เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 868 ส่งข่าวดี
บทที่ 868 ส่งข่าวดี
บทที่ 868 ส่งข่าวดี
หลังส่งจดหมายเสร็จ เสี่ยวเถียนเดินไปตามเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงรายในมหาวิทยาลัย ช่วงหน้าร้อนต้นไม้จะเขียวชอุ่ม แต่ตอนนี้พื้นดินเป็นสีทองทำให้บรรยากาศดูโดดเดี่ยวและอ้างว้างมาก
สายลมเย็นเยือกพัดบาดผิว เสี่ยวเถียนกระชับเสื้อคลุมขนสัตว์พลางลูบต้นไม้ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า มันโอนเอนตอบสนองต่อเธอ ก่อนใบไม้ที่เหลือรอดบนกิ่งก้านจะค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมา
ประจวบเหมาะกับซานกงเดินเข้ามาหา
“น้องเล็ก วันนี้หนาวจะตาย มายืนทำอะไรตรงนี้เนี่ย?”
ซานกงมองใบหน้าแดงก่ำเพราะความหนาวเหน็บของน้องสาวเขาก็เสียใจ จึงถอดผ้าพันคอมาพันให้
เสี่ยวเถียนมีความสุขมากที่ได้เจอเขา ถ้าเจอพี่สองมันไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไร แต่คนที่ปรากฏตัวตรงหน้าเธอคือพี่สาม
“พี่มีข่าวดีมาบอกด้วย” ซานกงมองน้องแล้วยิ้ม
โชคดีที่น้องยังสบายดีอยู่
เจ้าฉืออี้หย่วนนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ คิดจะไปก็ไปไม่ทิ้งคำพูดอะไรไว้ให้สักอย่าง ถ้าได้เจอเมื่อไรเขาไม่ไว้ชีวิตมันแน่
“ข่าวดีคืออะไรเหรอคะ?” เสี่ยวเถียนค่อนข้างสนใจ มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ๆ ที่ทำให้พี่สามมาหาตนได้
และเป็นอย่างที่คิด
เรื่องแรกคือคนที่ลอบทำร้ายเรานั้นมีองค์กรคอยจัดการอยู่เบื้องหลัง หลังจากสอบสวนอย่างละเอียด ก็ถูกสาวไส้ออกมา ถึงจะจัดการไม่ได้ 100% เพราะมีกองกำลังต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนอนบ่อนไส้ที่อยู่ในประเทศก็ถูกโค่นออกไปหมดแล้ว งานวิจัยในอนาคตปลอดภัยแน่นอน
เรื่องที่สองคืองานวิจัยของเราได้รับการยกย่องจากเบื้องบน และได้เงินรางวัลมาก้อนหนึ่งจึงมอบให้เสี่ยวเถียน 200 หยวน และเขามาเพื่อเอาเงินมาให้น้องนี่แหละ
ถึงเงิน 200 หยวนจะไม่ได้มีค่ามากมายสำหรับเสี่ยวเถียน แต่มันเป็นเงินรางวัลที่แสดงถึงเกียรติยศ
เด็กสาวมีความสุขมาก
พูดเรื่องนี้แล้วก็อดนึกถึงเสี่ยวซู่ขึ้นไม่ได้
“พี่สาม หนูอยากส่งเงินให้เสี่ยวซู่จัง ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
ยามนึกถึงเด็กร่างกายผอมแห้งในชุดเสื้อผ้าขาดวิ่น เสี่ยวเถียนรู้สึกไม่สบายใจ
“เรื่องเสี่ยวซู่เราแก้ปัญหาได้แล้วละ”
“แก้ได้แล้วเหรอคะ น้องมีญาติคนอื่นอีกเหรอ แล้วเชื่อถือได้หรือเปล่า”
ถ้าเจอคนแบบลุงกับป้านั่นอีก คงยากที่จะบอกได้ว่าอนาคตเสี่ยวซู่จะเป็นยังไง
“เมื่อวานอาจารย์เสิ่นโทรถามเลขาตู้แล้ว เขาบอกว่าพ่อแม่เสี่ยวลิ่วจื่อตัดสินใจรับเลี้ยงเสี่ยวซู่น่ะ”
พ่อแม่เสี่ยวลิ่วจื่อ?
เสี่ยวเถียนตกใจมาก มันเป็นเรื่องจริงเหรอ ตอนที่อยู่หมู่บ้านได้ยินว่าสองสามีภรรยามีการมีงานทำ แถมงานที่ทำก็ไม่ใช่น้อย แต่ว่าก็มักจะออกเดินทางเพื่อหารายได้เพิ่มเพื่อเอามารักษาลูกชายนี่ แล้วรับเลี้ยงเสี่ยวซู่ได้ยังไงน่ะ?
“หลังจากลุงหรงเสวียกับป้ากุ้ยฮวาให้ยาตามที่เสี่ยวเถียนบอกสุขภาพน้องก็ดีขึ้นมากน่ะ ส่วนพ่อแม่เสี่ยวลิ่วก็เพิ่งจะกลับมา เขาบอกถือเป็นโชคดีของลูกชายเขาแล้ว”
“แล้วก็บอกด้วยว่าเสี่ยวลิ่วได้เจอผู้มีบุญคุณ พวกเขาเองก็จะทำความดีสั่งสมคุณธรรมด้วยเช่นกัน พอพวกเขาเจอเสี่ยวซู่ก็ชอบมาก ลูกชายตัวเองก็ไม่อยากแยกจากกับเพื่อนเลยตัดสินใจรับเลี้ยงน้อง ถือเป็นการหาเพื่อนให้ลูกด้วย”
“เห็นว่าถ้าไม่ต้องจ่ายค่ารักษาให้เสี่ยวลิ่วแล้ว ลำพังเงินเดือนก็พอเลี้ยงลูกสองคนแล้วน่ะ พออาการป่วยลูกหายดีก็ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหาเงินอีกแล้วน่ะ”
เสี่ยวเถียนได้ฟังก็สบายใจยิ่งขึ้น
ครอบครัวอันหรงเสวียถือได้ว่าเป็นคนดี ได้คนแบบนี้เลี้ยง ลูกสาวก็คงจะจิตใจดีไม่ต่างกันสินะ?
คุณย่าอันแกเคยบอกว่า ลูกสาวแกเป็นคนมีลูกยาก ตอนมีเสี่ยวลิ่วก็อายุเยอะแล้ว และตอนนี้มีลูกบุญธรรมอีกคนคงพอใจแล้วละ
“อีกเรื่องนึง เลขาตู้ไปสมัครขอเงินอุดหนุนให้เสี่ยวซู่ด้วยนะ ได้ 20 หยวนต่อเดือนจนกว่าน้องจะอายุครบ 18 เลย ถึงจะมีความสัมพันธ์เป็นลูกบุญธรรมครอบครัวใหม่แต่ยังได้เงินแน่นอน”
ซานกงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
ปัญหาเสี่ยวซู่ทำให้เราทุกข์ใจมาตลอด ทีแรกอาจารย์เสิ่นคิดจะรับมาเลี้ยงเอง แต่ที่โรงงานอาเถาฮวายุ่งมาก ไม่มีเวลาดูลูกอีกคนจริง ๆ ก็เลยต้องยอมแพ้ไป
ตอนนี้เสี่ยวเหมยก็ท้องอยู่ด้วย กำลังจะมีเด็กเพิ่มขึ้นในบ้านอีกไม่ช้า การดูแลเสี่ยวซู่คงจะยากกว่าเดิม แม้ว่าจะเอ็นดูเสี่ยวซู่มาก แต่อาจารย์เสิ่นก็ไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับที่บ้านเพียงเพราะความเห็นอกเห็นใจของตัวเองได้
จากนั้นเขาก็คิดจะส่งเสี่ยวซู่มาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของสองสามีภรรยาถาน
นี่เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีแล้ว ดีกว่าเอาไปฝากให้บ้านอื่นเลี้ยง ถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่พวกเขาทำจะเหมือนดูแลกันสองคน แต่จริง ๆ แล้วยังมีคนจากบ้านเรา บ้านปู่ตู้ และปู่ฉือให้การสนับสนุนอย่างดี อีกอย่างสภาพแวดล้อมก็ไม่เลวเลย
หลังจากหารืออาจารย์แล้วก็โทรไปหาเลขาตู้อีกรอบ ก่อนจะได้ข่าวดีกลับมา
เสี่ยวเถียนไม่คิดเลยว่าทางนั้นจะแก้ปัญหาใหญ่ให้ได้
20 หยวนต่อเดือนไม่ได้เยอะ แต่ชีวิตเสี่ยวซู่จะดีขึ้นจากเงินก้อนนั้นแน่นอน
พ่อแม่เสี่ยวลิ่วดีต่อเสี่ยวซู่ขึ้นอีก เพราะเด็กชายได้รับเงินอุดหนุน อีกทั้งยังไม่ได้พึงพาพวกเขาไปตลอดชีวิต
สำหรับเด็กไร้ญาติ วิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“งั้นเดี๋ยวหนูส่งเงินไปให้พ่อแม่เสี่ยวลิ่วดีกว่าค่ะ ใช้เป็นทุนการศึกษาให้เสี่ยวซู่”
เสี่ยวเถียนตัดสินใจแล้ว และเธอจะไม่มีวันกลับคำด้วย
“ได้สิ งั้นเดี๋ยวพี่รวมเงินตัวเองด้วยแล้วกัน” ซานกงขบคิดก่อนจะเอ่ยออกมา
“พี่สามเก็บเงินไว้เถอะ เผื่อเอาไว้แต่งงานในอนาคตนะ” เสี่ยวเถียนเอ่ยแกล้ง
พี่รองกับพี่สามอายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว อยู่ในช่วงวัยหาภรรยาด้วย ถ้าไม่มีเงินจะทำยังไง?
เทียบกับพี่สี่ที่เป็นเศรษฐีแห่งยุค สร้างรายได้มหาศาลจากธุรกิจทีละขั้น ๆ พี่สามก็เป็นแค่คนยากจนเท่านั้นเอง
อุดมคติอันยิ่งย่อมห่างไกลจากเงินทองอยู่แล้ว!
ซานกงมองน้อง เขามีเงินน้อยจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้จนถึงขนาดควักเงินสองร้อยมาช่วยไม่ได้หรอกนะ
“เอาไปเถอะน่า พี่เป็นพี่ชายนะ จะแย่กว่าเธอได้ยังไง?”
เสี่ยวเถียนถูจมูก
เอาเถอะ ยังไงก็ของเสี่ยวซู่อยู่แล้ว
ตอนนั้นเองที่จ้าวหงเหมยวิ่งเข้ามาหาแล้วบอกว่าอธิการมีเรื่องอยากคุยกับเสี่ยวเถียน