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทน
ครูอวี่ยังเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
หน้าตาน่าเกลียดไม่พอ ยังโง่อีกด้วย
“ได้ งั้นอย่าพูดพร่ำทำเพลงอีกเลย ต่อให้มาอีกหลายรอบก็ไม่มีปัญหาหรอกนะ” ครูอวี่ภาคภูมิใจมาก
ไอ้พวกคนที่ตอนแรกกลัวว่ามันจะเก่ง สุดท้ายกลับไม่มีความสามารถอะไรเลย
คนรอบข้างที่เห็นว่าชายหนุ่มไร้อำนาจก็เป็นเพียงแผ่นเหล็กชิ้นเดียวเท่านั้น
ไม่แปลกใจที่โดนจัดการในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
คราวนี้ล่ะ มันจะได้รู้เสียทีว่าตัวเองโดนจัดการ!
ในเมื่อต้าอู้จื่อสู้ฝีมือไม่ได้ คนในกลุ่มที่เหลือจึงมองหน้ากัน
ตัวหัวหน้ากุมมือ “สหาย เรื่องนี้เป็นความคับข้องใจส่วนตัว อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่านะ!”
“ความคับข้องใจส่วนตัว?” ครูอวี่แทบไม่อยากเชื่อ
เขาไม่ได้รู้จักคนบ้านนี้แค่วันสองวัน จึงรู้ว่าครอบครัวนี้เป็นคนแบบไหน
แล้วพวกเขาจะไปมีความบาดหมางกับคนแบบนี้ได้ยังไง?
ดูไม่เหมือนเลยนะ ส่วนพวกเด็ก ๆ กัดฟันอดทนกันได้อยู่แล้ว ไม่น่ากล้าสร้างปัญหาหรอก
“ฉันไม่รู้จักพวกแกสักนิด แล้วจะไปมีความคับข้องใจส่วนตัวได้ยังไง?”
คุณปู่ซูโกรธจนเครากระตุก
เพราะเอาชนะไม่ได้ก็เลยยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดหรือ มันยังมีไอ้พวกไร้ยางอายอยู่ได้ยังไง?
“พวกแกทำให้คนที่ไม่สมควรทำให้ขุ่นเคืองโมโหก็เลยมาเตือนไงล่ะ หลังจากพังร้านพวกแกก็ฝากมาบอกว่าให้ส่งเด็กสาวคนนั้นไปดี ๆ ซะ แล้วเรื่องที่ผ่านมาจะปล่อยผ่านไป!”
อะไรนะ?
ทุกคนตื่นตะลึง
นี่มันยุคไหนแล้ว ยังมีคนหน้าด้านขนาดนี้อยู่อีกหรือ?
กฎหมายบ้านเมืองมันไร้ค่าในสายตาไปแล้ว?
ถึงคนอื่นจะไม่รู้ว่าคนที่ไอ้พวกนักเลงเอ่ยถึงคือใคร แต่คนบ้านซูรู้ได้
คุณปู่ซูร้องเหอะ “บนโลกใบนี้ยังมีคนหน้าหนาไร้ใครเทียบเคียงอีกเรอะ! ทำอะไรไว้แล้วยังพูดจามีชอบธรรมอีก!”
เสี่ยวเถียนเดินเข้ามาในร้านพอดีจึงได้ยินประโยคนั้นพร้อมกับเห็นความเละเทะของร้าน เธอรีบเข้าไปหาทันที
ใครมันทำแบบนี้? ใครส่งไอ้อันธพาลพวกนี้มา?
“คุณปู่ เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“ก็ผู้อำนวยการโรงงานเฉียนก่อนหน้านี้แหละ ส่งคนมาพังร้านเรา แถมยังให้…”
ประโยคต่ำช้าพวกนั้น คุณปู่ซูพูดไม่ออก
คนอื่นมันไร้ยางอาย แต่เขายังมียางอายอยู่นะ
ถึงชายชราจะไม่พูดอะไร แต่เสี่ยวเถียนคาดเดาได้
ไม่คิดเลยว่าผู้อำนวยการเฉียนจะกล้าทำกระโตกกระตากเช่นนี้
เพราะงั้น อย่าหาว่าเธอไม่เกรงใจเลยนะ
“แล้วครูอวี่มาได้ยังไงคะ?” เสี่ยวเถียนประหลาดใจที่เจอครูในโรงเรียนเผชิญหน้ากับไอ้พวกอันธพาล
“ครูกับพี่มาบังเอิญเจอตอนกินข้าวน่ะ ส่วนพี่ไปแจ้งตำรวจแล้ว!”
ครูอวี่พูดออกมาตรง ๆ โดยไม่เกรงใจ จากนั้นก็ยกยิ้มสบายใจให้
เขาคนเดียวอาจจะพอจัดการเจ้าพวกนี้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะปกป้องคนอื่น ๆ ได้
แล้วตอนนี้เสี่ยวเถียนก็อยู่ตรงนี้แล้ว เขาจะได้รามือสักที!
เขามองคนอื่น ๆ อย่างถี่ถ้วน กำลังพิจารณาอยู่ว่าตนจะจัดการได้หรือไม่
“ฮ่า ๆ แจ้งตำรวจ? พวกแกไม่ดูหน่อยเล่าว่าพวกฉันเป็นใคร ผู้อำนวยการเฉียนคือใคร คิดว่าไอ้ตำรวจในสถานีจะกล้าจัดการเรื่องนี้หรือ!” พวกอันธพาลหัวเราะลั่น
มีแค่ต้าอู้จื่อที่ยิ้มไม่ออก
เพราะตอนที่ล้ม เศษกระเบื้องได้แทงเข้าที่ต้นขา เจ็บจนหอบหายใจ
สีหน้าเสี่ยวเถียนเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
เหมือนฝ่ายนั้นจะเตรียมพร้อมมาอย่างดี อาจจะเตี๊ยมกับพวกตำรวจแล้วก็ได้
เรื่องวันนี้เหมือนไม่ใช่สิ่งที่เธอจะจัดการได้
จากนั้นเธอก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์
เจ้าพวกนั้นเห็นก็หมายจะห้ามปราม
จากนั้นครูอวี่รุดเข้ามาสะกัดไว้
เสี่ยวเถียนจะมีศิลปะป้องกันตัว ความสามารถไม่ได้ด้อยด้วย ข้อนี้เขารู้ดี
แต่เมื่อต้องเผชิญกับคนจำนวนมาก ครูอวี่ก็กลัวว่าเธอจะเสียเปรียบ
ทว่าก่อนจะวิ่งเข้าไปถึง เสี่ยวเถียนก็จัดการทีละคนแล้ว
ตอนนั้นเธอยังคิดจะโทรหาตำรวจอยู่ดี
พวกคุณปู่คุณย่าซูโล่งใจมาก
เพราะเธอเป็นคนที่เก่งที่สุดในบ้าน
ถ้ามีหลานสาว คนอื่นจะรังแกพวกเราไม่ได้
“พวกแกจะแจ้งตำรวจ? ฉันจะบอกอะไรให้ ไม่มีใครมาจัดการให้พวกแกหรอกนะ นังหนู ถ้าแกอยากแก้ปัญหาก็ไปหาผู้อำนวยการเฉียนซะ ไปขอขมาดี ๆ อยู่กับเขา ถ้าทำให้มีความสุขได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว!”
แม้จะโดนเตะหัวทิ่ม แต่ยังไม่วายเอ่ยปาก
เสี่ยวเถียนคิดว่าพวกมันพูดอวดเบ่งไปเช่นนั้นจึงไม่ใส่ใจ
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอีกครั้ง แม้จะไม่ค่อยได้โทรหา แต่เธอจำได้ขึ้นใจ