เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 664 ครูใหญ่ที่มาช้า
บทที่ 664 ครูใหญ่ที่มาช้า
บทที่ 664 ครูใหญ่ที่มาช้า
ผู้อำนวยการหลี่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวสัมผัสได้ถึงความสุขของครอบครัวนี้ เขายังคิดอยู่เลยว่าเสี่ยวเถียนเป็นลูกแท้ ๆ ของตระกูลนี้ ส่วนลูกชายคือลูกที่เก็บมาเลี้ยง
ไม่อย่างนั้นคงมีคนถามตั้งนานแล้วล่ะ ว่าคะแนนสอบของเสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วเป็นอย่างไรบ้าง
เขามองไปยังเหล่าซานและเหล่าเอ้อร์
ผู้ชายสองคนนี้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเด็กสองคนนั้นใช่ไหม? ทำไมไม่ถามถึงลูกตัวเองบ้างล่ะ ถ้าเป็นครอบครัวอื่นที่มีลูกเรียนเก่งขนาดนี้ คงดีใจตายแล้ว แต่เหล่าซานเอาแต่มีความสุขกับลูกสาว ไหนเลยจะนึกถึงลูกชาย
ส่วนเหล่าเอ้อร์กำลังมีความสุขเหมือนคนบ้า ไม่รู้ดีใจเรื่องอะไร
เขากระแอมไอ
ตอนนั้นเองที่เฉินจื่ออันนึกคำถามขึ้นได้
“ผู้อำนวยการหลี่ครับ คะแนนสอบของเด็ก ๆ อีกสองคนเป็นยังไงบ้างครับ?”
ผู้อำนวยการถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดคนบ้านนี้ก็มีคนปกติอยู่นะ ดีจริง ๆ
“เด็กสองคนนี้เก่งมากเลย ถึงคะแนนจะแย่กว่าเสี่ยวเถียนหน่อยนึง แต่ดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ มากเลยครับ”
ผู้อำนวยการหลี่ช่วยพูดให้
เพราะรู้สึกว่าพวกเขาน่าสงสารมากที่ไม่ได้อยู่ในสายตาคนที่บ้านเลย
“อ๋อ!”
คนบ้านซูตอบสนองช้า เหมือนว่าจะสอบด้วยกัน เรียนห้องเดียวกันด้วยใช่ไหมนะ
“ผู้อำนวยการหลี่ บอกฉันหน่อยสิว่าคะแนนเจ้าพวกนั้นมันเท่าไร?” คุณปู่ซูเอ่ยถามอย่างอึดอัดใจ
ทำไมถึงลืมหลานชายที่คอยสนับสนุนไปแล้วล่ะ?
“คนหนึ่งสอบได้อันดับ 6 อีกคนได้อันดับ 9 ของเมืองหลวงทั้งคู่ครับ!”ถึงจะไม่เท่าตอนพูดของเสี่ยวเถียน แต่ก็ยังตื่นเต้นมากอยู่ดี
สิ้นประโยค สีหน้าคนบ้านซูแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
รอยยิ้มผู้อำนวยการเองยังเปลี่ยนตามไปด้วย
เขานึกสงสัย คะแนนมันมีปัญหาหรือ?
จากนั้นก็ได้ยินคำตอบที่อยากรู้
“ไม่ได้ดีขนาดนั้นหนิ!” เหล่าเอ้อร์เป็นคนตอบ
“…” ผู้อำนวยการหลี่
แบบนี้ยังว่าไม่ดีอีกหรือ? ถ้าเป็นลูกบ้านอื่นทำความสำเร็จได้ขนาดนี้ ไม่ดีใจแทบเสียสติแล้วหรือ? หรือเพราะมีเสี่ยวเถียนที่โดดเด่นกว่า คนอื่นเลยไม่ดีเท่า?
“ก็ค่อนข้างแย่!” คุณปู่ซูพยักหน้าอย่างจริงจัง
การที่ชายชราพยักหน้าอย่างเฉยเมย ทำคนอื่น ๆ มองด้วยความงุนงง
ฉือเก๋อ ตู้ถงเหอและคนอื่น ๆ พูดไม่ออก ผลลัพธ์ดีมากเลยนะ เพราะยังไงบนโลกใบนี้ก็มีแค่เสี่ยวเถียนคนเดียว และได้อันดับหนึ่งแค่คนเดียวเท่านั้น!
“ฉันจำได้ว่าพวกโส่วเวินสอบได้อันดับดีกว่าเจ้าพวกเหลือขอสองคนนี้อีก แถมคนอื่น ๆ ก็ดีกว่านี้ทั้งนั้น!” ชายชราเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“…” ผู้อำนวยการหลี่
ไม่ได้อวดอยู่ใช่ไหม?
เด็ก ๆ บ้านนี้โดดเด่นกันมาก การได้อันดับ 6 และ 9 ของเมืองหลวงนี่คือแย่ที่สุดแล้วใช่ไหม?
ผู้อำนวยการมองลอดผ่านประตูออกไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นใบหน้าไร้ชีวิตชีวาของเด็กทั้งสอง
ทำไมถึงไม่ใช่ลูกหลานตระกูลหลี่ของเรานะ?
“อันที่จริงผลลัพธ์มันไม่ได้แย่นะ พวกเขายังเด็กอยู่เลย” ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกสงสารมากกว่าเดิม
เพิ่งอายุไม่เท่าไรกลับต้องแบกรับความกดดันเช่นนี้ ไม่แปลกใจหากเสี่ยวปาจะมีท่าทางซึมเศร้าสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการเติบโตของเด็ก ๆ เลย
หลังจากฟังคำอธิบาย ทุกคนเหมือนเพิ่งตระหนักได้ว่าเด็กชายทั้งสองอายุน้อยกว่าพี่ ๆ เมื่อตอนสอบเสียอีก เป็นเรื่องดีมาก ๆ ที่สามารถประสบผลสำเร็จได้นะ
“คุณลุงซู เสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วอยู่อันดับสองและสามของโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 เลยนะ โรงเรียนได้สิบอันดับแรกตั้งห้าคนเลยนะครับ เป็นแบบอย่างที่ดีเลยด้วย”
ในเมืองหลวงมีโรงเรียนมัธยมมากกว่า 20 แห่ง และโรงเรียนของเราก็ครอบครองสิบอันดับแรกไปแล้วห้าคน พอให้โรงเรียนอื่นอิจฉาตาร้อนแล้ว
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมครูใหญ่กู้ถึงมีความสุขขนาดนั้นยังไงเล่า
พอนึกถึงครูใหญ่ เขาก็ได้แต่สงสัยว่าคนที่ซ้อนท้ายมาหายไปตั้งแต่เมื่อไรกันแน่?
“ผู้อำนวยการหลี่!”
ตอนนั้นเองที่ได้ยินน้ำเสียงโกรธจัดของครูใหญ่กู้ดังมาจากประตูร้าน
หากตั้งใจฟังดี ๆ จะมีแต่เสียงหอบหายใจ
“ครูใหญ่มาได้ยังไงกันครับ?” เสี่ยวปาเสี่ยวจิ่วที่อยู่ใกล้สุดรีบไปหาเขา
ผู้อำนวยการหลี่บอกเขาซ้อนท้ายมานี่นา ทำไมดูไม่เหมือนเลยล่ะ!
“ฉันมาแล้ว!” อีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยล้า
โต๊ะที่นั่งเดิมทีมีลูกค้าอยู่แล้ว พอเห็นคนมาใหม่นั่งพวกเขาก็ได้แต่ตกใจ
เราไม่ได้เชิญแขกคนอื่นมาเสียหน่อย ทำไมจู่ ๆ คนที่ไม่ได้เชิญก็มานั่งเนี่ย?
“คุณ…” ลูกค้าโต๊ะนั้นกำลังจะขอให้ครูใหญ่ลุก
เสี่ยวปารีบก้าวออกไป “ลูกค้าทุกท่านขอโทษด้วยนะครับ เขาเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนเราครับ ตอนนี้เหนื่อยมากเลยอยากพักสักหน่อย ยกโทษให้ด้วยนะครับ”
เสี่ยวปาเทน้ำเปลือกแอปริคอทให้
เหล่าคนที่นั่งกินข้าวมองครูใหญ่ หมดแรงจริง ๆ นั่นล่ะ
“ทำไมเหนื่อยขนาดนี้เลยล่ะ? โจรไล่หลังมาหรือไง?” หนึ่งในนั้นพึมพำ
แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ หรือต้องบอกว่าไม่มีแรงพูดมากกว่า
หลังจากหอบหนักและดื่มน้ำเย็น ๆ เข้าไป ในที่สุดก็กลับมามีพลังอีกครั้ง
จากนั้นยื่นแก้วเปล่าให้เสี่ยวจิ่ว
เด็กชายรีบเติมให้
“ขอโทษทุกท่านด้วยนะ วันนี้ผมมาแจ้งข่าวดีกับเด็ก ๆ นะ วิ่งมาตลอดทางเลย!”
ครูใหญ่เอ่ยขอโทษแล้วยิ้มจนตาปิด
พวกลูกค้าสนใจกับประโยคที่ว่า
พวกลูกค้าขาประจำได้ยินว่าสองวันนี้หออีหมิงมีงานแต่งงาน
แต่งานแต่งไม่จำเป็นต้องแจ้งข่าวดีอีกนี่นา!
“ข่าวดีอะไรหรือ?” มีคนสงสัย
“ผมเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 น่ะ นักเรียนสองคนนี้เป็นเด็กของโรงเรียนเรา และได้เข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ด้วย”
ถึงตอนนี้จะหายเหนื่อยแล้ว แต่พอต้องพูดรวดเร็วก็ยังหายใจไม่ค่อยทันจนต้องพักอยู่ดี!
ทุกคนจ้องมองไปที่เด็กทั้งสอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นไปไม่ได้!
“ครูใหญ่พูดผิดหรือเปล่าเนี่ย? พวกเขาเพิ่งจะอายุเท่านี้เอง จะสอบได้ยังไงน่ะ?”
หนึ่งในนั้นสงสัย