เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 855 คุณไม่สมควรได้รับมัน
บทที่ 855 คุณไม่สมควรได้รับมัน
บทที่ 855 คุณไม่สมควรได้รับมัน
“ไม่มีแล้วค่ะ!” คนขายจำหน่ายตั๋วเอ่ยเสียงเรียบ
จริงหรือ!?
นี่เราต้องยืนไปตลอดสองสามวันนี้เลยน่ะนะ?
น่าสังเวชใจมาก!
“สหาย ช่วยตรวจสอบอีกครั้งได้ไหมครับ ผมอยากซื้อตั๋วที่นอนแบบนุ่ม*[1]น่ะ ถ้าไม่มีก็เป็นที่นอนแบบแข็งก็ได้ หรือถ้าไม่มีอีก ขอที่นั่งแบบแข็งก็พอครับ!”
แม้ว่าการนั่งที่นั่งแบบแข็งนานสามวันจะทรมานไปสักหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วจะรอช้าไม่ได้
“คุณต้องการกี่ใบล่ะ?” หลังจากนั้นคนขายตั๋วก็เอ่ยถาม
ท่าทางไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้แย่ เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างงดงามเหลือเกินที่ยังมีตั๋วเหลืออยู่!
ตอนนี้เธอไม่มีเวลาเลือกมากแล้ว ไม่มีที่นอนก็ช่าง ขอแค่มีที่นั่งก็พอแล้ว
“นี่คือบัตรประจำตัวของผมครับ ระบุไว้ชัดเจนว่าสามารถซื้อตั๋วที่นอนแบบนุ่มได้สูงสุดสี่ใบน่ะ”
เสิ่นจื่อเจินยื่นเอกสารประจำตัวที่เก็บไว้ข้างกายให้เธอ
เรามีสามคนก็จริงแต่สามารถซื้อตั๋วได้ถึงสี่ใบ นั่นก็เพื่อให้เราได้พักผ่อนอย่างดี
ป้าจำหน่ายตั๋วหยิบเอกสารมาตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนจะมองเสิ่นจื่อเจินด้วยสายตามีนัย จากนั้นเสี่ยวเถียนก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเข้มงวด
“สหาย ต้องการเตียงชั้นล่างสี่เตียงหรือห้องที่มีสี่เตียงคะ?” ป้าจำหน่ายตั๋วพูดจาสุภาพ
เด็กสาวถอนหายใจ ผู้มีความสามารถได้รับความเคารพต่อผู้อื่นเสมอเลยนะ
“รบกวนขอเป็นตั๋วห้องที่มีสี่เตียงครับ” เสิ่นจื่อเจินยิ้มอบอุ่น แสดงทีท่าเป็นมิตร
และมันทำให้ป้าจำหน่ายตั๋วชื่นชอบมากกว่าเดิม สถานะของเขาไม่ธรรมดาเลย หาได้ยากมากที่จะเข้าถึงได้ขนาดนี้
จากนั้นเธอก็มอบตั๋วให้พวกเราสี่ใบ แต่คนข้าง ๆ กลับมีข้อโต้แย้ง
เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินไปเดินมาแถวนี้อยู่บ่อยครั้งกระทั่งรอบนี้ได้เจอกับเสิ่นจื่อเจินที่สามารถซื้อตั๋วนอนได้รวดเดียวสี่ใบจึงรู้สึกไม่ชอบใจ
“คุณนี่มันยังไงเนี่ย? เมื่อกี้ฉันมาถามแต่คุณบอกไม่มีตั๋วนอนแล้ว แล้วทำไมตาแก่นี่ถึงซื้อได้?”
ป้าจำหน่ายตั๋วไม่คิดสนใจ และตะโกนต่อ “คนต่อไปค่ะ!”
แต่ชายหนุ่มไม่ยินดีที่โดนเมินเฉย เขาตรงดิ่งไปยังช่องจำหน่ายตัวแล้วตะโกนใส่พนักงานคนนั้น
“หมายความว่ายังไง? ตาแก่นี่มันเป็นชู้แกหรือยังไง ตอนฉันมาไม่มีให้ แต่คนมาทีหลังกลับได้ไปก่อนเสียอย่างงั้น?”
คำพูดคำจาน่ารังเกียจทำซานกงทนไม่ไหว เขากำหมัดแน่นหมายจะพุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่าย แต่ป้าคนจำหน่ายตั๋วเอ่ยปากสวนกลับ
“ไอ้หนุ่ม ไม่ใช่ว่าเธอซื้อไม่ได้หรอกนะ แต่ไม่สมควรได้ต่างหาก!”
เสี่ยวเถียนตกใจมาก น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่แยแส แต่คำพูดของเธอทรงพลังมาก!
คนเห็นเหตุการณ์หัวเราะลั่น และมันทำให้ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกอับอายในทันที
สีหน้าเขาดูวิตกกังวล
ถ้าไม่ใช่เพราะช่องจำหน่ายตั๋วแยกจากพื้นที่ข้างนอก เขาคงพุ่งเข้าไปต่อยยายแก่นั้นแล้ว!
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง ฉันไม่สมควรแต่คนอื่นสมควรหรือ ตาแก่นี่ก็ด้วย?”
เขาเหลือบมองหญิงวัยกลางคนด้วยสายตาดูแคลน ไม่เห็นเสิ่นจื่อเจินผู้ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ในสายตาด้วยซ้ำ
ถึงคำพูดคำจาของไอ้หนุ่มมันไม่น่าฟัง แต่ใครหลาย ๆ คนก็เห็นด้วย เราเองก็ซื้อตั๋วยืนมาแล้วเหมือนกันนะ แต่จู่ ๆ ก็มารู้ทีหลังว่าคนจำหน่ายตั๋วขายให้คนอื่นได้ แต่กลับพวกเราบอกว่าไม่มีน่ะนะ? การทำแบบนี้มันจะมากเกินไปแล้ว
“บัตรประจำตัวที่คุณแสดงให้ดูมันซื้อได้แค่ตั๋วที่นอนแบบแข็งเท่านั้น แถมบัตรนี่ก็ไม่ใช่ของคุณด้วย จะขายให้กันได้ยังไง!” ป้าจำหน่ายตั๋วว่าต่อ
“รายละเอียดมันเขียนอะไรไว้ฉันจะไม่พูดแล้วกันเพราะคุณรู้ดีกว่าฉัน แต่ฉันคิดว่าคุณคงกำลังพึ่งพาบารมีบรรพบุรุษตัวเองเพื่อแสดงอำนาจสินะ ทว่าคุณสมบัติยังไม่ดีพอ”
เธอพูดจามีเหตุผลมาก ไม่ว่าชายหนุ่มจะทำตัวไร้เหตุผลขนาดไหนก็ทำได้แค่หน้าแดงเท่านั้น
เอกสารอันนี้เป็นของตาแก่ที่บ้าน และมันซื้อได้แค่ตั๋วนอนแบบแข็งเท่านั้น
“แล้วเขาคู่ควรได้รับตั๋วมากกว่าฉันหรือไง ท่าทางอย่างกับพวกบ้านนอกคอกนา ไม่รู้ว่าใครใจบุญมอบเอกสารตัวเองให้เขาซื้อตั๋วนอนแบบนุ่ม แบบนี้ก็เสียเปล่าไม่ใช่หรือไง?”
เขาเองก็ไม่ใช่คนดี และคนอื่นในความคิดเขาก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน
ประโยคดังกล่าวทำสีหน้าป้าจำหน่ายตั๋วเย็นลง
ในที่สุดแกก็ลุกขึ้นยืน จนเสี่ยวเถียนสะดุ้งโหยง หรือป้าจะอยากจัดการเขาแล้ว ถึงชายหนุ่มนี่จะสมควรโดนทุบตีแต่ป้าจะเริ่มก่อนไม่ได้นะ
“ไอ้หนุ่ม รู้ไหมว่าสหายอาวุโสท่านนี้เขาเป็นใคร?”
“เขาเป็นใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?”
“จะบอกให้ทราบแล้วกัน ท่านนี้คือเสิ่นจื่อเจิน นักวิทยาศาสตร์ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงในประเทศของเรา” ใบหน้าหญิงวัยกลางคนแดงจัดด้วยความโกรธ
“แต่สำหรับคนอย่างเธอคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้หรอกมั้งว่าเขาคือใคร ฉันจะเล่าเรื่องราวให้ฟังเอง”
“อาจารย์เสิ่นอุทิศตนให้กับการวิจัยการผลิตเมล็ดพันธุ์มานานหลายสิบปี จนถึงตอนนี้เขาได้พัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวใหม่สามรุ่นแล้ว เมล็ดข้าวสาลีพันธุ์ใหม่คือรุ่นที่สาม และเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดคือรุ่นที่สี่”
“หลายปีที่ผ่านมา ผลผลิตเราเพิ่มขึ้นปีแล้วปีเล่าเป็นการสนับสนุนงานวิจัยของท่าน และมันยังทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทำให้เรากินอิ่มไม่อดอยาก!”
“แล้วเธอมีเหตุผลอะไรที่ต้องพูดจาดูถูกผู้อาวุโสท่านนี้ด้วย เพราะคิดว่าบ้านของตนเองมีอำนาจงั้นหรือ”
“บอกทีสิ ทำไมคนแบบท่านถึงไม่สมควรได้รับที่นอนนุ่ม ๆ ถ้าคนแบบนี้ไม่สมควร จะมีใครในประเทศสมควรอีกล่ะ?”
ป้าจำหน่ายตั๋วพูดจาฉอด ๆ ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ
เสิ่นจื่อเจินอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกไป ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูไม่เหมาะกับสถานการณ์ทั้งนั้น สถานีรถไฟไม่เคยไร้ผู้คน และตอนนี้ก็มีคนคลาคล่ำเต็มไปหมด
ตอนคนรอบ ๆ ได้ยินประโยคนั้นก็ได้แต่ตกใจ ไม่คิดเลยว่าชายชราที่ดูเข้าถึงง่ายแบบนี้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์มาก่อน!
เมื่อก่อนคนพวกนี้เคยไม่มีข้าวให้กิน ต่อให้คนที่บ้านทำงานเงินไม่ขาดก็ยังไม่มีข้าวให้กินอยู่ดีแต่หลายปีนี้พวกเรามีเสรีภาพในอาหารมากขึ้น
เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะชายท่าทางธรรมดา ๆ ตรงหน้านี้ไง
จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มคนแรก จากนั้นทุกคนก็ปรบมือตาม
[1] รถไฟที่จีนสามารถแบ่งที่นั่งออกได้เป็นที่นั่งแบบแข็ง ที่นั่งแบบนุ่ม ที่นอนแบบแข็ง และที่นอนแบบนุ่ม