เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 738 ไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะ
บทที่ 738 ไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะ
บทที่ 738 ไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะ
ทำไมต้องโมโหเธอที่ได้เป็นหัวหน้าด้วยล่ะ?
เธอคนนี้สมองเสื่อมหรือไง?
ถังหมิ่นหมิ่นอยากเป็นหัวหน้าก็ให้เป็นก็ดีแล้วไง ต้องมายุ่งวุ่นวายกับอะไรก็ไม่รู้ คิดว่าอยากเสนอตัวขนาดนั้นเลยหรือ?
ถ้าไม่ใช่เพราะได้เป็น จะมีปัญหาเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?
คิด ๆ ดูแล้ว บ่ายนี้ไปขอลาออกกับอาจารย์ฮั่วได้ไหมนะ? แล้วถ้าอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยก็ให้พี่เสี่ยวเหมยมาช่วยพูดดีหรือเปล่า?
ส่วนถังหมิ่นหมิ่นไม่รู้ว่าซูเสี่ยวเถียนคิดจะลาออก และตอนนี้เธออารมณ์ดีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้โกรธมากจริง ๆ และหลังจากได้ฟังคำอธิบายจึงขบคิดเรื่องนี้ใหม่
เธอประมาทก่อนจริง ๆ
เสื้อผ้าแปดชุดส่งมาที่ห้องเรา แล้วซูเสี่ยวเถียนจะรู้ได้ยังไงว่าหนึ่งในนั้นจะตกมาอยู่ในมือเธอ?
ชุดนี้เป็นเบอร์เล็กสุด ไม่น่าใช่ของเธอด้วยซ้ำเพราะในห้องมีคนที่ตัวเล็กกว่า แต่คิดว่าการใส่ตัวเล็ก ๆ แล้วมันดูดีก็เลยไปบังคับเอามา
“เธอไม่ได้คิดจะแกล้งให้ฉันขายหน้าจริง ๆ ใช่ไหม?” ถังหมิ่นหมิ่นถามอีกครั้ง
เสี่ยวเถียนส่ายหัว “ฉันไม่ได้ทำ!”
ช่วงเที่ยงกำลังวุ่น ๆ แบบนี้ ใครจะมีเวลาไปทำ?
จ้าวหงเหมยเพิ่งตอบสนองได้ “ถังหมิ่นหมิ่น เสื้อผ้าที่ส่งให้ฉันเป็นคนหยิบมาเอง เสี่ยวเถียนไม่ได้แตะต้องเลย”
ด้วยแรงสนับสนุนทำให้ถังหมิ่นหมิ่นเชื่อคำพูดเสี่ยวเถียนมากกว่าเดิม
อิ่นหรูอวิ๋นไม่พอใจที่เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพื่อไม่ให้ไฟลามทุ่ง แต่ก็ไม่ยินดีที่จะปล่อยเสี่ยวเถียนไว้แบบนี้เช่นกัน
“เสี่ยวเถียน ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นหัวหน้า เสื้อผ้าพวกนี้เธอก็เอามา แต่ในเมื่อมันกลายเป็นแบบนี้แล้วก็ควรรับผิดชอบใช่ไหมล่ะ?”
เหอะ ๆ ถึงจะทำให้ถังหมิ่นหมิ่นแตกแยกกับซูเสี่ยวเถียนไม่ได้ แต่ก็ยังคิดหาวิธีทำให้ซูเสี่ยวเถียนลำบากใจ
เรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ ใคร ๆ ก็ทำได้ไม่ใช่หรือ?
เปลือกตาเสี่ยวเถียนกระตุกสองครั้ง
ถ้าอิ่นหรูอวิ๋นอ้าปากเมื่อไร ไม่มีอะไรดีสักนิด
จ้าวหงเหมยจ้องกลับไป
“ใช่แล้ว ซูเสี่ยวเถียนเธอเป็นหัวหน้า เสื้อผ้าที่เธอเอามามันมีตำหนิฉันเลยมาหาเธอไงล่ะ
ถังหมิ่นหมิ่นที่ได้สติกลับมาทำตัวโอหังอีกแล้ว
ต่อให้ไม่ได้ทำแล้วจะทำไมล่ะ? ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นหัวหน้า ต้องคอยรับใช้ทุกคน แค่มาหากันก็หมดปัญหาแล้ว
“แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ?” เสี่ยวเถียนอดทนถาม
“ฉันไม่อยากได้เสื้อผ้าขาด ๆ อันนี้ เอาของเธอมาให้ฉัน!” ถังหมิ่นหมิ่นพูดด้วยความเย่อหยิ่ง สีหน้าอย่างกับหัวหน้าเอกภาษาจีนเป็นหนี้
เสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว
ยังมีคนหน้าด้านแบบนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?
วงจรสมองคงเสื่อมแบบไร้สิ่งใดเปรียบจริง ๆ
แต่เวลานี้มันไม่ใช่เวลามาโต้เถียงแล้ว
ชั้นนี้ไม่ได้มีแค่เอกเธอที่พักอยู่ แต่ยังมีนักศึกษาจากเอกอื่นมารวมอยู่ด้วย แถมยังมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตั้งเยอะไม่ใช่หรือ? ถ้าทะเลาะกันเสียงดังขึ้นมา เรื่องของห้องเราได้กลายเป็นเรื่องตลกในมหาวิทยาลัยแน่
“ได้ เอาไปสิ!” เสี่ยวเถียนเอี้ยวตัวไปหยิบชุดที่เพิ่งแลกกับอิ่นหรูอวิ๋นไปให้
ทีแรกถังหมิ่นหมิ่นคิดว่าเสื้อผ้าเสี่ยวเถียนน่าจะเล็กสุด แต่มันกลายเป็นขนาดกลางเสียอย่างนั้น
ถึงจะไม่พอดีตัวแต่ยังดีกว่ากางเกงเป้าขาดแล้วกัน
ถังหมิ่นหมิ่นจากไปแล้ว ส่วนจ้าวหงเหมยกำลังต่อสู้กับกางเกงตัวนั้นอยู่
เรามีเวลาอีก 20 นาทีก่อนรวมตัว ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะหาร้านเย็บผ้าแล้ว
เราจะไปฝึกทหารทั้งที่กางเกงขาด ๆ หรือไม่สวมไปได้ใช่ไหมล่ะ?
“เสี่ยวเถียน เราทำยังไงกันดี?” ฉู่เยว่เป็นกังวล
เสี่ยวเถียนยิ้มขื่น “เมื่อกี้พวกเธอถามใช่ไหมว่ามีอะไรที่ฉันทำไม่ได้บ้าง มีแล้วนี่ไง ฉันเย็บปักถักร้อยไม่เป็น”
เรื่องพวกนี้เธอเคยเรียนรู้มาบ้างเมื่อชาติที่แล้ว แต่เธอไม่มีพรสวรรค์เลย ถึงจะพอทำพวกเย็บกระดุมได้ แต่มันเรียกได้ว่าเป็นความสามารถหรือเปล่า
“เราไปตลาดกันไหม เผื่อมีร้านไหนรับทำ” ต่งเยี่ยนอัน
เสี่ยวเถียนส่ายหัว “มีไหมไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คือไม่น่าทันแล้ว!”
เธอตั้งใจว่าถ้าไม่ได้จริง ๆ จะปะไว้ใช้ชั่วคราวไปก่อน ถึงจะไม่ดูดีเท่าไรก็ไม่เป็นไร ขอแค่ก้นไม่โผล่ออกมาก็พอแล้ว
อิ่นหรูอวิ๋นที่อยู่บนเตียงมีความสุขมาก
ซูเสี่ยวเถียน เธอจะทำยังไงล่ะ?
ถ้าฝึกทหารวันแรกได้ไม่ดีจะถูกครูฝึกทำโทษไหมนะ?
พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ อิ่นหรูอวิ๋นตื่นเต้นจนแทบนอนไม่ได้
ตอนเห็นฉืออี้หย่วนครั้งแรกเธอก็คิดว่าถ้าซูเสี่ยวเถียนช่วยสานสัมพันธ์ให้ เราคงเข้ากันได้อย่างดี
แต่ซูเสี่ยวเถียนเป็นพวกน้ำมันและเกลือยังซึมเข้าไม่ได้*[1]
อิ่นหรูอวิ๋นฮัมเพลง
พึงพอใจสุด ๆ
ส่วนกลุ่มคนที่กำลังดิ้นรนหาทางรอด อดกลอกตาไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงฮึมฮัมของใครอีกคนในห้อง
น่ายินดีจนต้องร้องเพลงเลยหรือ?
ตอนนั้นเองที่ฉีเสี่ยวฟางได้พูดขึ้น
“ฉันเย็บผ้าเป็นนะ แถมทำได้ดีด้วย!”
ทุกคนประหลาดใจมาก
แต่เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนชนบทไม่ใช่คนเมือง คนส่วนใหญ่ก็ตัดเย็บเสื้อผ้าใส่เองทั้งนั้น พวกผู้หญิงทำได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
อันที่จริงทุกคนตกใจไปชั่วขณะ
หลี่เจี้ยนหงและเฉียนเสี่ยวเป่ยไม่สามารถตัดเสื้อผ้าทั้งชุดได้ และทำได้แค่เย็บเป็น
ในพื้นที่ชนบท เด็กผู้หญิงจะเรียนรู้งานเย็บปักถักร้อยตั้งแต่อายุยังน้อย แค่ว่าบางคนทำเก่ง บางคนทำไม่เก่งเท่านั้น แต่สามารถทำได้แน่นอน
“เธอวางใจให้ฉันช่วยไหม? ถ้าวางใจล่ะก็ฉันจะทำให้ ไม่ต้องห่วงเลย” ฉีเสี่ยวฟางมองเสี่ยวเถียน
ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนไม่ค่อยดี แต่เธอเป็นกังวลจริง ๆ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ซูเสี่ยวเถียนอาจไม่เชื่อว่าตนช่วยด้วยความจริงใจ หรือเป็นกังวลว่าการให้ตนช่วยจะทำให้เสียหน้าหรือเปล่านะ?
ฉีเสี่ยวฟางเป็นคนละเอียดอ่อนมาก
“งั้นก็ขอบคุณนะเสี่ยวฟาง!”
เสี่ยวเถียนยิ้ม เธอรับไว้เสมอเวลาที่คนอื่นเป็นฝ่ายแสดงน้ำใจด้วย
ฉีเสี่ยวฟางตื่นเต้นมาก ก่อนรีบร้อนหาอุปกรณ์เย็บผ้าจากกระเป๋า ในนั้นมีเข็มสองเล่มและด้ายอีกหลายอัน
จากนั้นก็เทียบสีชุดกับสีด้ายเพื่อหาอันใกล้เคียง แล้วเริ่มเย็บด้วยความชำนาญ หลังจากผูกปมที่ปลายด้านหนึ่ง ฉีเสี่ยวฟางสอดเข็มเข้าเนื้อผ้าและเริ่มลงมือเย็บผ้า
อิ่นหรูอวิ๋นที่ได้เห็นฉากนี้ก็โกรธมาก
[1] หัวรั้น หัวแข็ง