เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 872 เตือนเพื่อน
บทที่ 872 เตือนเพื่อน
บทที่ 872 เตือนเพื่อน
“บ้านเราคนเยอะนะ ขอแค่อย่าส่งเสียงดังกันก็พอ” เสี่ยวเถียนยิ้ม
เธอนึกภาพสมาชิกเกือบสามสิบคนมารวมตัวกันพร้อมตั้งโต๊ะสามตัว แค่คิดก็รู้สึกว่าเสียงดังหูจะแตกแล้ว
“ทุกคนในบ้านมาฉลองปีใหม่ด้วยกันหมดเลยหรือ?” ฉีเสี่ยวฟางสงสัย
ถ้าพูดถึงในพื้นที่ชนบท ครอบครัวใหญ่แบบบ้านซูมีไม่เยอะหรอก
ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกคนจะคุยเรื่องแยกบ้านอีกด้วย รอแค่เธอเรียนจบก็จะให้พวกพี่ ๆ แยกไปอยู่กันเองแล้ว ตอนนี้ก็มีหลายคนที่แยกย้ายไปแล้วตั้งแต่พี่ใหญ่แต่งงาน หาได้ยากมากที่บ้านซูจะใช้เวลาด้วยกันในช่วงปีใหม่ด้วยความรักใคร่กลมเกลียว
“พ่อรองแม่รองนั่งรถไฟมาเย็นนี้น่ะ ส่วนพ่อใหญ่แม่ใหญ่จะกลับมาช่วงวันสิ้นปีแล้วตอนเช้ารุ่งขึ้นก็กลับไปทำฟาร์มต่อ วันแรกของปีใหม่ครอบครัวอาเขยจะมาฉลองด้วยนะ แล้วก็มีพวกพี่รองด้วย”
“อาของเสี่ยวเถียนก็มาฉลองปีใหม่ด้วยหรือ?” ฉีเสี่ยวฟางประหลาดใจกว่าเดิม
เป็นไปได้ยังไงกันนะ?
ปกติลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วจะกลับบ้านมาฉลองปีใหม่กับพ่อแม่ไม่ได้ นี่คือเรื่องสำคัญเลย คนบ้านนี้ไม่ได้ทำกันหรือ?
“ใช่แล้ว เมื่อก่อนพวกเขาก็มานะ มากินข้าววันส่งท้ายปีตลอดเลย” เสี่ยวเถียนไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
สามสาวโล่งใจมาก แม้แต่ลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วก็ยังกลับบ้านมาเฉลิมฉลองด้วยได้ เหมือนว่าคนบ้านนี้จะไม่ค่อยสนใจประเพณีเท่าไรนะ
แล้วพวกเราล่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?
เสี่ยวเถียนที่กำลังยืนนับนิ้วถอนหายใจ
“มีแค่พี่ห้าเท่านั้นแหละที่กลับมาไม่ได้”
เสี่ยวเถียนนึกแล้วก็เศร้า
หลายปีที่ผ่านมามีแค่พี่ห้าคนเดียวเลยที่ไม่ได้กลับบ้าน ทุก ๆ ปีจะขาดไปคนนึงเสมอ ที่จริงไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นนะ ยังมีพ่อแม่แล้วก็ปู่ย่าด้วย พวกเขาคงเป็นกังวลมากเลยใช่ไหมล่ะ ไม่รู้ว่าเมื่อไรเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที
แต่มองดูสถานการณ์แล้วน่าจะเป็นไปได้ยาก
“ครูฝึกซูกลับมาไม่ได้หรือ?”
ถ้าเทียบกับพี่น้องคนอื่นของเสี่ยวเถียนแล้ว คนที่สามสาวคุ้นเคยที่สุดคือซูซื่อเลี่ยงและซูอู่ร่างพวกเธอค่อนข้างเสียใจที่ครูฝึกสุดหล่อคนนี้ไม่ได้กลับเหมือนกัน
“ล่าสุดที่กลับก็ตอนฝึกทหารนั่นแหละ ปีครึ่งแล้ว”
พี่ห้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ เลยรู้สึกสนิทสนมมากกว่าพี่น้องคนอื่น ลึก ๆ เธอก็หวังว่าเราจะได้กลับมาฉลองด้วยกัน
“แต่ดีอีกไม่ถึงปีเขาก็เรียนจบแล้ว ถ้าได้มาประจำที่เมืองหลวงเราก็อาจจะได้ฉลองด้วยกันช่วงปีใหม่ก็ได้”
เธอเอ่ยอย่างมีความหวัง
ตอนเด็ก ๆ ก็มีพี่ห้าที่พาเธอไปวิ่งเล่นด้วยกันเสมอ เหตุการณ์เหล่านั้นเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นานเท่านั้น ตอนนี้พวกเราพี่น้องต่างเติบโตขึ้น สู่วัยที่ต้องออกจากบ้าน และแยกย้ายกันไปตามทางของตนเอง
“ไม่เป็นไรนะ พวกเธอจะได้เจอกันแน่นอน” หลี่เจี้ยนหงตบไหล่ปลอบ
“ไม่พูดแล้วดีกว่า วันนี้ฉันมาชวนทุกคนไปซื้อของด้วยกันพรุ่งนี้น่ะ” เด็กสาวยิ้ม
“ซื้อของหรือ? แต่เราต้องทำงานน่ะสิ”
“คุณย่าบอกว่าพรุ่งนี้คนไม่น่าเยอะน่ะ ส่วนใหญ่เตรียมของสำหรับปีใหม่ ย่าก็เลยให้พวกเธอหยุดน่ะ” เสี่ยวเถียนมีความสุขมาก
ในอีกสิบปีข้างหน้า ผู้คนก็ยังเตรียมของฉลองปีใหม่ที่บ้านเสมอ เพื่อให้รำลึกถึงงานประเพณี เพราะฉะนั้นแล้วยิ่งใกล้วันเท่าไหร่ คนก็ยิ่งมากินข้าวที่ร้านน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ย่าเลยให้สามสาวหยุดพักผ่อน เพราะถ้าอยู่ร้านก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี
“แต่เราไม่มีอะไรที่อยากซื้อเลยนะ”
พวกเธอมองหน้ากัน และเป็นหลี่เจี้ยนหงที่เอ่ยก่อน เพราะฐานะบ้านเราไม่ดีเท่าไร จึงเป็นเหตุผลให้ต้องทำงานพิเศษอยู่ที่นี่ เงินพวกนี้ก็เป็นเงินไว้ใช้สำหรับปีหน้า จะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้ยังไง ถ้าพวกเราเงินออมขึ้นอีกหน่อย ที่บ้านจะได้สุขสบายขึ้น
“ไปเดินเที่ยวก็ได้ ฉันก็ไม่ได้จะซื้ออะไรเหมือนกัน”
เสี่ยวเถียนแค่อยากพาเพื่อไปเดินเล่น สำหรับปีใหม่เธอไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก เสื้อผ้าตัวใหญ่ก็มี ไม่เห็นมีอะไรจะต้องซื้อเพิ่มเลย แต่การออกไปเดินเที่ยวก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศนะ
ยิ่งช่วงก่อนปีใหม่แล้วด้วย มองดูฝูงคนพลุกพล่านก็ถือว่าเป็นความรู้สึกพิเศษอยู่เหมือนกัน
สองปีนี้ทุกคนตื่นเต้นกับปีใหม่หมด แต่อีกเดี๋ยวปีต่อ ๆ ไปก็สู้ปีก่อน ๆ ไม่ได้แล้ว มันไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไป เพราะงั้นเธอจึงชวนเพื่อน ๆ เดินเที่ยวด้วยกัน
“แต่มันทำให้เราได้ทำงานน้อยลงนะ”
“พวกเธอมีหน้าที่แน่นอนเพราะมะรืนจะต้องทำความสะอาดกัน หลังทำเสร็จก็ต้องกลับบ้านไปเตรียมของปีใหม่นะ ไว้ค่อยมาช่วยตอนนั้นก็ได้”
สามสาวไม่อยากเชื่อเท่าไร บ้านซูมีสมาชิกเยอะมาก แถมทำอาหารเก่งด้วย เราจะไปช่วยอะไรได้ล่ะ
“มันไม่ได้มีแค่เตรียมของนะ ต้องเตรียมของส่งไปบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก”
เสี่ยวเถียนเล่าเรื่องเด็ก ๆ ที่คุณปู่คุณย่าถานรับเลี้ยงเอาไว้ให้เพื่อนฟัง ทำให้คนฟังก็ได้แต่ตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าจะมีคนยอมใช้เงินตัวเองเพื่อดูแลลูกหลานคนอื่นด้วย จึงอดตื้นตันใจไม่ได้
ช่วงกลางคืนทั้งสามสาวจะมีการตัดสินใจกันว่าจะซื้อของเล่นให้เด็ก ๆ เพื่อเป็นการมอบความรักให้แก่พวกเขา
“เมื่อก่อนเรารู้ว่าเธอเป็นคนมีพรสวรรค์แต่ไม่เคยรู้เรื่องที่บ้านมาก่อน แล้วตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าบ้านเธอทำหลายสิ่งหลายอย่างเลย”
“ที่จริงบ้านฉันไม่ได้ทำอะไรมากมายเลย เป็นความดีความชอบคุณปู่คุณย่าถานมากกว่าที่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้เด็กสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวน่ะ” เธอไม่รับความดีนี้ไว้
การบริจาคเงินและสิ่งของเป็นเรื่องง่าย ที่ยากคือการดูแลพวกเขาเป็นประจำมากกว่า
“สรุปแล้วบ้านเธอจิตใจดีกันหมดต่างหาก พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่กับเธอนะ!” หลี่เจี้ยนหง
ตัวเธอไม่ได้แค่ยกย่องเสี่ยวเถียนและครอบครัวเท่านั้น แต่ยังแอบสาบานเลยในอนาคตจะช่วยคนให้มากเท่าที่จะทำได้
“เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันอีกที พรุ่งนี้ไปเที่ยวอย่าลืมซื้อของให้ตัวเองสักชิ้นสองชิ้นเพื่อให้อินกับบรรยากาศด้วยล่ะ”
“ในอนาคตจะมีโอกาสให้ทำงานอีกมาก ถ้าพวกเธอเต็มใจจะมาทำช่วงวันหยุดอีกก็ได้นะ ทำสักปีนึง อาจจะไม่ได้เยอะอะไรแต่ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยมากกว่า อย่างน้อยก็ทำธุรกิจเป็นของตัวเองก็ได้ อย่าไปอาย ช่วงเวลาแบบนี้แหละที่เป็นโอกาสให้เราได้กอบโกยเงิน”
เสี่ยวเถียนถือโอกาสเตือนเพื่อน และหวังว่าอนาคตทั้งสามจะไม่เป็นเหมือนอย่างเดิม