เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 806 การสอบ
บทที่ 806 การสอบ
บทที่ 806 การสอบ
แค่นึกว่ามันมีคนใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวถึงขนาดนี้ฉือเก๋อนึกเสียใจนัก
“ฉันสั่งสอนผู้คนมาชั่วชีวิต และสิ่งที่ทำให้ฉันขัดใจมากที่สุดคือการมีพวกโง่เขลาคิดแต่จะกินน้ำใต้ศอกคนอื่น!”
“คนแบบนี้แหละที่มันเป็นหัวขโมยช่วงชิงชีวิตของคนอื่น! เป็นหัวขโมยที่ร้ายกาจที่สุดในโลก!”
“ฉันจะทำทุกอย่างให้ได้รับความยุติธรรม!”
เขาโกรธจัดกระทั่งน้ำเสียงยังพลอยสั่นไปด้วย!
มันไม่ยุติธรรมเลยที่โอกาสของเด็กเก่ง ๆ โดนไอ้หน้าไหนไม่รู้มันขโมยไป!
ไม่แปลกใจที่ฉือเก๋อจะตื่นตัวขนาดนี้ เพราะเขาคาดหวังต่อสังคมจริง ๆ
และคิดว่ามีหลายคนที่ไม่อยากเสี่ยงเป็นพวกแกะดำแน่ ๆ
แต่ใครจะรู้เล่าว่ามันมีบางคนที่ไม่เห็นหัวกฎหมายบ้านเมือง ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเองโดยไม่ลังเลที่จะทำร้ายชีวิตคนอื่นไปด้วย
ลูกหลานกลัวชายชราจะโมโหจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จึงรีบร้อนบอกให้เขาใจเย็น ๆ
……
พอกลับมาถึงมหาวิทยาลัย เสี่ยวเถียนระวังตัวมากขึ้น เวลาไปไหนข้าง ๆ จะมีเพื่อนไปด้วยเสมอ แม้ว่าซุนเสี่ยวอวี้จะอยากลงมือ แต่ตนไม่พบโอกาสเคลื่อนไหวเลยพักแผนการนี้ไว้ชั่วคราว
แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขารามือได้คือมีอิ่นหรูอวิ๋นผู้ร้อนแรงอยู่ข้าง ๆ มันก็จริงที่เธอไม่สวยเท่าซูเสี่ยวเถียน แต่ด้วยเสน่ห์นั่นแหละจึงเป็นที่ถูกใจของเขา เพราะมัวแต่ยุ่งกับอิ่นหรูอวิ๋น ตนจึงไม่มีเวลาสนใจเสี่ยวเถียนด้วย
เช่นนั้นแล้วไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่สามารถจัดการแทนได้เสียหน่อย
หออีหมิงกำลังเจอคนมาก่อความวุ่นวาย
พวกมันเป็นอันธพาลที่อยู่โดยรอบมหาวิทยาลัย คนพวกนี้ไม่มีงานทำ วัน ๆ ไม่คิดทำอะไร เอาแต่ขโมยของและสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
หลังจากรับเงินเสร็จก็ไปที่หออีหมิง โดยพวกเขาวางแผนจะทำลายข้าวของและหาเงินระหว่างนั้นไปด้วย แต่ใครจะรู้เล่าว่าดันพาตัวเองมาเจอเรื่องซวยเข้า
หลินหลินเปิดร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งที่บ้านไม่วางใจสักนิด พวกเขาก็เลยหาทหารหญิงปลดประจำการสองคนไปคอยดูแล
ทั้งสองมีความสามารถมาก สามารถช่วยเหลืองานบางอย่างได้ ในยามคับขันยังปกป้องคนในร้านได้อีกด้วย ขอแค่มีพวกเขาเฝ้าอยู่ ไม่ว่าพวกผู้ชายหรือพวกเด็กหนุ่มก็ไม่ใช่ปัญหาทั้งนั้น
พวกเธอไม่ชายตามองเลยสักนิด
กลุ่มอันธพาลหนุ่มถูกโยนออกไปทันที ไม่มีโอกาสให้สู้กลับด้วยซ้ำ ต่อให้พยายามกลับเข้าไปอีกรอบแต่ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม เราไม่ต้อนรับพวกน่าอัปยศ!
หลังจากด่าตะเพิด พวกมันก็วิ่งหนีหางจุกตูดหายไป
หลินหลินมองตาม และได้แต่ถอนหายใจ
“เถ้าแก่ไม่ต้องห่วงนะ มีพวกเราดูแลอยู่ต่อให้มาอีกหลายคนก็จัดการได้ค่ะ” สองทหารหญิงคิดว่าหลินหลินเป็นกังวลกับคนพวกนี้
ที่จริงเธอรู้อยู่แล้วว่าพวกเขามาจากไหน วันนี้เราจัดการพวกมันไป แล้วถ้าเกิดมันเปลี่ยนไปจัดการเสี่ยวเถียนแทนล่ะ? ต่อให้เด็กสาวแข็งแกร่ง แต่ไม่รู้ว่าเธอจะรับมือได้หรือเปล่าหากต้องสู้กับคนจำนวนเท่านั้น
ไม่ได้การ ต้องหาคนปกป้องน้องให้ได้
ทางฝั่งหลินหลินยังหาคนเหมาะ ๆ ไม่ได้ ส่วนทางซุนเสี่ยวอวี้ได้ข่าวแล้วว่าคนที่ตนส่งไปโดนจัดการจนหมดสภาพ
เขาโกรธมาก แล้วตอนนี้ก็ยังหาคนเก่งกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วด้วย ในเมื่อจัดการหออีหมิงไม่ได้ เขาจึงคิดหาคนส่งไปจัดการเสี่ยวเถียนแทน
ซุนเสี่ยวอวี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อยอมเสียเปรียบ
ให้ดีที่สุดคือจับเสี่ยวเถียนมัดแล้วส่งมาให้เขา ถึงตอนนั้นคงไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วว่าฝ่ายนั้นจะไม่ยินยอม
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
คราวนี้ซุนเสี่ยวอวี้ระวังตัวมากขึ้น เขาให้คนไปสืบข่าวแล้วค่อยมาแจ้งหลังจากเขาฝึกทหารเสร็จ
ตอนนี้ยังไม่มีเวลาจัดการเรื่องนี้จริง ๆ หลายวันมานี้เขาง่วนอยู่กับอิ่นหรูอวิ๋น และเรื่องฝึกทหารด้วย เลยไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย
เขารำคาญมาก เราจะฝึกทหารไปเพื่ออะไร? ไม่มีประโยชน์ เสียเหงื่อไปเฉย ๆ ไม่รู้มีเป้าหมายอะไรด้วย
ต้องบอกว่าอิ่นหรูอวิ๋นเป็นคนฉลาด
ใช้เวลาไม่กี่วันก็ได้รู้เรื่องของตระกูลซุนอย่างถ่องแท้
ช่วงที่ยั่วยวนซุนเสี่ยวอวี้ ก็ทำทีลอบถามเรื่องของเขามาด้วย ถึงเด็กหนุ่มจะเป็นพวกบ้าตัณหา แต่อายุยังน้อยไม่คณามือเธอหรอกนะ
ในไม่ช้าก็ได้รู้ภูมิหลังมา
ยิ่งรู้ว่าฐานะบ้านซุนเสี่ยวอวี้ดีมาก เธอจึงไม่เต็มใจปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป
เธอชอบฉืออี้หย่วน แต่อีกฝ่ายมักเย็นชาใส่
คนที่เขาชอบก็ดันเป็นคนที่เธอไม่ชอบอีก
หายากมากที่จะมีคนแบบซุนเสี่ยวอวี้ปราฏตัวออกมาในตอนนี้ หน้าตาก็ดี ฐานะทางบ้านก็เยี่ยม เขาจะต้องช่วยเธอออกจากชีวิตในตอนนี้ได้แน่ ๆ
เธอรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากและจะยอมแพ้ไม่ได้
อิ่นหรูอวิ๋นเห็นซุนเสี่ยวอวี้เป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยที่ไม่รู้ว่าเขานั่นแหละคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อูฐหลังหัก*[1]
เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังนำหายนะมาสู่วงศ์ตระกูล
การตรวจสอบของสองพ่อลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว
ฉือเก๋อเคยบอกไว้ว่าจะจัดการทุกอย่างเอง ไม่มีโอกาสให้คนบ้านซูยื่นมือเข้าไปเลย
เพื่อไม่ให้ตกเป็นที่ต้องสงสัย เขาทำทุกอย่างเงียบ ๆ จัดการตั้งแต่ต้นจนจบ เบื้องหน้าจึงดูเหมือนว่าพวกเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
ที่ทำก็เพื่อปกป้องเฉินจื่ออันเอาไว้
ทุกอย่างดำเนินการอย่างเงียบเฉียบ
พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งเดือน ทุกอย่างเหมือนจะจัดการเรียบร้อยแล้ว แถมสิ่งที่ตระเตรียมเอาไว้ยังสามารถใช้การได้อีกด้วย หลังเด็กปี 1 ฝึกทหารเสร็จจะต่อด้วยการสอบทันที
ใช่แล้ว การสอบ
ทุกคนตกใจเพราะไม่เคยได้ยินมาว่าฝึกทหารจะต้องสอบด้วย แต่เนื้อหามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการฝึกทั้งนั้น เป็นความรู้ที่เรียนมาสมัยมัธยมปลาย จึงไม่ยากไม่ง่าย
ระดับความยากเดียวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั่นแหละ ว่ากันตามหลักนักศึกษาที่สอบเข้าจิ่งเฉิงได้จะเป็นคนที่มีความสามารรถ ไม่มีปัญหากับเรื่องสอบหรอก
แต่ระหว่างการสอบนั้น กรรมการคุมสอบพบว่ามีหลายคนที่ไม่เข้าใจคำถาม การค้นพบอันน่าประหลาดใจทำให้พวกเขาไม่คิดปิดบังและแจ้งไปถึงอธิการใหญ่
ทีแรกตัวอธิการก็คิดว่ามันไม่จำเป็นหรอก
แต่ไม่คิดว่าจะมีคนทำไม่ได้จริง ๆ
แล้วเด็กพวกนี้สอบเข้าจิ่งเฉิงที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศได้ยังไง?
หลังจากขบคิดอย่างรอบคอบ อธิการกลัวมากจนนั่งไม่ติดเบาะ แล้วรีบร้อนไปตรวจสอบที่ห้องสอบด้วยตัวเอง
อย่างที่กรรมการคุมสอบแจ้งไว้ เวลาสอบใกล้หมดเข้าไปทุกที แต่ข้อสอบของนักศึกษาหลาย ๆ คนยังว่างเปล่าอยู่เลย ขนาดข้อกาก็ยังไม่ได้ทำด้วย!
*[1] ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อูฐหลังหัก หมายถึง สิ่งสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะพังทลาย