เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 776 หนีเรียน
บทที่ 776 หนีเรียน
บทที่ 776 หนีเรียน
เสี่ยวเถียนตั้งใจฟังวิชานี้อย่างจริงจัง หรือจะบอกว่าเธอสนใจมากเลยก็ได้ เพราะไม่เคยวอกแวกสักวินาทีเดียว
สำหรับผู้ใหญ่มันไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว แต่กับเด็กที่อยากรู้อยากเห็นมันไม่ใช่
อาจารย์สวี่ไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนที่เห็น ไม่ใช่เด็กจริง ๆ
จิตใจเด็กสาวหมุนติ้วอยู่ตลอดทั้งคาบ เธอไม่มีเวลาให้คิดเรื่องนี้หรอก
ก่อนหน้านี้ได้อ่านเนื้อหาของบทเรียนที่อาจารย์สอนมานิดหน่อยแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ฟังความรู้ทางทฤษฎี สิ่งที่มีอยู่ในหนังสือและสิ่งที่อาจารย์พูดให้ฟังนั้นเหมือนกัน แต่ความรู้ทางทฤษฎีกลับแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
เสี่ยวเถียนพยายามนึกฟื้นความรู้ที่เคยมีกับความรู้ในวันนี้เข้าด้วยกัน เพราะกลัวว่าถ้าไม่เข้าใจและไม่ทำให้กระจ่างทั้งหมดตั้งแต่แรก มันจะสั่งสมไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายมันจะส่งผลต่อการเรียนของตัวเอง
แน่นอนว่าหลังจากอาจารย์ถามคำถามออกมา เธอก็จะตอบออกไป นี่ถือเป็นการทำงานได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เธอยังเพิ่มความคิดของตัวเองเข้าไป และถามเพิ่มเติมด้วยว่าตนมีความคิดจุดไหนที่แตกต่างไปจากอาจารย์
“คุณเคยได้ยินคำถามนี้มาจากที่ไหนหรือเปล่า?”
อาจารย์สวี่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก วันนี้เราเพิ่งจะเรียนกันคาบแรก เขายังห่วงอยู่เลยว่าพวกนักศึกษาจะไม่เข้าใจเนื้อหาพวกนี้ เลยพยายามอธิบายออกมาให้เรียบง่ายที่สุด ตามหลักแล้ว เด็กคนนี้ไม่น่ามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งสิ
“ไม่ค่ะ หนูแค่คิดได้ระหว่างที่ฟังอาจารย์สอนค่ะ เลยคิดว่าน่าจะตอบแบบนี้ แล้วก็ใส่ความคิดตัวเองเข้าไปด้วย แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือเปล่านะคะ!” เสี่ยวเถียนส่ายหัว
อาจารย์สวี่ยิ่งตกใจกว่าเดิม
คิดออกระหว่างนั่งฟังการสอน เก่งกว่าคนที่เอาแต่ท่องจำเสียอีก
ต้องบอกก่อนว่านักเรียนที่เพิ่งเข้าสู่วัยมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ยังมีความเข้าใจว่าการเรียนต้องท่องจำเท่านั้น
“คุณคือนักศึกษาซูเสี่ยวเถียนใช่ไหม? นักเรียนจากห้องพิเศษที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยน่ะ?”
ชายชรานึกสงสัยว่าตนตาฟาดไปหรือเปล่า เด็กหญิงที่ตอบคำถามได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลตรงหน้าจริง ๆ แล้วเป็นผู้ใหญ่ แต่แค่หน้าเด็กเฉย ๆ ใช่ไหม
ถึงเสี่ยวเถียนจะสับสนว่าทำไมแกถามเช่นนั้น แต่ก็ยังตอบอยู่ดี
“ใช่ค่ะอาจารย์ หนูชื่อซูเสี่ยวเถียน เป็นนักเรียนห้องเรียนพิเศษจากโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 ค่ะ หนูดีใจมาก ๆ ที่ได้เรียนกับอาจารย์นะคะ” เธอพยักหน้า
หรือเขาไม่ได้คิดจะถาม แค่ตั้งใจมาหาตนเองโดยเฉพาะ? แต่เหมือนเธอจะไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลยนะ! หรืออาจารย์จะรู้จักคุณปู่ฉือ เขาก็เลยให้ความสนใจกับเธอ?
เสี่ยวเถียนหัวหมุนไปหมดเพราะพยายามคิดเรื่องที่เกิดขึ้น
“เข้าใจแล้ว เยี่ยมมาก คุณเก่งจริง ๆ!” อาจารย์สวี่เอ่ยชมรวดเดียว แววตาเต็มไปด้วยการยอมรับ
ตอนนี้เขากำลังคิดว่าบางที่ห้องพิเศษอาจจะแค่เฟ้นหาเด็กที่มีความสามารถก็ได้ ไม่ใช่การดึงต้นอ่อนช่วยให้เติบใหญ่ เพราะเด็กบางส่วนโตไวเลยทำให้ดูเหมือนว่าเก่ง แต่มันก็เหมือนกับนิ้วมือทั้ง 10 นั่นล่ะ แต่ละนิ้วสั้นยาวไม่เท่ากัน เด็ก ๆ เองก็เช่นกัน และถ้าเด็ก ๆ ทุกคนจากห้องเรียนพิเศษเก่งเหมือนซูเสี่ยวเถียน มันคงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ!
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะอาจารย์สวี่ หนูยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ แต่จะตั้งใจเรียนให้มากขึ้นค่ะ!” เสี่ยวเถียนแค่ตอบไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าอาจารย์จะรับฟังจริง ๆ
“ถ้าในอนาคตคุณไม่เข้าใจเรื่องไหนมาถามผมได้เสมอ ไม่ใช่แค่ตัวบทเรียนเท่านั้นนะ”
เอ่อ…
เธอไม่รู้จะตอบอะไรดี เลยทำได้แค่เอ่ยขอบคุณด้วยความสุภาพเท่านั้น แต่อย่างน้อยมันก็เป็นโอกาสที่ได้อาจารย์อาวุโสยินดีทุ่มเทสอนเธออย่างเต็มที่
คนอื่น ๆ มองเด็กหญิงด้วยความอิจฉา ถึงเพื่อนคนนี้จะยังเด็ก แต่ต้องยอมรับว่าเธอเก่งมากจริง ๆ เก่งระดับที่เรายังเทียบไม่ได้
พวกเรานี่มันเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นัก!
หลังชายชราว่าจบก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เขาไม่ได้สนใจคนอื่น ๆ อีกต่อไป แล้วเก็บของออกจากห้องทันที ทำเอานักศึกษามองหน้ากันอย่างสงสัย
ไปแล้วเหรอ? ทำไมเหมือนอาจารย์จำได้แค่ซูเสี่ยวเถียนเองล่ะ?
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเพื่อนถึงมีพรสวรรค์เช่นนี้ การจะเก่งแบบนี้ได้ดีมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ
ไม่แปลกที่อาจารย์จะชื่นชอบ
……
วิชาเรียนในมหาวิทยาลัยจะเป็นชั้นเรียนใหญ่ทั้งหมด โดยคาบหนึ่งจะเรียน 1.5 ชั่วโมง โดยช่วงเช้ามีเรียนสองตัว โดยระหว่างเปลี่ยนคาบจะให้พัก 20 นาที
วิชาต่อมาคือปรัญชาลัทธิมากซ์
วิชานี้เป็นวิชาแบบเปิด*[1] ขณะที่จ้าวหงเหมยกำลังคาดเดารูปร่างหน้าตาอาจารย์ อาจารย์คนนั้นก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว
อาจารย์ท่านนี้เป็นผู้หญิงวัยห้าสิบเศษ ผมเผ้าหวีอย่างเรียบร้อย สวมชุดสีน้ำเงิน ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง อาจารย์ท่าทางแบบนี้ ดูแล้วรับมือยากน่าดู
เสี่ยวเถียนคิดเช่นนั้น และลางสังหรณ์เธอก็แม่นจริง ๆ
สิ่งแรกที่อาจารย์ผู้เข้มงวดทำคือการแนะนำตัวเองก่อน
“สวัสดีค่ะนักศึกษา อาจารย์ชื่อเซี่ยหนาน เป็นคนที่จะสอนปรัญชาลัทธิมากซ์ให้กับพวกคุณ”
“เพื่อที่จะได้จำทุกคนได้ ต่อไปเราจะเริ่มขานชื่อกันค่ะ”
ขานชื่อ?
เสี่ยวเถียนตกใจ ต้องทำด้วยเหรอ?
มหาวิทยาลัยไม่ได้มีที่ประจำของใครของมัน จึงไม่มีทางรู้ได้ว่าใครขาดเรียนไปบ้าง
อาจารย์เซี่ยหนานเรียกชื่อทีละคน ในไม่ช้าก็มาถึงชื่ออิ่นหรูอวิ๋น ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนเพิ่งรู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ได้เข้าเรียน
เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
คาบเช้ามาไม่ทันก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คาบสองแล้วนะยังไม่มาอีกเหรอ? ถึงอิ่นหรูอวิ๋นจะไม่ใช่เด็กใฝ่เรียน แต่ก็ดูไม่ใช่พวกโดดเรียนหรือเปล่า?
และอาจารย์ก็ได้เรียกชื่อเธอเป็นรอบที่สองแล้ว!
“อิ่นหรูอวิ๋น!”
ห้องเรียนเงียบกริบ ไม่มีใครตอบรับเลย!
อาจารย์เซี่ยหนานมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของชื่อไม่อยู่
“อิ่นหรูอวิ๋น!”
อาจารย์ขานเรียกชื่ออีกรอบ และในตอนนี้ใบหน้าได้แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่งจนแทบแข็งตาย
แค่คาบแรกก็โดดเรียนแล้ว นักศึกษาสมัยนี้แย่ได้ขนาดนี้เลย? ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าคณะนี้ทำได้ดีมากไม่ใช่หรือไง? แล้วนี่คือการประพฤติตัวดีหรือ?
จู่ ๆ นักศึกษาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบในฤดูใบไม้ร่วงที่สดชื่น
ท่าทางของแกคือสัญญาณของความโกรธ
เวลานั้นเสี่ยวเถียนสัมผัสได้ถึงสถานการณ์แปลก ๆ
“อิ่นหรูอวิ๋นไม่ได้มาเหรอ? หัวหน้าอยู่ไหน?”