เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 661 เจ้าคนนี้เก็บเงียบเชียวนะ
บทที่ 661 เจ้าคนนี้เก็บเงียบเชียวนะ
บทที่ 661 เจ้าคนนี้เก็บเงียบเชียวนะ
ทุกคนหัวเราะกับคำพูดของมู่มู่
“หลินหลิน นี่คือสิ่งที่พี่ชายเธอต้องการนะ รับไว้เถอะ ไว้พี่เขาแต่งงานก็ค่อยช่วยก็ได้นะ” เถาฮวาแนะนำ
สองพี่น้องต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอดอยู่แล้ว บางทีงานแต่งมู่มู่อาจต้องพึ่งพาน้องสาวก็ได้นะ
หลังจากหลินหลินขบคิดและไม่คิดปฏิเสธก็รับมาแล้วเก็บใส่กระเป๋า เธอจะเก็บเงินไว้ก่อน แล้วรอเอามาใช้ตอนงานแต่งพี่
เมื่อเห็นความปรองดองกันแบบนี้ เถาฮวาอดตื้นตันใจไม่ได้
“เป็นบ้านอื่นคงเถียงกันเพื่อแย่งสินสอดไม่หวาดไม่ไหวแน่ แต่ดูครอบครัวเราสิ น่ายินดีทั้งนั้นเลย”
ลูกคนโตของเธอโตแล้วก็จริง แต่เขาอยู่ในกองทัพหาภรรยายาก ตอนนี้ยังไม่มีเตรียมการเรื่องแต่งงานเลย ไม่รู้ว่าอีกสองปีจะได้เจอคู่ครองดี ๆ หรือเปล่า ได้แต่หวังว่าเขาจะโชคดีหาภรรยาที่ดีได้ และมีพ่อแม่ภรรยาที่เอาใจนะ
เธอเหลือบมองเสี่ยวเหมยที่กำลังเล่นกับพวกเสี่ยวเถียนที่โต๊ะ ก่อนจะเห็นอาจารย์ฮั่วมองลูกสาวตนเองด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
ตอนแรกเธอยังห่วงคนคนนี้อยู่เลย
เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เรียนเมืองนอกเมืองนา แถมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย โดดเด่นไปเสียทุกเรื่อง และสิ่งที่เป็นห่วงมาที่สุดคือกลัวว่าเขาจะชอบลูกสาวตัวเองแค่ชั่วครู่มากกว่า
ทว่าผ่านมาตั้งนาน อาจารย์ฮั่วยังปฏิบัติต่อเสี่ยวเหมยดีขึ้นทุกวัน และมันทำให้เถาฮวาที่เป็นว่าที่แม่ยายในอนาคตสบายใจขึ้นมาก
เสี่ยวเหมยเป็นเด็กโชคดี
อาจารย์ฮั่วเองก็เป็นคนดี จึงสบายใจหากพวกเขาได้แต่งงานกันในอนาคต
ส่วนฝ่ายชายตอนนี้กำลังเครียดมากกว่า!
ไล่จีบมาตั้งสองปี แถมยังชอบผู้หญิงที่แสนเด็ดเดี่ยวคนนี้มากกว่าเดิมเสียอีก เดิมทีคิดว่าหลังเรียนจบเราจะได้คบกันและแต่งงานเสียอีก แต่ตอนนี้เธอเรียนจบแล้วนะ อาจารย์เสิ่นยังไม่ยอมปล่อยให้ลูกแต่งงานเลย
ส่วนเหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เพราะพี่ชายยังไม่แต่ง น้องสาวอย่างเสี่ยวเหมยเลยต้องรอไปก่อน ทั้งยังบอกอีกว่าลูกสาวอายุยังน้อย เลยคอยดูแลมาตลอดสองปี
ข้ออ้างนี้ทำเอาเขาร้องไห้ไม่ออกบอกไม่ถูก
พี่ชายเสี่ยวเหมยอยู่กองทัพ ไม่รู้จะหาภรรยาได้เมื่อไร จะผัดไปเรื่อย ๆ เพราะพี่ภรรยายังไม่แต่งงานไม่ได้หรือเปล่า?
เสี่ยวเหมยยังเด็ก แต่เขาไม่เด็กแล้วนะ!
โชคดีที่ไม่มีคนในครอบครัวอยู่ในเมือง ไม่งั้นคงถูกรบเร้าให้แต่งงานไปนานแล้ว
“เถาฮวา ฉันว่าอาจารย์ฮั่วดีกับเสี่ยวเหมยมากนะ แล้วทำไมยังไม่พูดเรื่องแต่งงานอีกล่ะ?”
ฉีเหลียงอิงเห็นภาพนั้นเหมือนกันจึงเอ่ยถาม
“สะใภ้รอง เธอไม่มีลูกสาวน่ะซิ แล้วจะรู้ความคิดเราได้ยังไงล่ะ?” อีกฝ่ายตอบ
“มีเรื่องอะไรหรือ?” เธอสงสัย
เพราะไม่มีลูกสาวไงล่ะ และถ้ามีก็หวังให้แต่งงานกับผู้ชายดี ๆ อย่างอาจารย์ฮั่วเหมือนกัน
“ภูมิหลังบ้านอาจารย์ดีขนาดนี้ แล้วคนแบบนี้จะมาชอบลูกสาวของเราหรือ?”
เถาฮวาเข้าใจความคิดสามีนะ แต่ก็กลัวว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้วลูกสาวจะเกิดความอึดอัดใจ เราติดต่อกันมาตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าครอบครับกันเลย ถ้าเกิดพ่อแม่อาจารย์ฮั่วเป็นแบบแม่ฉืออี้หย่วนจะทำยังไง?
อาจารย์ฮั่วผู้น่าสงสารจะเข้าใจสาเหตุนี้ได้ยังไง?
แต่ทุกครั้งเวลาที่พ่อแม่บอกว่าอยากกลับจีนมาเยี่ยมว่าที่สะใภ้ เขาก็เอาแต่เลี่ยงและปฏิเสธอยู่ตลอด
เขาคิดว่าตัวเองยังจัดการไม่เรียบร้อยดี และการให้พ่อแม่มาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี
ถ้าหากรู้ว่าสาเหตุที่พ่อตาไม่ยอมให้แต่งเพียงเพราะยังไม่ได้เจอพ่อแม่เขา ป่านนี้โทรเรียกให้ท่านบินมาหาแล้ว
สองหนุ่มสาวหมั้นหมาย แม้งานแต่งจะเรียบง่ายแต่ก็มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ คืนนี้โส่วเวินจะนอนที่บ้านตัวเอง ส่วนหลินหลินนอนบ้านอีกหลัง
ตามที่มู่มู่ตั้งใจคือสองพี่น้องควรพักอยู่โรงแรม แต่เสี่ยวเถียนไม่เห็นด้วย ทั้งยังบอกอีกว่า หลินหลินเป็นเหมือนพี่สาวแท้ ๆ ของเธอเองใช้ชีวิตในบ้านซูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
มู่มู่เพิ่งรู้ว่าบ้านที่ตระกูลซูอยู่กัน เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเสี่ยวเถียน
“เสี่ยวเถียนก็มีบ้านใหญ่ขนาดนี้ ทำไมพวกเราพี่ชายถึงไม่มีความตั้งใจจะหาเงินเลยนะ?” เขาตื้นตันใจมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น ตระกูลซูช่วยกันจัดงาน
เพื่องานแต่งของโส่วเวิน หออีหมิงจึงปิดทำการเป็นเวลาสองวัน
ในวันแต่งงาน บ้านเราไม่มีญาติอื่นในเมืองหลวง จึงเตรียมโต๊ะสำหรับงานแค่หกตัวเท่านั้น นอกจากสองปู่หลานบ้านฉือแล้ว ยังมีคู่ตระกูลตู้ คู่ตระกูลถาน คู่ตระกูลต่ง และสมาชิกทั้งห้าจากบ้านเถาฮวาที่เป็นญาติของเรา
ครอบครัวพวกเราใช้โต๊ะสี่ตัว ส่วนอีกสองตัวที่เหลือเป็นอาจารย์และเพื่อนที่โส่วเวินสนิทด้วย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาเพิ่มอีก นอกจากผู้อำนวยการโรงงานผ้าไหมแล้ว ยังมีผู้อำนวยการหลี่ ครูอวี่ รัฐมนตรีฉาง และรัฐมนตรีอู๋เข้าร่วมด้วย
โต๊ะหกตัวในตอนนี้ไม่พอเสียแล้ว
แต่โชคดีที่เรามีวัตถุดิบเยอะ และคนบ้านซูได้ช่วยกันเตรียมงานเลี้ยงอย่างว่องไว
ถึงงานจะจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและคนไม่เยอะ แต่พวกอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นของโส่วเวินตกใจมากกว่าที่บุคคลสำคัญมาร่วมงานแบบนี้ พวกเขาสนิทกับโส่วเวินมาหลายปี รู้แค่ว่าเขามาจากตะวันตกเฉียงเหนือและเป็นครอบครัวชาวนา แต่ไม่รู้เลยว่าครอบครัวเขามีเส้นสายในเมืองด้วย
“เจ้าโส่วเวินเก็บเงียบเชียวนะ” จินฮุยซางอาจารย์ของโส่วเวินยิ้มจาง ๆ “ถ้าฉันไม่ได้มางานแต่งวันนี้ก็คงไม่รู้หรอกนะ”
เขาคิดอยู่แล้วว่าเด็กคนนี้เก่งทีเดียว น่าจะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี ทั้งยังไม่คิดอีกว่าในงานแต่งครั้งนี้จะมีคนใหญ่คนโตเข้าร่วมด้วย ทั้งยังสนิทเป็นอย่างดี
“อาจารย์ครับ ไว้กลับไปค่อยจัดการเจ้านั่นกัน!” ชายหนุ่มในกลุ่มเอ่ยติดตลก
ทุกคนเห็นชอบเป็นเอกฉันท์
โส่วเวินที่กำลังดื่มอวยพรเสียวสันหลังวาบแปลก ๆ อากาศหน้านี้ยังหนาวได้อยู่หรือ?
“เจ้าเด็กพวกนี้ อย่าสร้างปัญหาดีกว่า วันนี้วันดีของโส่วเวินเลิกแกล้งเขากันเถอะ!” อาจารย์จินรีบบอก
“ไม่ต้องห่วงครับอาจารย์ เราไม่ทำให้งานเสียหรอก เดี๋ยวรอไปแกล้งหยอกตอนเข้าห้องหอแล้วกัน”
อาจารย์จินจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าพวกเด็ก ๆ ตัดสินใจแล้ว
ช่างเถอะ เขาแก่แล้ว เรื่องนี้ปล่อยให้เด็ก ๆ จัดการแล้วกัน