เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 682 พวกคุณเลือกเอาเอง
บทที่ 682 พวกคุณเลือกเอาเอง
บทที่ 682 พวกคุณเลือกเอาเอง
เหลียงซิ่วตะโกนลั่น ทำให้ทุกคนที่ตกใจจะรีบกลับไปยืนเชื่อฟังรอเธอ ลูกสาวจ้องมองไปที่มารดา
“แม่ อยากได้เงินใช่ไหม?”
แม่เฒ่าเหลียงมาที่นี่เพื่อขอเงินจริง ๆ แต่พอโดนลูกสาวจ้องแบบนั้นพลันรู้สึกอับอายขึ้นมา
เลยไม่รู้จะพูดอะไรดี
หลี่ชุ่ยฮวาตอนนี้ยังนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น พอเห็นแม่สามีเงียบไปก็เริ่มร้อนรน
“ทำไม? เราไม่สมควรได้เงินจากเธอหรือ? แม่อุตส่าห์คลอดเธอเลี้ยงเธอมา ขอเงินหน่อยมันไม่ได้หรือไง?”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บแผล แต่พอนึกถึงเงินก็ยังยืนกรานที่จะพูดต่อ
เหลียงซิ่วไม่คิดจะเสวนากับพี่สะใภ้อยู่แล้ว เธอเอาแต่มองไปที่แม่จนร่างแทบพรุน
หญิงชราอ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ลูกสาวยิ้มเยาะ “ในเมื่อแม่มาเพื่อขอเงิน ก็บอกมาตรง ๆ ค่ะ”
“ฉันมาขอเงินแกไงล่ะนังโง่ ไปอยู่ที่อื่นมาตั้งหลายปีแต่ไม่ให้เงินเราสักแดงเดียว ไม่คิดบ้างหรือว่าฉันกับพ่อแกจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง!”
แม่เฒ่าเหลียงรู้สึกหงุดหงิดกับน้ำเสียงและท่าทีของเหลียงซิ่วเหลือเกิน แต่เพราะควบคุมมันไม่ได้เลยทำได้แค่จ้องกลับ
“พวกคุณบอกลูกสาวก็ต้องดูแลพ่อแม่สินะ ถ้าไปลองถามเจ้าหน้าที่เขาก็คงตอบว่าไม่ แต่ว่าลูกสาวเองก็มีสิทธิ์เหมือนกัน มรดกของบ้านพวกคุณจะแบ่งให้ฉันเท่าไรคะ?”
น้ำเสียงเธอเย็นเฉียบ ท่าทางเหมือนกำลังคุยธุรกิจ
เสี่ยวเถียนไม่คิดว่าแม่จะพูดเช่นนี้
อย่างที่คิด ตายายไม่เต็มใจจะแบ่งบ้านให้แม่
ไม่ใช่แค่บ้านนะ แม้กระทั่งตะเกียบก็ไม่ให้ เพราะในใจของพวกเขา ลูกสาวคือสิ่งที่เลี้ยงเสียข้าวสุก และเป็นคนของครอบครัวอื่น
เสี่ยวเถียนเกือบปรบมือให้ แต่สถานการณ์ไม่ดีเท่าไรจึงทำได้แต่อดทนไปก่อน
อย่างที่คาด ดวงตาขุ่นมัวของหญิงชราเบิกกว้างทั้งยังมองไปอย่างแน่วแน่ ท่าทางเหมือนกับไม่รู้จักลูกสาวอย่างไรอย่างนั้น แต่เหลียงซิ่วมองทุกการกระทำนั้นออก
“ทำไมคะ แล้วทำไมต้องถามครึ่ง ๆ กลาง ๆ ด้วย?”
แม่เฒ่าเหลียงไม่รู้อยู่แล้วว่าการที่ลูกสาวเลี้ยงดูพ่อแม่ต้องแบ่งทรัพย์สินด้วย จากที่หลี่ชุ่ยฮวาบอกมา แม่เฒ่ารู้แค่ว่าลูกสาวต้องเลี้ยงดูเท่านั้น แต่ข้อมูลอื่นไม่รู้อะไรแล้ว
“ถ้าอยากให้ฉันดูแลพ่อแม่ฉันทำให้ได้ค่ะ แต่ทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านต้องแบ่งให้ลูกทุกคนเท่ากัน และคำนวณเงินที่ใช้จัดงานแต่งพี่ชายด้วยค่ะ แต่ละคนใช้ไปเท่าไรแล้วก็เอามาให้ฉันซะ!”
ถึงเธอจะไม่ได้ฉลาดนัก แต่หลังจากที่ได้ไปใช้ชีวิตที่เมืองหลวงก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย แค่นี้อาจจะน้อยไปแต่ก็พอหลอกคนได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกใช้ชีวิตในชนบทมาตั้งนานแน่นอน!
“เธอพูดบ้าอะไร?” หลี่ชุ่ยฮวาร้อนรน
ขอเงินก็ไม่ให้ แล้วยังต้องทำเป็นหนังสืออะไรอีก?
เจ้าหน้าที่ไม่เห็นบอกอะไรแบบนี้เลย
ไม่ เธอไม่เห็นด้วยแน่นอน
“แม่ ลูกสาวคนนี้มันเลี้ยงเสียเปล่าจริง ๆ!”
หลี่ชุ่ยฮวารีบบีบคั้นฝ่ายแม่สามีทันที และแน่นอนว่าหญิงชรามีสีหน้าเย็นชาลง
“เข้าใจแล้ว งั้นลูกสาวคนนี้จะไม่ทำให้พวกคุณรู้สึกเลี้ยงเสียเปล่าค่ะ จะให้ส่งเงินให้พ่อแม่เดือนละ 5 หยวน หรือจะให้ฉันให้เงินคุณ 250 หยวนครั้งเดียว ถือว่าตอบแทนน้ำใจที่เคยเลี้ยงดูกันมา พวกคุณเลือกเลยค่ะ”
เหลียงซิ่วเอ่ยราวกับทำธุรกิจ
เสี่ยวเถียนลอบดีใจเงียบ ๆ แม่ของเธอเนี่ยพูดตรงประเด็นเสียจริง ถ้าตัดความสัมพันธ์อาจไม่ได้ผล ถ้าทำอะไรไม่ได้หน่อยคงโดนกล่าวหาได้ง่าย ๆ
แบบนี้ดีแล้ว!
ตอนนี้บ้านเราไม่ได้ขาดเงินอะไร นับได้ว่าใช้เงินกำจัดหายนะไปก็พอ
สิ่งที่เหลียงซิ่วเสนอต่างไปจากแผนที่พวกหลี่ชุ่ยฮวาคุยกันที่บ้าน
ตอนนั้นเราคุยกันแล้วว่าจะให้เหลียงซิ่วออกค่าแต่งงานของลูก ๆ 500 หยวน ซึ่งพ่อกับแม่สามีก็เห็นด้วย แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเสนอเงินแค่ 250 หยวน ซึ่งมันไม่พอ!
“นังโง่ งั้นเรียกขอทานเลยไหม? คิดอะไรอยู่ให้แค่เดือนละห้าหยวน? กะจะให้พวกเราหิวตายหรือไง?”
“อย่าทำเป็นพูดไปหน่อยเลย แม่มีลูกสี่คนให้เลี้ยงทุกคนและส่งเงินเดือนละ 5 หยวน รวมกันก็ 20 หยวนแล้ว ไหนจะข้าวในนาอะไรนั่นอีก อย่าสุขสบายไปหน่อยเลย!”
เหลียงซิ่วไม่ได้โง่ เธอคำนวณไว้แล้ว และคนรอบข้างก็เห็นด้วย เดือนละ 20 หยวนไม่ใช่น้อย ๆ เลย หากเป็นเมื่อสองปีทำไร่ทำนาทั้งปี ปีนึงยังได้ไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ แต่สองคนตายายคู่นี้หาเงินจำนวนนั้นได้ในเดือนเดียว
ถึงสองผู้สูงวัยจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ไม่เข้าใจว่าตรงไหน
เราได้แต่มองหน้ากัน ใช้ชีวิตมาตั้งนานมีที่ไหนจะไม่เข้าใจ?
“งั้นให้พวกฉันเดือนละ 5 หยวน ไม่งั้นไม่ยอม”
แม่เฒ่าเหลียงกัดฟันว่า
“แต่ถ้าไม่ยอมก็ให้เงินเรามาห้าร้อย แล้วจากนี้ไปจะไม่ขออีก!”
ชายชราไม่มั่นใจ ถึงจะได้ห้าร้อยหยวน แต่หลังจากนี้ก็ยังอยากได้เงินอีก
ไว้ว่ากันทีหลัง รอให้มันมาถึงก่อนแล้วกัน?
“ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าจะเอาห้าหยวนหรือสองร้อย เลือกเอา!”
เหลียงซิ่วไม่ได้โง่ ถ้ามีเหตุผลจริงก็คงไม่วุ่นวายปวดหัวแบบนี้หรอก แล้วถ้าเธอผ่อนปรนลงเมื่อไร พ่อและแม่ของเธอต้องแผลงฤทธิ์อีกเป็นแน่
“เหลียงซิ่ว ฉันกับพ่อแกต้องเลี้ยงพี่ชายด้วยมันลำบากนะ!” หญิงชราเผยสีหน้าขมขื่น ตั้งใจเล่นแง่กับลูกสาว
ตอนนี้ลูกสาวอยู่สุขสบาย ถ้าขอเงินเพิ่มได้อีก ลูกชายของพวกเขาก็ไม่ต้องลำบากแล้ว
เรามีชีวิตไปเพื่ออะไร? เพื่อลูกชายกับหลานชายไม่ใช่หรือ?
ลูกสาว?
ก็แค่คนเลี้ยงเสียข้าวสุก!
เหลียงซิ่วไม่คิดจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก
“ถ้าเลี้ยงพี่ชายมันลำบากขนาดนั้น ก็เลี้ยงฉันแทนสิคะ ง่ายกว่าเยอะเลย” เธอแสยะยิ้มเย็นชา
“ตอนอายุสามขวบฉันต้องออกไปเก็บผักป่ากินเอง ต้องกินเข้าไปทั้งโคลนสกปรก ๆ แบบนั้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ตาย!”
“ฉันทำอาหารเป็นตั้งแต่ห้าขวบ ตอนแปดขวบงานนอกบ้านทั้งหมดฉันเป็นคนทำทั้งนั้น”
“ตอนอายุสิบเอ็ดสิบสอง ฉันต้องทำงานในไร่ ถึงจะเด็กแต่ก็มีงานให้ทำเยอะเลย ทำได้มากกว่าคนไร้ค่าแบบพวกคุณอีก”