เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 840 บังเอิญ
บทที่ 840 บังเอิญ
บทที่ 840 บังเอิญ
หลี่กุ้ยฮวาอธิบายให้ฟังอย่างละอายใจ แต่มีหรือที่เสี่ยวเถียนจะไม่เข้าใจ ในยุคนี้ไม่ว่าใครก็ลำบากทั้งนั้น ต่อให้ผ่านไปอีกหลายสิบปีข้างหน้า การที่จู่ ๆ ต้องมารับเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมง่าย ๆ
แม้เมื่อหลายพันปีก่อนจะมีคำกล่าวที่ว่า ‘จงเคารพคนเฒ่าคนแก่ในบ้านให้เหมือนกับคนเฒ่าคนแก่ทั้งหลาย จงเมตตาเอ็นดูเด็ก ๆ ในบ้านให้เหมือนกับเด็ก ๆ ทั้งหลาย’ ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
แต่หลี่กุ้ยฮวากลับทำได้ นั่นแหละคือสิ่งที่ไม่คาดคิด
ทางฝั่งเสิ่นจื่อเจิน อันหรงเสวี่ยเห็นด้วยที่เสิ่นจื่อเจินจะส่งเงินรายเดือนเดือนละหกหยวนเพื่อเลี้ยงดูเสี่ยวซู่ให้ชั่วคราว
เดิมทีเสิ่นจื่อเจินตั้งใจจะให้สิบหยวน แต่อีกฝ่ายไม่อยากได้มากขนาดนั้น
หลังจากอันหรงเสวี่ยปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายก็ตกลงที่จะรับเงินแค่หกหยวน โดยจะส่งมาให้ทุก ๆ ต้นเดือนนับจากนี้
เสิ่นจื่อเจินรู้ว่าเสี่ยวเถียนจะให้เงินเหมือนกัน แม้รู้ว่าอันหรงเสวียรับเงินหกหยวนไปแล้วก็ตามอีกอย่างเขาคิดว่าหลังจากกลับไปแล้ว จะส่งของที่มีประโยชน์มาให้เสี่ยวซู่ และคนบ้านอันเพื่อมาสนับสนุนเงินอุดหนุนอีกทาง
จะให้แต่คนบ้านนี้ออกแรงอย่างเดียวไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
หลังจากพูดคุยกันเสร็จทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้า เสี่ยวเถียนเองยังยิ้มออกเมื่อเห็นเสี่ยวซู่วิ่งเล่นกับเสี่ยวลิ่ว เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จ เด็กสาวก็หยิบยาที่จะจ่ายให้เสี่ยวลิ่วออกมา
“คุณป้า ต้มยานี้ให้เสี่ยวลิ่วกินสักสองสามกำมือนะคะ”
“ไว้หนูกลับไปจะทำยาเม็ดส่งมาให้ค่ะ น้องจะได้กินสะดวก”
เด็กวัยนี้ไม่ชอบกินยารสชาติขม ๆ แน่นอน ไว้เธอกลับเมืองหลวงจะทำยาเม็ดแบบกลืนง่าย ๆ มาให้
คนบ้านอันกล่าวขอบคุณที่เสี่ยวเถียนเป็นกังวลเรื่องหลานชายของเรา ถึงเจ้าตัวจะไม่มั่นใจว่าจะสามารถรักษาได้ไหม แต่เห็นท่าทางมั่นใจแบบนั้นก็คิดว่ามีโอกาสแน่ ถ้าร่างกายเสี่ยวลิ่วดีขึ้น ผู้ใหญ่อย่างเราก็หายห่วงแล้ว
หลังจากคนทั้งสามกลับไป สองสามีภรรยาก็มาคุยกันก่อนจะรู้ว่าเราได้เงินรวม 30 หยวน ในยุคนี้มันไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยนะ เพื่อเลี้ยงดูเด็กชายที่ไม่ได้เกี่ยวพันทางสายเลือดแล้ว ถึงกับลงทุนมอบเงินให้ 30 หยวนเลยเรอะ
“พวกเขาให้ทั้งผ้าและเงินฉันด้วย ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่มนุษย์เลยนะ” อันหรงเสวียว่า
“พ่อคุณ เราส่งข้าวไปให้พวกอาจารย์เสิ่นดีไหม ได้ยินว่าพวกเขาชอบข้าวของเรามากเลย” หลี่กุ้ยฮวาเสนอ
“แต่บ้านเรามีข้าวไม่เยอะนะ ถ้าแบ่งให้อาจารย์ปีนี้เราจะกินไม่พอหรือเปล่า?”
“ก็ไปซื้อข้าวสาลีมาสิ แล้วก็เอาข้าวที่อาจารย์เสิ่นให้เขาไป ยังไงเราก็เข้าเมืองไปซื้อมาเพิ่มได้นี่” คุณย่าอันเอ่ยอย่างเบิกบานใจ
หากผู้อื่นมีเมตตาต่อครอบครัวเรา เราก็ควรเมตตากลับเป็นสองเท่า จะรอแต่ให้เขาเป็นฝ่ายให้ไม่ได้ ถึงข้าวที่นี่จะอร่อยกว่านิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเขาจะกินแบบอื่นไม่ได้
“ได้ครับแม่ เดี๋ยวผมเอาไปให้อาจารย์นะ” อันหรงเสวียพยักหน้า
พวกเสี่ยวเถียนกลับมาถึงฐานวิจัยก็ได้เจอกับนายกเหลียงที่กำลังรออยู่
“ท่านนายก มาได้ยังไงกันครับ?”
“ผมได้ยินว่าคุณจะกลับแล้วใช่ไหม? เลยมาหาน่ะ”
“เหลือพรุ่งนี้อีกวันครับ แต่ว่างพอดีเลย ผมว่าจะไปเยี่ยมบ้านหยวนกั๋วชิ่งน่ะ”
นายกเหลียงได้ฟังก็หัวเราะ “งั้นตอนเย็นมาบ้านผมไหม?”
เสิ่นจื่อเจินงง ทำไมถึงเชิญพวกเราไปเป็นแขกล่ะ อีกอย่างบ้านหยวนกั๋วชิ่งไม่ใช่ใกล้ ๆ นะ กลัวว่าจะไม่มีเวลาไปบ้านนายกเหลียงเอาน่ะสิ ขณะที่กำลังจะปฏิเสธความเมตตานั้น อีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้น
“ถึงบ้านผมกับบ้านหยวนกั๋วชิ่งจะห่างกันสองหมู่บ้าน แต่มันใช้เวลาเดินแค่เจ็ดแปดนาทีเท่านั้นเอง บ้านเขาอยู่ส่วนหน้าของหมู่บ้านน่ะ ส่วนผมอยู่ส่วนหลังของหมู่บ้าน”
เสิ่นจื่อเจินคาดไม่ถึงเลย
“ผมว่าไม่ไปดีกว่าครับ ท่านต้องทำงาน รู้สึกละอายใจที่ต้องรบกวนกันน่ะ”
“ไม่ต้องละอายใจอะไรหรอก ทีแรกผมอยากจะเชิญคุณไปเป็นแขกตั้งนานแล้ว แต่เห็นว่ายุ่งอยู่น่ะก็เลยไม่กล้าถาม” นายกเหลียงยิ้ม
ในไม่ช้าท่านนายกก็เข้าประเด็นสำคัญที่เดินทางมาในวันนี้
“ผมได้ยินว่าคุณชอบข้าวที่นี่ ช่วงนี้ส่งแต่ละบ้านไปเก็บเกี่ยวอยู่น่ะ ถึงจะไม่เยอะเท่าไรแต่คงกินได้สักพักเลย”
นายกเหลียงเป็นคนที่ต้องตอบแทนน้ำใจเสมอ
ครั้งนี้เราได้โชคลาภอันยิ่งใหญ่ ได้ข่าวมาด้วยว่ามีสองหมู่บ้านได้ช่วยชีวิตคนไว้ด้วยการใช้วิธีปฐมพยาบาลของเสี่ยวเถียน และมันก็ได้ผล
ดังนั้นตัวเขาจะรอรับแต่ผลประโยชน์อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ต้องหาทางตอบแทนด้วย
“ท่านนายกใจดีมากเลยครับ ผมยอมรับความปรารถนาดีของคุณนะครับ แต่เรื่องข้าวไม่เป็นไรจริง ๆ ทุกคนไม่ได้ร่ำรวยกัน”
เขารู้ว่าที่นี่ซื้อข้าวได้ยากมาก ถึงราคาจะเท่ากันแต่ถ้าขายข้าวตัวเองแล้วเกิดไม่พอกินก็ต้องไปหาซื้อมาอีก แล้วข้าวข้างนอกก็ไม่ได้อร่อยเหมือนข้าวตัวเองด้วย
แต่ไม่คิดเลยว่านายกจะช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว แม้ว่าจะเป็นคนมีตำแหน่งก็ตาม
“เราซื้อมาเรียบร้อยแล้วอาจารย์เสิ่น ผมจะขอบคุณมากถ้าคุณเอากลับเมืองหลวงไปด้วย ถือว่าเป็นโฆษณาข้าวของที่นี่น่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวเถียนก็เหลือบมองอีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่านายกจะเป็นคนมีความคิดก้าวหน้า สามารถคิดจะโฆษณาสินค้าของตัวเองได้ ถ้าเขาสามารถพัฒนาต่อได้อย่างราบรื่น อนาคตทงเหลียงคงเป็นไปได้ด้วยดีแน่นอน
เธอตัดสินใจแล้วว่าจะกลับมาอีกในภายภาคหน้า
“ผมมีเรื่องอีกอย่างท่านนายก อยากปรึกษาท่านหน่อย” ตอนนั้นเองที่เสิ่นจื่อเจินนึกเรื่อยเสี่ยวซู่ขึ้นได้ จึงเอ่ยขึ้น
“มีอะไรหรืออาจารย์เสิ่น บอกผมได้เลย”
นายกเหลียงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดว่าตนสามารถให้ความช่วยเหลือได้
จากนั้นเสิ่นจื่อเจินก็เล่าเรื่องเสี่ยวซู่ให้ฟัง ถึงเด็กชายจะไม่ได้มาจากตำบลทงเหลียง แต่เราควรจัดการเรื่องนี้เอาไว้แต่เนิ่น ๆ แต่ต่อให้ไม่ต้องถามใครนายกเหลียงก็จะจัดการให้
“เรื่องนี้จัดการง่ายมาก ผมกับเลขาธิการตู้มาจากหมู่บ้านเดียวกันน่ะ ไว้กลับไปจะไปคุยกับเขาให้นะ บางทีปัญหานี้อาจจะคลี่คลายได้” เขาเอ่ยพร้อมยกยิ้ม
จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “เดี๋ยวผมไปคุยด้วยเย็นนี้เลยดีกว่า พรุ่งนี้คุณจะได้มาคุยกับเลขาตู้เองด้วยครับ”
เสิ่นจื่อเจินคิดว่ามันดีสำหรับอนาคตเสี่ยวซู่แน่นอนถ้าได้เลขาจัดการเรื่องนี้ให้ด้วยตนเอง!
สงสัยพรุ่งนี้ต้องไปบ้านท่านนายกแล้วละ