เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 717 อ่านหนังสือเยอะมีประโยชน์นะ
บทที่ 717 อ่านหนังสือเยอะมีประโยชน์นะ
บทที่ 717 อ่านหนังสือเยอะมีประโยชน์นะ
ยามเสี่ยวเถียนเดินลงมาถึงชั้นล่าง ก็เจอฉืออี้หย่วนมายืนรออยู่แล้ว
แววตาเขาเป็นประกายเมื่อเห็นเธอ แต่พอเห็นเรียวขาขาวสวยที่โผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรงแล้ว เขารู้สึกไม่ชื่นมื่นอีกต่อไป จะปล่อยให้คนอื่นมาเห็นขาสวย ๆ แบบนี้ได้ยังไง?
ฉืออี้หย่วนคิดหาวิธี ไว้พรุ่งนี้ซื้อกางเกงให้น้องสักหน่อยดีกว่า
เสี่ยวเถียนวิ่งเข้าไปหาคนเป็นพี่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
“พี่อี้หย่วน ทำไมพี่มาเร็วจังคะ?”
เธออุตส่าห์ลงมาก่อนตั้งสามนาที แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมาถึงแล้ว
“พี่เพิ่งมาถึงน่ะ!” ฉืออี้หย่วนยิ้มบาง
เขาเป็นผู้ชาย ต้องรอผู้หญิงอยู่แล้ว แต่เขาพูดมันออกไปไม่ได้ ทำแบบนี้ไปเดี๋ยวน้องก็ชินเองนั่นล่ะ!
“พี่อี้หย่วน เราไปกินข้าวที่โรงอาหารหรือข้างนอกดีคะ?” เสี่ยวเถียนถาม
เธอเคยได้ยินว่ารอบ ๆ มหาวิทยาลัยมีร้านอาหารดี ๆ อยู่บ้าง เหมือนร้านที่ไปมาเมื่อวาน รสชาติมันอร่อยมาก
“ออกไปข้างนอกกัน หายากที่เธอจะมีเวลาว่าง”
หลังจากเปิดเรียนแล้วตารางเรียนจะแน่นมาก ๆ ไม่มีเวลาให้ได้ออกมากินข้าวสบาย ๆ แบบนี้หรอก
เมื่อเดินมาเรื่อย ๆ เราก็เจอร้านแห่งหนึ่ง ฉืออี้หย่วนสั่งซาลาเปา ขนมสามเหลี่ยม แป้งทอดไส้กุยช่าย และน้ำเต้าหู้อีกสองแก้ว
ทางร้านบริการอย่างว่องไว
เสี่ยวเถียนกินแป้งทอดคำแรก ก็พบว่ารสชาติของมันอร่อยมาก ๆ เด็กหญิงกะพริบตาโต ๆ แล้วเอ่ยชม “อร่อยมากเลยค่ะ!”
“หาได้ยากที่คนจุกจิกแบบเธอจะชอบน่ะ!”
เด็กสาวทำหน้าบูดบึ้ง เอ่ยด้วยความไม่พอใจ “หนูไม่ได้จุกจิกเสียหน่อย ใครจะไม่อยากกินของอร่อยบ้างล่ะ!”
มันคือความจริงอย่างที่ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาสถานการณ์ย่ำแย่ ไม่มีคนในยุคปัจจุบันมาตะโกนให้ลดน้ำหนักอีกด้วย
คนในยุคนี้จึงหวังแต่ว่าจะได้กินเนื้อเยอะ ๆ มันเยอะ ๆ!
เทียบกันแล้ว คงเพราะฝีมือคุณย่าดีเกินไป เสี่ยวเถียนเลยเป็นคนจุกจิกเรื่องของกินขึ้นมากจริง ๆ และเธอก็เป็นอย่างที่ว่านั่นล่ะ
“พี่พูดผิดไป ไม่ใช่เธอจุกจิกหรอก แต่เป็นพี่ต่างหากล่ะ!” อี้หย่วนยิ้ม
เด็กสาวเม้มปาก รู้จักพูดจริง ๆ ไม่รู้ทำให้ผู้หญิงมากี่คนแล้ว!
จากนั้นเด็กสาวก็จดจ่อกับการกินอาหารเช้า อี้หย่วนก็เช่นกัน
สิบนาทีต่อมา ทั้งสองก็ออกมาจากร้านอาหารเช้า
“เสี่ยวเถียน วันนี้มีแผนอะไรไหม?”
เขารู้จักน้องเป็นอย่างดี เด็กคนนี้ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเขาพาไปไหนมาไหนโดยไม่มีเหตุผลหรอก ต้องมีจุดประสงค์ด้วย
“พี่อี้หย่วน หนูอยากเปิดร้านใกล้มหาวิทยาลัยค่ะ งั้นนี้เราไปเดินดูรอบ ๆ ดีกว่าว่ามีร้านที่เหมาะ ๆ ไหม”
เสี่ยวเถียนไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่ไม่คิดจะเก็บเป็นความลับจากอี้หย่วนด้วย
“พี่รู้ว่าเธอต้องมีแผนในใจ พี่พอรู้อยู่ว่ามันมีร้านอยู่นะ พวกเราไปดูกันเถอะ!” อี้หย่วนว่าแล้วจับมือเสี่ยวเถียนเดินเหมือนเมื่อก่อน
ในยุคนี้เป็นที่พบเห็นกันน้อยมากที่เด็กผู้ชายจะจับมือเด็กผู้หญิง แต่เสี่ยวเถียนยังเด็กจึงไม่คิดอะไรมาก
เธอปล่อยให้คนพี่จับมือแล้วเดินไปตามถนน
พวกเราไม่อาย แต่คนอื่นอาย
เพราะเป็นคนเด่นคนดังในมหาวิทยาลัย แถมเดิมทีอี้หย่วนก็เป็นที่รู้จักอยู่แล้วด้วย ตลอดทางจึงมีแต่คนรู้จัก
มีคนไม่น้อยที่อยากทักทายพวกเขา ยิ่งเห็นภาพสองคู่นี้เดินจับมือกันไปตามทาง คล้อยหลังไปก็ได้แต่พึมพำ
เราเดินหารอบ ๆ มหาวิทยาลัยตลอดทั้งเช้า ที่ดู ๆ มามีสี่ร้านและหนึ่งในนั้นมีร้านโปรดของเสี่ยวเถียนด้วย
แต่เธอตั้งใจจะมาดูช่วงบ่ายอีกรอบ ถ้าไม่เจอร้านที่เหมาะ ๆ เธอตั้งใจจะเอาร้านนั้นนั่นล่ะ แต่ราคามันเพิ่มขึ้นจากสองปีที่แล้วเยอะเลย ทว่าก็ยังอยู่ในราคาที่ซื้อได้อยู่ และแน่นอนว่าเสี่ยวเถียนไม่ได้ขาดแคลนเงินอะไร ทั้งยังรู้ดีอีกว่าราคาบ้านในอนาคตจะเพิ่มขึ้นสูงอีก
แต่ถ้าซื้อแล้ว แล้วไม่ได้ทำเป็นร้านหารายได้ เราก็ปล่อยทิ้งไว้ให้เพิ่มมูลค่าแทนก็ได้
“เสี่ยวเถียน อยากกินอะไรเป็นข้าวเที่ยง?” ฉืออี้หย่วนมองนาฬิกา ตอนนี้เที่ยงแล้ว เราเดินกันตั้งแต่เช้า เสี่ยวเถียนคงจะเหนื่อยแล้วจึงเอ่ยเรื่องกินข้าวขึ้นมา
“หนูเห็นร้านอาหารเสฉวนเมื่อกี้นี้ค่ะ เราไปลองชิมกันไหม?” เสี่ยวเถียน
ฉืออี้หย่วนตอบตกลง
เราสั่งเต้าหู้ผัดพริกเสฉวนและเลือดเป็ดต้มเผ็ดมา อาหารเสฉวนทุกอย่างจะรสชาติเผ็ดและอร่อย พอนึกถึงกลิ่นหอมแรงแล้วเสี่ยวเถียนน้ำลายสอทันที
“ถ้าคุณย่าซูเห็นเธอเป็นแบบนี้ อาจจะเอาไม้มาตีก็ได้นะ!” ฉืออี้หย่วนเห็นท่าทางตะกละของน้องก็เอ่ยขึ้น
เสี่ยวเถียนยิ้มซน
“คุณย่าไม่ทำหรอก”
ฝ่ายพี่ยิ้มก่อนพยักหน้ารับ เด็กคนนี้รู้ภูมิใจจริง ๆ ที่มีคนรักและเอ็นดู
“คุณย่าทำอาหารอร่อย แต่บางอย่างก็ไม่ได้เรียนมาค่ะ เพราะงั้นแกจึงทำอาหารแบบผสม ๆ กันเอง อาหารเสฉวนที่ทำก็มีส่วนผสมจากตะวันตกเฉียงเหนือด้วยนะคะ แต่มันไม่ตรงตามหลักเท่าไร” เสี่ยวเถียนว่าตรง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานเต้าหู้ผัดพริกเสฉวนก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
พอเห็นอาหารสีแดงเพลิง เธอแทบจะกลั้นน้ำลายไว้ไม่อยู่
เธอแนะนำให้พี่ชายตามหน้าที่
“เต้าหู้ผัดพริกเสฉวน เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงมากในหมู่อาหารเสฉวนค่ะ สิ่งสำคัญคือจะชา เผ็ด ร้อน สด หอม กรอบ ใหม่ แล้วก็เนื้อวัวรวนเต้าหู้ พริก ฮวาเจียวคั่ว จากนั้นสีและรสชาติอันงดงามก็จะออกมาค่ะ พี่อี้หย่วนอาจจะเห็นว่ามันดูไม่น่ากินเท่าไรนะ! แต่อันนี้แหละคืออาหารที่แท้จริง”
ว่าจบก็ทนรอกินแทบไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ลืมหยิบตะเกียบให้พี่ชายด้วย
ฉืออี้หย่วนกินเต้าหู้ที่น้องส่งให้ และรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าตอนที่กินเองเสียอีก
อันที่จริงฉืออี้หย่วนไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับอาหารการกินนัก รู้แค่ว่าร้านไหนใกล้ ๆ มีของอร่อยเท่านั้น แต่ไม่ได้ใส่ใจว่าทำไมถึงอร่อย
พอได้ยินแบบนั้นก็ชื่นชมเสี่ยวเถียนทันที
การอ่านหนังสือเยอะมันมีประโยชน์จริง ๆ เด็กคนนี้มีอะไรที่ไม่รู้ไหมเนี่ย?