เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 882 ครบแล้ว
บทที่ 882 ครบแล้ว
บทที่ 882 ครบแล้ว
หลี่เจี้ยนหงหมุนแถบไม้ไผ่อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะมัดไว้อีกครึ่งของโคมซึ่งตรงกันข้ามกับที่ซื่อเลี่ยงทำไว้เลย
“รุ่นพี่ ลองดูนะ ต้องทำแบบนี้ค่ะ” เธอเห็นท่าทางน่าสงสารของเขาก็อดสอนไม่ได้
เดิมทีเขาเป็นคนใจร้อน แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนสนิทเสี่ยวเถียน ตนเล็งเห็นความตั้งใจดีจึงลองทำตาม
เสี่ยวเถียนมองเห็นภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ปิดปากหัวเราะ มีการปฏิสัมพันธ์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี! บางทีเธออาจจะได้พี่สะใภ้เร็ว ๆ นี้ พวกเรากับพี่รองเรียนจบพร้อมกันพอดี ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่จะแต่งงาน
ซื่อเลี่ยงไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนจะทำให้น้องสาวคิดไปไกล ถ้ารู้เข้าคงจะลูบหัวน้องสาวแล้วบอกว่าเธอเป็นเด็กดื้อแน่ ๆ
ไม่นานเราก็แขวนโคมเสร็จ
แต่ซื่อเลี่ยงยังทำไม่ได้เลย
ภาพลักษณ์พี่ชายในใจหลี่เจี้ยนหงถล่มลงทันที
ขนาดพี่รองของบ้านที่ว่าเก่ง ๆ ยังทำไม่ได้เลย!
ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเถียนหันไปเห็นคนในชุดสีเขียวปรากฏตัวที่ประตูบ้าน
พี่กลับมาแล้วหรือ?
เธอกะพริบตา อย่างไม่อยากจะเชื่อ
แต่อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
พี่กลับมาแล้วจริง ๆ หรือ?
“เสี่ยวเถียน ครูฝึกซูกลับมาแล้วนะ!” ฉีเสี่ยวฟางยิ้ม
สาวน้อยถึงค่อยแน่ใจว่าพี่ชายกลับมาจริง ๆ
“ย่า แม่ พี่กลับมาแล้วค่ะ!” เธอตะโกนเรียกเสียงดังลั่น
แต่คนอื่น ๆ ยุ่งกันอยู่จึงไม่ได้สนใจทิศทางที่ประตูแต่อย่างใด แค่ตอบรับตอนได้ยินเสียงเท่านั้น
ซูอู่ร่างถือกระเป๋าสีเขียวทหารใบใหญ่ สายตามองน้องสาวด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้า โชคดีที่ตนเองกลับมาทันปีใหม่พอดี ก่อนกลับมาเขารีบมากจนไม่มีเวลาโทรบอกทางบ้านด้วยซ้ำ
เหลียงซิ่วที่กำลังผิดหวังอยู่ตกใจมากเมื่อเห็นลูกชายคนโตปรากฏตัว
เธอมองลูกชายทั้งน้ำตา
เมื่อเห็นเหลียงซิ่วร้องไห้ คนอื่น ๆ ก็เริ่มตกใจกันขึ้นมา หลานชายไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่กับเราตั้งหลายปีแล้ว ปีนี้คิดว่าเขาคงจะไม่ได้กลับมาอีกเช่นเคย แต่ตอนนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่หน้าบ้านเสียอย่างนั้น
“เสี่ยวอู่เอ้ย รีบเข้ามาเร็วเข้า ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นเล่า?” คุณปู่เรียกหลานชาย
ในที่สุดครอบครัวของเราก็ได้อยู่พร้อมหน้ากันสักที
ปีใหม่ปีนี้เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
ทุกคนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เราเป็นกังวลมาว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บระหว่างการฝึก กลัวว่าจะไม่ได้กินอาหารดี ๆ มีแต่คนเป็นห่วงเต็มไปหมด
หลังจากทักทายผู้ใหญ่ในบ้าน เขาก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มน้องสาว
“สูงขึ้นอีกแล้วนะ”
“อย่าหยิกแก้มหน้าหนูสิ หนูโตแล้วนะ” เสี่ยวเถียนพึมพำ
“ไม่ว่าจะโตขึ้นแค่ไหน ก็ยังเป็นน้องพี่อยู่ดีนั่นแหละ”
“มาช่วยหนูแขวนโคมเลยนะ” ซูเสี่ยวเถียนออกคำสั่ง
“ไปเอามาจากไหนเนี่ย สวยจัง” อีกฝ่ายว่าก่อนจะมองสำรวจ
“เสี่ยวอู่น่าจะเดินทางมาเหนื่อยแล้วนะ ให้พี่ทำเถอะ!” ซานกงเอ่ยก่อนจะเข้าไปหยิบโคมมา
“ทีแรกก็ไม่ได้จะให้ช่วยสักหน่อย ใครใช้ให้เขามาบีบแก้มหนูก่อนล่ะ” เสี่ยวเถียนมุ่ยหน้า เรียกเสียงหัวเราะร่าจากทุกคน
สุดท้ายอู่ร่างและซานกงก็ช่วยกันทำแทน ตอนนั้นเองที่ผู้หญิงในบ้านจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
ซื่อเลี่ยงถือประทัดไว้หลายเส้นเลย เตรียมพร้อมดำเนินการ ตามธรรมเนียมบ้านเกิด เราต้องจุดประทัดก่อน แล้วค่อยสักการะเทพยดาและบรรพบุรุษ จากนั้นค่อยถึงเวลาอาหาร
“พี่รองมาจุดไม่รอเราเลยนะ”
ก่อนจะเริ่มก็ได้ยินเสียงเสี่ยวปาดังขึ้น
เด็กชายทั้งสี่กลับมาแล้ว
คนเป็นพี่ยิ้มแล้วส่งธูปให้เขา
เสี่ยวปาจุดพร้อมกับเสี่ยวจิ่วอย่างมีความสุข ส่วนคุณปู่เริ่มกราบไหว้บรรพบุรุษไหว้เทพเจ้าด้วยความเคารพแล้ว
คุณย่าซูเอาแต่พึมพำว่าจะต้องไหว้ราชามังกรด้วย แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ห่างไกลจากแม่น้ำ จะไปวัดก็ไม่ได้ เลยจุดแค่ธูปแท่งเดียวถึงท่านพอ
คนบ้านซูรู้กันอยู่แล้วว่าหญิงชราจะทำอะไร แต่พวกหลี่เจี้ยนหงไม่รู้ด้วย
โชคดีที่พวกเธอไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็นขนาดนั้น ถึงจะได้ยินแต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยปากถาม
“แม่ ต่อให้ไปที่แม่น้ำราชามังกรที่นี่กับที่บ้านก็ไม่เหมือนกันนะ”
คนที่จะพูดจาแบบนี้ได้ก็มีแค่เหล่าซานเท่านั้น สิ้นประโยคก็โดนมารดาค้อนปะหลับปะเหลือก
“จะได้เป็นปู่คนแล้วแท้ ๆ แต่พูดจาไม่รู้ความจริง ๆ เล้ย” คุณปู่มองลูกชายแล้วเหน็บแนม
เหล่าซานถูจมูก เมื่อไรหนอจะได้เป็นปู่กับเขา? เสี่ยวอู่ยังเด็กอยู่เลย ซื่อเลี่ยงยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ การได้เป็นปู่คนมันช่างห่างไกลเสียเหลือเกิน
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด ก็ถึงเวลากินข้าว
เสี่ยวเถียนเปิดทีวีไว้รอ เพื่อที่ทุกคนจะได้ดูไปด้วยกินไปด้วย จำได้ว่ารายการเทศกาลปีใหม่จะเริ่มขึ้นในปีนี้ และอีกสิบปีให้หลังก็จะกลายเป็นรายการมาตราฐานของทุก ๆ คน
ชาติที่แล้วเรายังใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านหนานหลิ่งด้วยความน่าสมเพชอยู่แล้ว พอมีโอกาสก็ตั้งใจจะดูสักครั้ง แต่ทุกคนกลับบอกว่ามันน่าเบื่อ
บ้านเราคนเยอะแยะ คึกคักกว่าดูทีวีอีกไม่ใช่หรือ?
ถึงบ้านเราจะซื้อทีวีมาแล้ว แต่คนเฒ่าคนแก่ไม่ชอบหรอก เพราะกลัวแต่จะเปลืองไฟกลัวว่ามันจะพัง
“เปิดไว้ให้คึกคักก็ได้ครับ” เฉินจื่ออันว่า
“เปิดไปเถอะ เราก็กินข้าวของเราไป ให้คนในนั้นคุยกันเองแล้วกัน”
คุณย่าซูจัดการให้เสร็จสรรพ
เสียงประทัดจากด้านนอกฟังดูคึกคักมาก แล้วมื้ออาหารในวันส่งท้ายปีเก่าของเราก็เริ่มต้นขึ้น
ในเรือนหลักมีโต๊ะสามตัวที่รายล้อมไปด้วยผู้คน นี่คือวันปีใหม่ของตระกูลซู ซึ่งเป็นช่วงที่มีคนมากที่สุด และมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
คุณปู่คุณย่าซู คุณปู่คุณย่าตู้ และฉือเก๋อนั่งโต๊ะหลัก ตามด้วยลูกชายทั้งสามของบ้านและเฉินจื่ออัน
ผู้หญิงในบ้าน และเพื่อน ๆ เสี่ยวเถียนจัดโต๊ะอีกตัว เฉินซิ่วหย่วนยืนกรานจะนั่งกับพี่สาวให้ได้เลยได้มานั่งด้วยกัน
ส่วนคนที่เหลือนั่งโต๊ะตัวสุดท้าย