เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 673 ชีวิตประจำวันอันธรรมดา
บทที่ 673 ชีวิตประจำวันอันธรรมดา
บทที่ 673 ชีวิตประจำวันอันธรรมดา
เรื่องหลี่หลินหลินแสดงฝีมือทำอาหาร กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
ข่าวเรื่องแต่งงานก็เช่นกัน…
คนอื่นไม่ได้อะไรเท่าเถียนเสี่ยวเหอที่รู้ข่าวแล้วก็โกรธจัด เธอถึงกับกระแทกตะเกียบแล้วสาปแช่ง
“เป็นอะไรไป? อยู่ดี ๆ ไปโมโหใครมา?” ซูผิงอันลูกชายคนรองของซูฉางจิ่วมองภรรยาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย
“ฉันจะไปโมโหใครได้? ก็ไม่ใช่คนในบ้านซูชวนหรือไง? หาเงินสกปรก ๆ มาแล้วก็เอากลับบ้านมาโอ้อวดเนี่ย?”
ยิ่งเถียนเสี่ยวเหอคิดเท่าไรก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น จนแทบจะกระเดือกอาหารตรงหน้าไม่ลง หญิงสาวโยนตะเกียบทิ้งแล้วสบถใส่ลูกชายทั้งสองที่กำลังกินข้าวอยู่หลายประโยค
เด็ก ๆ ที่โดนว่าอย่างไม่มีเหตุผลน้ำตาไหลราวกับก๊อกแตก ซูผิงอันมองคนตัวเล็กก่อนทอดถอนใจ เขาวางถ้วยตะเกียบลงแล้วออกไป
“คุณจะไปไหนน่ะ!?” เถียนเสี่ยวเหอรีบตะโกน
“ถามว่าจะไปไหนหรือ? ออกไปหาที่สงบ ๆ ไงเล่า” อีกฝ่ายตอบอย่างมีน้ำโห
ฝ่ายภรรยาอารมณ์ไม่ดียิ่งกว่าเก่า
“ซูผิงอัน พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“จะไปหมายความอะไรได้? ดูครอบครัวเราตอนนี้สิ โดนคุณทำอะไรไว้ล่ะ? เอาแต่ร้องโหวกเหวกโวยวายทั้งวัน ผมจะทนไหวได้ยังไง?”
เถียนเสี่ยวเหอหันขวับ
“ซูผิงอัน พูดจาแบบนี้ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบ้างไหม? ฉันแต่งงานกับคุณมา ดูแลทั้งหัวหงอกหัวดำ แล้วยังจะให้ฉันเป็นฝ่ายขอโทษอีกหรือ?”
“ดูแลหัวหงอกหัวดำ? แล้วเธอรู้สึกผิดบ้างไหมที่พูดแบบนี้น่ะ?” ซูผิงอันทนไม่ไหว
ปกติเขาเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ไม่เคยมีปากเสียงกับภรรยามาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะนิสัยแย่ลงทุกวัน นับตั้งแต่รับช่วงต่อฟาร์มมา ครอบครัวเราไม่มีความสงบสุขสักนิด
หรือมันไม่ได้เพิ่งมาเป็นตอนนั้น แต่เป็นมาตั้งนานแล้ว
ตอนนี้เพราะรับนิสัยนี้ไม่ไหว เลยนำบ้านเราไปสู่ความยุ่งเหยิง!
เถียนเสี่ยวเหอกระทำผิดจริง ๆ
หลังจากแต่งงาน เธอได้แม่สามีดูแลเรื่องนอกบ้านให้เลยไม่มีอะไรให้ต้องห่วง อีกทั้งท่านยังใจดีและเก่งมาก เลยทำให้ใช้ชีวิตได้สุขสบายมาตั้งนาน แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
ชีวิตย่ำแย่ลงตั้งแต่แยกครอบครัวกันไม่ใช่หรือไง?
แต่เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าเพราะได้แยกกันต่างหาก ชีวิตเลยกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
“ดีเหลือเกินซูผิงอันคนไร้มโนธรรม พูดมาเลยเถอะว่าไปชอบนังจิ้งจอกบ้านไหนมา? ไม่ชอบฉันแล้วสินะ? ซูผิงอัน ไอ้คนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี…” เถียนเสี่ยวเหอตะโกนลั่น ก่อนพุ่งใส่สามีแล้วจิกข่วนร่างกายเขา
ซูผิงอันทนมานานแล้ว หลังจากโดนเช่นนั้นก็ทนไม่ไหวและเหวี่ยงเธอออกจนล้มลงไป
ลูกชายที่กำลังร้องไห้หยุดทันทีที่เห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน และมองภาพนั้นด้วยสายตาโง่เขลา
เถียนเสี่ยวเหอนอนอยู่บนพื้น หวีดร้องเสียงดังลั่นพร้อมทั้งด่าคนบ้านซูไปด้วย
ซูฉางจิ่ว ภรรยาและเสี่ยวเฉ่าที่กินข้าวอยู่ในบ้านหลักได้ยินเสียงโหวกเวกโวยวายมาจากบ้านข้าง ๆ
ไม่รู้วันนี้จะจบเมื่อไร!
เพราะสะใภ้รองไปทำสัญญารับช่วงต่อฟาร์มมา แถมยังทำหมูกับไก่ตายอีกเป็นเบือ ชีวิตในบ้านจึงกลายเป็นแบบนี้แหละ
“พ่อ แม่ เราไปดูดีไหม?” เสี่ยวเฉ่าเอ่ยเสียเบา
ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน หญิงสาวพบว่าชีวิตครอบครัวลำบากลงเยอะ
“ไม่ต้องไปหรอก” คนเป็นพ่อถอนหายใจ “ชีวิตจะเป็นยังไง อย่าโทษคนอื่นเลย!”
เถียนเสี่ยวเหอมีความกระตือรือร้นก็จริง แต่เธอไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น และมักจะพึ่งพาคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสุขสบาย ทั้งยังไม่อยากทำงานหนักด้วย
พอตอนนี้ชีวิตลำบากก็เอาแต่โวยวายทั้งวัน
ภรรยาฉางจิ่วทนกินข้าวต่อไม่ไหวจนต้องวางตะเกียบ และเอ่ยด้วยความขมขื่น
“ตอนคู่เซียงฮวาทำฟาร์ม พวกเขาใช้แรงใจขนาดไหนน่ะ? พวกเขาแทบจะใช้ชีวิตกินนอนในฟาร์มด้วยซ้ำ”
“ตอนนั้นฟาร์มหมูฟาร์มไก่สะอาดมาก โรยปูนขาวตลอดเพื่อคอยฆ่าเชื้อ”
“แต่ดูตอนนี้สิ มันสกปรกมาก ได้กลิ่นเหม็นโชยมาแต่ไกลเลย”
จากนั้นก็ถอนหายใจ เพราะพวกเขาเห็นสิ่งเหล่านั้นชัด ๆ เต็มตา ถึงจะบอกสะใภ้ไปแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ฟังเลย จึงทำได้เพียงเพิกเฉยเท่านั้น
เสี่ยวเฉ่าเคยเรียนหนังสือมา เลยรู้ว่าสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของหมูต้องสะอาด แต่หลังจากบอกแบบนั้นไป ก็ดันไปสร้างความไม่พอใจให้พี่สะใภ้เข้า ทั้งยังโดนอีกฝ่ายพูดใส่อีกว่า ตัวเธอโตจนป่านนี้แล้วไม่รู้จักช่วยพี่ชายพี่สะใภ้ทำงานบ้างเลย
“เสี่ยวเฉ่าเอ้ย ต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียนเมื่อไรหรือ” ฉางจิ่วถามลูกสาว
ลูกอุตส่าห์กลับมาทั้งที เขาทนเห็นลูกคับข้องใจไม่ได้
แต่ในฐานะพ่อสามี ก็จะทะเลาะกับลูกสะใภ้ไม่ได้เหมือนกัน
“ฉันจะกลับเข้ามณฑลหลังงานแต่งพี่โส่วเวินค่ะ” เสี่ยวเฉ่า
ทีแรกตั้งใจว่าจะอยู่ต่ออีกสองสามวัน แต่ตอนนี้คิดว่ากลับเลยก็น่าจะดีกว่า กลับไปก่อนก็ช่วยอารองกับอาสะใภ้รองได้
“กลับไปก่อนก็ดี เสี่ยวเฉ่า หาคู่ครองให้ไวขึ้นหน่อยแล้วก็ตั้งหลักแหล่งในเมืองซะ พ่อแม่จะได้ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ”
ชีวิตธรรมดาก็แบบนี้ล่ะ ภรรยาฉางจิ่วเองก็รักลูกสาวมาก
“แม่ ฉันไม่เป็นไรจ้ะ การจะหาคู่ชีวิตมันขึ้นอยู่กับโชคชะตานะ” เสี่ยวเฉ่าหน้าแดง
“หลังงานแต่งเสร็จ พ่อว่าบ้านอารองคงกลับไปด้วย ถึงเวลาแล้วกลับไปด้วยกันเลยนะ จะได้สบายใจ!”
“เข้าใจแล้วค่ะ!” เสี่ยวเฉ่าเอ่ยอย่างเชื่อฟัง “ตอนพวกท่านอยู่ที่นั่นก็ดูแลฉันเป็นอย่างดีค่ะ!”
“บ้านซูเป็นคนจริงใจ เราสนิทกับพวกเขาได้!” ฉางจิ่วย้ำ
เรือนปีกตะวันออก ซูสี่เล่อและภรรยาพาลูกสาวลูกชายไปกินข้าวเย็น ก่อนจะได้ยินเสียงทะเลาะจากอีกฝั่ง เขาถอนหายใจ รู้สึกบะหมี่ขาวในถ้วยไม่อร่อยอีกต่อไป
“ตอนนั้นน้องสะใภ้บอกแยกครอบครัวก็ดี พวกเราจะได้ไม่ถ่วงแข้งขาเธอ ดูตอนนี้สิใครถ่วงแข้งขากันแน่!” ภรรยาเขายิ้มขื่น
ตอนนี้รู้สึกสบายใจมาก
เพราะตอนที่ครอบครัวน้องรองจะทำสัญญาฟาร์ม อยู่ ๆ พ่อแม่ก็เสนอว่าให้แยกครอบครัวกัน แต่เธอคิดไปเองว่าพ่อแม่คงอยู่กับครอบครัวน้องรอง และกลัวเราจะฉวยโอกาส
แต่ดูตอนนี้เหมือนพวกเขาจะมองการณ์ไกลรู้ว่าพึ่งพาสะใภ้รองไม่ได้เลยขอแยกตัวก่อน
ไม่งั้นเราจะมีบะหมี่ขาวกินได้ยังไงล่ะ? บางทีถ้ายังอยู่กับน้องรอง อาจจะไม่มีอันจะกินก็ได้
“พ่อคุณ กินข้าวเสร็จเราไปช่วยที่บ้านโส่วเวินกัน!”
“ไม่กลัวเขาด่าต่อหน้าเอาหรือ?”
“กลัวอะไรล่ะ? แยกครอบครัวกันแล้วนะ แถมไม่ได้ขอข้าวเขากินเสียหน่อย ฉันจางไฉ่อวิ๋นไม่มีสิ่งใดต้องกลัวสักนิด!” สะใภ้ซูสี่เล่อยิ้มเยาะ
ต่อให้ไม่ช่วยก็ไม่ได้ยินคำชมจากเถียนเสี่ยวเหอหรอก!