เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 847 ไม่สนใจจะซ่อมเขื่อน
บทที่ 847 ไม่สนใจจะซ่อมเขื่อน
บทที่ 847 ไม่สนใจจะซ่อมเขื่อน
เลขาตู้ไม่ได้ค้านเช่นกัน ถึงเสิ่นจื่อเจินจะเต็มใจช่วยแต่อีกฝ่ายอายุไม่น้อยแล้ว เขาเองก็กลัวเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้จะอธิบายให้เบื้องบนฟังยังไงดี ถ้ามีซูซานกงไปด้วยอีกคน ก็จะได้มีคนคอยดูแลเสิ่นจื่อเจินด้วย
“แบบนั้นก็ดีเลยล่ะ สหายซานกงคอยดูแลอาจารย์เสิ่นด้วยนะ”
ว่าจบก็หันไปมองเสี่ยวเถียน
เด็กสาวควรอยู่บ้านกับภรรยาและลูกสาวเขา ไม่พาเธอไปด้วยคงจะดีกว่า แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยประโยคนั้นออกไป ก็ได้ยินเสียงเสี่ยวเถียนตะโกนลั่น
“ลุงเขย พี่สาม หนูไปด้วย!”
ความจริงแล้วเธอไม่อยากตะโกนหรอกนะ แต่ลมมันแรงมาก ฟ้าก็ร้องเสียงดัง เธอยืนอยู่ใต้ลมพอดีถ้าไม่ตะโกนทุกคนคงไม่ได้ยิน
เลขาตู้คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป ใช่ เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ เสี่ยวเถียนต้องบอกว่า ‘ลุงเขย พี่สาม หนูกลัว!’ แน่ ๆ
ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว! ยิ่งคิดเท่าไรก็สมเหตุสมผล เป็นปกติที่เด็กผู้หญิงจะขี้กลัว ฟ้าผ่าเกิดเสียงอึกทึกไปทั่ว คนโตที่ไม่ชินยังต้องกลัวเลย!
ได้ยินคนบอกกันว่าเสี่ยวเถียนเก่งมาก แต่ไม่ว่าเธอจะเก่งขนาดไหนก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงอยู่ดี
“สาวน้อยไม่ต้องกลัวนะ ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยน่ะ”
เลขาตู้ตะโกนตอบ แต่ตอนนี้ไม่มีเสียงฟ้าร้องเสี่ยวเถียนจึงได้ยินชัดเจน
“เลขาตู้ หนูจะตามไปเขื่อนด้วยค่ะ” เสี่ยวเถียนบอก
“อะไรนะ?”
เลขาตู้คิดว่าวันนี้ตนคงประสาทหลอนไปแน่ ๆ สาวน้อยจะอยากไปเขื่อนทำไมกัน?
ขณะเดียวกันฝนเม็ดใหญ่ก็ได้โปรยลงมาแล้ว เขาไม่มีเวลาจะคุยกับเธออีกต่อไป
“อยู่บ้านปลอดภัยกว่าไปที่นั่น บนเขื่อนมันค่อนข้างอันตรายน่ะ”
ถ้าเด็กสาวบอบบางเช่นนี้ตามไปด้วยก็ต้องหาคนมาดูแล แบบนี้จะไม่รบกวนสมาธิกันหรอกหรือ เลขาตู้กวาดสายตามองเด็กสาวขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจของตนถูกต้อง
แต่เธอไม่เหมาะจริง ๆ นะ
“ให้เสี่ยวเถียนไปเถอะ!” เสิ่นจื่อเจิน
เพราะคิดว่าถ้าหลานไปจะต้องมีบทบาทสำคัญแน่ ๆ
เขากับซานกงไม่รู้เรื่องภัยพิบัติทางธรณีวิทยามากนัก แต่เสี่ยวเถียนไม่เหมือนเรา เธออ่านหนังสือเยอะ อาจจะเคยเจอเรื่องคล้าย ๆ กันมาก่อนก็ได้นะ
เลขาตู้คาดไม่ถึงจริง ๆ
เขารู้ว่าเสิ่นจื่อเจินรักเสี่ยวเถียนมาก แต่ไม่ว่าจะรักยังไงก็ไม่ควรมีความคิดเช่นนี้สิ อีกอย่างการพาเด็กไปเขื่อนในตอนนี้มันไม่เรียกว่ารักหรอกนะ เขาทำแบบนี้มันเหมือนการเล่นกับชีวิตเธอมากกว่าอีก
“อาจารย์เกลี้ยกล่อมให้เธออยู่ที่นี่เถอะครับ ข้างบนนั้นมันอันตราย
แรงลมขนาดนี้ จะโดนลมพัดปลิวก่อนไหมเนี่ย
“เลขาตู้ยังไม่รู้จักเสี่ยวเถียนน่ะสิ อย่าเห็นแค่ว่าผมกับซานกงเป็นผู้ใหญ่เลยนะ ถ้ามีเรื่องอะไรจริง ๆ เสี่ยวเถียนอาจจะช่วยได้”
เสิ่นจื่อเจินยิ้มขมขื่น แม้ไม่อยากยอมรับแต่มันก็คือความจริง
เลขาตู้อยากจะพูดอะไรอีกสักหน่อย เพราะเขาได้ยินว่าเสี่ยวเถียนเป็นหมอ แต่หมอจะมีความสามารถด้านนี้ด้วยหรือ?
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ!
แต่ผู้ใหญ่ยืนกรานขนาดนั้น คำแนะนำของเขาคงไม่มีความหมายเท่าไรแล้วล่ะ
“สหายซานกงต้องดูแลสหายเสี่ยวเถียนอีกหน่อยนะ!”
ซานกงเข้าใจความหมายดี จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณ
“เลขาตู้ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลเสี่ยวเถียนอย่างดี เผลอ ๆ เธออาจจะเป็นคนปกป้องผมก็ได้!”
เสิ่นจื่อเจินได้ยินแล้วอยากหน้ามืดจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะผิดเวลาคงจะฟาดอีกฝ่ายสักที เด็กคนนี้ยังมีความมุ่งมั่นอยู่บ้างไหมเนี่ย จะเอาแต่รอให้น้องมาปกป้องเรอะ
เขากล้าพูดนะแต่ไม่กล้าฟัง
เลขาตู้ได้ฟังยิ่งหนักใจกว่าเดิม คนพวกนี้รักลูกหลานจนไม่มีขอบเขตแล้วสินะ
“เอาเถอะ แม่ของซุ่ยเอ๋อร์หาเสื้อฟางกันฝนที่บ้านเรามีมาให้หน่อยนะ ต้าจ้วงจื่อไปบอกชาวบ้านทีว่าให้พวกคนหนุ่มรีบขึ้นไปที่เขื่อน”
เลขาตู้ไม่อยากเสียเวลาเรื่องเสี่ยวเถียนมากไปกว่านี้แล้ว จึงไม่รอช้าจัดแจงหน้าที่ให้คนที่บ้านทันที
ฝ่ายภรรยาพร้อมด้วยซุ่ยเอ๋อร์ลูกสาวออกมาพร้อมกับเสื้อฟางกันฝนที่มี
ทุกคนแต่งเนื้อแต่งตัว และสวมหมวกก่อนออกเดินทาง
ต้าจ้วงจื่อผู้เป็นลูกชายออกไปบอกพวกชาวบ้านหลังจากแต่งตัวเสร็จ
เวลานี้ลมกระโชกแรงขึ้นมาก ฝนก็ตกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะสวมเสื้อและหมวกมันก็ไม่มีประโยชน์เท่าไรเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
กลุ่มเสี่ยวเถียนเดินโขยกเขยกไปยังเขื่อน ระหว่างทางเห็นหลาย ๆ คน ออกไปพร้อมกับเครื่องไม้เครื่องมือ แค่มองก็รู้ว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน
เลขาตู้ตะโกนอธิบายสถานการณ์ที่เขื่อนให้ฟังคร่าว ๆ
“เราเจอว่าเขื่อนมีปัญหาเมื่อช่วงหน้าร้อนครับ แต่ไม่มีเวลาซ่อมมัน ถ้าเขื่อนพังขึ้นมาน้ำในอ่างจะพุ่งออกมาหมด หมู่บ้านข้างล่างไม่รอดแน่นอน”
หมู่บ้านหลาย ๆ แห่งใต้เขื่อนรวม ๆ แล้วสองเมืองได้ แต่เพราะเลขาตู้และนายกเหลียงไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านนั้นจึงไม่ได้รีบร้อนขนข้าวของหนี
“ทำไมไม่ซ่อมให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
เสิ่นจื่อเจินเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา มีอะไรสำคัญกว่าการสร้างเขื่อนให้มั่นคง และปกป้องความปลอดภัยชีวิตผู้คนอีกหรือ?
“ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะว่างน่ะ เราตั้งใจไว้ว่าหลังเก็บเกี่ยวเสร็จจะซ่อมมัน”
คงเพราะปีนี้อากาศแจ่มใส เราจึงไม่รู้สึกถึงความเร่งด่วน แต่ใครจะรู้เล่าว่า ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงกลับเกิดฝนตกหนัก
อย่างที่เลขาตู้บอกไว้จริง ๆ ฝนไม่มีทางเบาลงแน่ ๆ
ก่อนหน้านี้ที่เกิดสภาพอากาศเช่นนี้ก็มีฝนตกหนักตลอด คราวนี้คงไม่เว้นเช่นกัน
ฝั่งนายกเหลียงเห็นปัญหา แม้จะไม่ได้พูดอะไรชัดเจนแต่เขารีบไปที่นั่นทันที ตามความคิดคือต้องการให้เลขาตู้อยู่บ้านกับแขก
แต่ไม่คาดคิดว่าเสิ่นจื่อเจินจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง