เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 832 ไม่อิจฉา
บทที่ 832 ไม่อิจฉา
บทที่ 832 ไม่อิจฉา
ว่ากันตรง ๆ คือพวกเราทำไม่ดีเอง แต่อาจารย์เสิ่นและนักเรียนของเขากลับไม่ถือสาเอาความ ทั้งยังช่วยอย่างเต็มที่ มันทำให้นายกเหลียงแปลกใจจริง ๆ ว่าทำไมเสี่ยวเถียนที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์แกถึงมีความสามารถด้านการแพทย์ด้วย
อายุน้อยร้อยความสามารถจริง ๆ!
นายกเหลียงขบคิดก่อนเหลือบมองเสี่ยวเถียนอีกครั้ง การที่อาจารย์เสิ่นเห็นความสำคัญในตัวเธอทั้ง ๆ ที่เพิ่งอายุเท่านี้ เด็กสาวคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าทึ่งเสียจริง หลังจากนี้คงต้องสานสัมพันธไมตรีต่อไป ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขามีแผนการในใจอยู่บ้าง
ในฐานะที่เป็นผู้นำ เขารู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ ที่โดนคนอื่นกดหัวมาตลอดหลายปี และครั้งนี้มันคือโอกาสหายาก ดังนั้นเลยคิดจะนำแผ่นพับที่เสี่ยวเถียนทำมาเป็นผลงานของตัวเอง และส่งไปทางองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อใช้มาเป็นความสำเร็จทางการเมืองซะ
แต่เขาเป็นคนมีศักดิ์ศรี ที่จริงยอมแพ้ไปตั้งแต่เกิดความคิดชั่ววูบนั่นแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่ จะรังแกเด็กไม่ได้ ถึงจะเป็นผู้นำที่อยู่ระดับล่างสุดก็จริง แต่จะทำแบบนี้เพื่อสร้างชื่อเสียงตนเองไม่ได้
“อาจารย์เสิ่น ผมอิจฉาคุณจริง ๆ ที่มีเด็กมากความสามารถรายล้อมแบบนี้”
ลูกหลานบ้านอื่นนี่เนอะ!
เสิ่นจื่อเจินยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เด็ก ๆ รอบตัวเขามีแต่เก่ง ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูกติดภรรยาหรือลูกหลานซู ความรู้ของแต่ละคนอยู่ในระดับสูงกันหมด
ตั้งแต่วันนี้จากสามคนได้กลายเป็นสี่คน
หยวนกั๋วชิ่งตามดูงานกับเราแค่วันเดียว แต่เขาขยันขันแข็ง เรื่องหยุมหยิมสามารถจัดการให้ได้หมด ทำทุกอย่างจนเรียกได้ว่าเกินที่พวกเราบอกไปมาก และยิ่งกว่านั้นคือ เขาต่างจากเหมาเสี่ยวหมิงเพราะสามารถช่วยงานได้จริง ๆ
ด้วยความที่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรกรรม พอได้มาทำงานที่นี่เหมือนกับปลาในน้ำ สามารถจัดการทุกอย่างได้โดยไม่ต้องสอน และเสิ่นจื่อเจินก็พึงพอใจมาก
เริ่มตั้งแต่วันที่สอง เสิ่นจื่อเจินได้เตรียมงานบางส่วนไว้ให้หยวนกั๋วชิ่งแล้ว ซึ่งมันเป็นงานส่วนนอก และหยวนกั๋วชิ่งก็ทำได้ดีมาก เขาค่อนข้างประหลาดใจตอนเห็นผลงานของอีกฝ่าย เด็กคนนี้เก่งจริง ๆ ความสามารถสูง แถมขยันด้วย เกือบเทียบเท่าได้กับซานกงเลย
ยิ่งถ้ามีอุปนิสัยที่ดี เราสามารถสั่งสอนเขาได้
จากนั้นเขาก็เริ่มสนใจในตัวเด็กคนนี้มากขึ้น
และหยวนกั๋วชิ่งเองยังหวงแหนโอกาสที่ได้เรียนรู้กับอาจารย์เสิ่นด้วย
เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ ที่ได้พบครูเก่ง ๆ แบบนี้ ถ้าพลาดไปคงไม่มีโอกาสอีกในอนาคต
ชายหนุ่มผู้ขี้อายเป็นฝ่ายถามข้อมูลบางส่วนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ
เสิ่นจื่อเจินยิ่งเห็นก็ยิ่งพอใจ แต่เขาตัดสินใจว่าจะสังเกตต่ออีกสักพัก ถ้าเกิดเขาเป็นคนไม่ดีขึ้นมาล่ะ เพราะเหมาเสี่ยวหมิงก็ทำตัวดีในช่วงแรก ๆ เหมือนกัน แต่ต่อมาการฝึกฝนได้พิสูจน์ว่าเขาทนไม่ไหว
ชั่วพริบตาก็ผ่านไปกว่าสิบวัน
หยวนกั๋วชิ่งยังคงรักษาความขยันขันแข็งได้เหมือนเช่นเคย
ทั้งความเคารพที่มีต่อเสิ่นจื่อเจินและสองพี่น้องบ้านซู สิ่งนี้ทำให้คนเป็นอาจารย์พึงพอใจมากกว่าเดิม เขาเป็นคนที่ไม่หวงแหนความรู้กับนักเรียนเก่ง ๆ อยู่แล้ว ทัศนคติที่มีต่อหยวนกั๋วชิ่งดีขึ้น แทบไม่ต่างจากนักเรียนตัวเองเลย
“พี่สาม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพี่ตกกระป๋องแน่!” เสี่ยวเถียนเอ่ยติดตลก
พี่ชายมองน้องสาวแสนซน อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มน้องสาวด้วยความมันเขี้ยว เด็กคนนี้ดื้อขึ้นทุกวันเลย ถ้าอิจฉา ควรอิจฉาเสี่ยวเถียนก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?
“ดื้อนัก!”
“พี่สามไม่อิจฉาเหรอ?” เสี่ยวเถียนสงสัยจริง ๆ
ทำไมท่าทางถึงสงบแบบนี้ล่ะ ไม่สนใจสักนิดเลยเหรอว่ามีคู่แข่งเพิ่มมาอีกรายนึงเลยนะ?
“ไม่เลย” เขาส่ายหัว
“ทีมเราในตอนนี้ยังมีสมาชิกน้อยเกินไป พี่หวังว่าจะมีคนคอยติดตามอาจารย์เสิ่นให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มผลผลิตน่ะ”
อาจารย์พูดถึงความสำคัญของอาหารมาก่อน และตัวเขาเคยทนทุกข์จากการขาดสารอาหารและเสื้อผ้าในตอนที่เป็นเด็ก
อาหารคือชีวิต หากเราไม่สามารถเพิ่มที่ดินทำกินได้ ก็ทำได้เพียงเพิ่มผลผลิตทางธัญพืชเท่านั้น นี่จึงจะสามารถช่วยให้คนกินอิ่มได้มากขึ้น แต่มันไม่ใช่งานที่ทำแค่คนสองคนแล้วจะเสร็จ ต้องใช้ความสามารถจากคนหลายพันคนจึงจะบรรลุเป้าหมายได้
หลายปีที่ผ่านมาทีมของเราได้ทำการวิจัยไปหลายอย่าง แต่รู้สึกว่าผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจอยู่ดี สุดท้ายมันก็ติดตรงที่ว่าเรามีสมาชิกน้อยเกินไป กำลังคนจึงเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุด
มีเสิ่นจื่อเจินเพียงคนเดียวมันไม่พอ
คงจะดีถ้ามีคนมากความสามารถแบบเสิ่นจื่อเจินเพิ่มขึ้นอีก
คราวนี้อุตส่าห์ได้เจอแล้วทั้งที ซานกงต้องอยากได้เขามาอยู่ด้วยอยู่แล้ว
เสี่ยวเถียนยิ้ม
พี่ชายเป็นคนใจกว้าง เขาไม่มานึกห่วงหรอกว่าจะไม่ได้เห็นเป็นคนสำคัญเพียงเพราะมีนักเรียนเข้าร่วมทีมอีกคน
นิสัยพี่สามก็แบบนี้แหละ
จริง ๆ เธอเองก็มีความสุขนะ ที่ได้หยวนกั๋วชิ่งมาเข้าร่วมทีมวิจัยด้วย เพราะตั้งแต่มีอีกฝ่ายงานเธอก็ผ่อนคลายขึ้นเยอะ
วันที่ 15 นับตั้งแต่ที่มาถึงทงเหลียง หลังจากหารือกับนายกเหลียงแล้ว เสี่ยวเถียนได้จัดงานบรรยายที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง คนที่มาเข้าร่วมฟังการบรรยายเป็นชายหญิงจากทั้ง 12 หมู่บ้าน มีสี่คนมาจากหมู่บ้านเดียวกัน พวกเขาเป็นหนุ่มสาวที่กำลังเรียนหนังสือ และจบมัธยมต้นด้วยผลการเรียนดี
ตอนที่เสี่ยวเถียนบรรยาย เธอรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากมาก และชาวบ้านที่มาก็พยายามทำความเข้าใจด้วย
วันนี้เธอกลับไปพร้อมกับความรู้สึกผ่อนคลาย
หาได้ยากมากที่นึกอยากคุยกับพี่ชาย
เราคุยกันจนถึงเรื่องเสิ่นจื่อเจิน
“ช่วงที่ผ่านมาลุงเขยทำงานหนักมาก เขาแก่กว่าตอนอยู่หนานหลิ่งอีกค่ะ ถ้าเราหาคนเก่ง ๆ มาเพิ่มได้ อาจจะไม่มีอะไรให้ลุงเขยห่วงมากนัก”
ลุงเขยกับป้าเถาฮวาสร้างครอบครัวด้วยความยากลำบาก เสี่ยวเถียนหวังว่าลุงจะอยู่กับป้าแกไปนาน ๆ
“บางทีหลังจากนี้เราควรมุ่งเน้นไปมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมระดับรองลงมาดูบ้างนะ เผื่อจะเจอคนที่เหมาะสมก็ได้?”
จากกรณีหยวนกั๋วชิ่ง ซานกงเหมือนจะเจอหนทางแล้ว
ถึงจะไม่ได้ดีเท่าไร แต่ก็ถือได้ว่าแบ่งเบาภาระได้เยอะ กลับไปต้องแนะนำอาจารย์เสิ่นให้ลองหาคนเก่ง ๆ ในประเทศดู
“หนูว่าได้นะพี่สาม แต่อาจจะไม่ได้มีคนที่ตรงเงื่อนไขพี่มากนักหรอก”
ซานกงพยักหน้า เพราะเสิ่นจื่อเจินค่อนข้างจุกจิก ถ้าไม่ใช่จากมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ เขาจะไม่รับเข้ามา ไม่งั้นป่านนี้ทีมเราคงมีสักเจ็ดแปดคนแล้ว
“เสี่ยวเถียน แล้วแผ่นพับทำเสร็จหรือยังไง? เราจะกลับแล้วนะ”
“ใกล้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ก็คงเสร็จแล้ว เหลือแค่ส่งต้นฉบับให้นายกเหลียง”
เสี่ยวเถียนตั้งใจจะทำแค่เบื้องต้นเท่านั้น ส่วนการจัดพิมพ์และแจกจ่ายเป็นหน้าที่นายกเหลียง