เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 887 เงินปีใหม่
บทที่ 887 เงินปีใหม่
บทที่ 887 เงินปีใหม่
ฉือเก๋อ ตู้ถงเหอและคนอื่น ๆ ก็อยู่บ้านซูเช่นกัน เพราะบ้านเราอยู่ไม่ไกลจากกันนักจึงใช้ช่วงปีใหม่อยู่ด้วยกันอย่างมีสีสัน แต่พอเห็นว่าที่บ้านมีแขกคนใหญ่คนโตมาหา ก็รู้สึกว่าอาจจะเป็นการรบกวนเลยจะกลับ
กลุ่มหลี่เจี้ยนหงเองก็งก ๆ เงิ่น ๆ
ในตอนที่ทุกคนจะไป ต่งหยวนจงก็ได้หยุดเอาไว้ และยืนกรานว่าให้อยู่ต่อ และมานั่งคุยด้วยกัน
“ไม่ต้องไปหรอกนะทุกคน อุตส่าห์ได้เจอกันทั้งที เรามานั่งคุยกันเถอะ ใช่ว่าจะไม่รู้จักกันเสียหน่อย”
วันนี้เป็นโอกาสหายากจริง ๆ เพราะปกติไม่มีอะไรแบบนี้หรอกนะ รัฐมนตรีอู๋และรัฐมนตรีฉางรบกวนให้ต่งหยวนจงแนะนำคนบ้านซู หลังจากแนะนำกันเสร็จ รัฐมนตรีฉางมองคุณปู่ซูด้วยความตกใจอยู่นาน
และในที่สุดก็พูดว่า ”ฉันเข้าใจแล้วว่าอะไรคือ ‘ไปมาหาสู่ไร้คนเขลา’*[1] คนบ้านซูไม่ธรรมดาจริงๆ!”
รัฐมนตรีอู๋หัวเราะ “เมื่อวานฉันเชิญอาจารย์เสิ่นจื่อเจินมาที่บ้านด้วย เขาบอกอยากมาอวยพรพ่อตา เลยเดาว่าน่าจะมาที่นี่”
เสิ่นจื่อเจินได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการเกษตรกรรมในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ไปเสียแล้ว ผู้นำจากกระทรวงพาณิชย์เองก็มักได้ยินเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ถึงรัฐมนตรีฉางจะไม่ได้รับผิดชอบในส่วนงานของเกษตรกรรม แต่ก็ได้ยินชื่อและผลงานอยู่บ้าง
“อาจารย์เสิ่นเป็นลูกเขยพี่ซูหรือครับ?” จากนั้นก็ถามด้วยความตกใจ
ประโยคนี้ทำคุณปู่ซูอึดอัดนิดหน่อย จะตอบยังไงดีล่ะ?
บอกว่าเป็นลูกเขยเองครับ แบบนี้หรือ?
ไม่อยู่แล้ว!
แถมยังแปลกใจอีกว่าทำไมจู่ ๆ เสิ่นจื่อเจินก็บอกว่าจะมาอวยพรพ่อตา?
ถึงบ้านเราจะสนิทกัน แต่เขาไม่ใช่พ่อตาหรอกนะ!
“อาจารย์เสิ่นเป็นลูกเขยของลูกสาวฝั่งญาติพี่ใหญ่ แต่ทั้งสองบ้านเขาสนิทกันเหมือนญาติแท้ ๆ น่ะ”
ในจังหวะคับขันก็ได้ต่งหยวนจงเข้ามาช่วยอธิบาย
เห็นเลยว่าพี่ใหญ่ยังไม่อยากเป็นที่พูดถึง
ไม่แปลกใจที่เขาเป็นคนดีที่แสนธรรมดามาตลอดชีวิต เจอผู้นำยศใหญ่ตั้งมากมายแต่ยังคงนั่งได้อย่างมั่นคงอยู่เลย และเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายลำบากใจ เขาจึงเบนไปยังเฉินจื่ออันแทน
“ส่วนคนนี้เป็นลูกเขยแท้ ๆ ของพี่ใหญ่เอง อาจจะไม่คุ้นเท่าไรแต่น่าจะได้เจอกันอยู่นะ”
ปัจจุบันเฉินจื่ออันดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำของลี่เฉิง ก่อนหน้านี้เขาเป็นแค่รองเท่านั้น คนใหญ่คนโตจากกระทรวงต่าง ๆ ในเมืองหลวงเคยเจอเขามาแล้ว
“เหมือนเลขาเฉินของลี่เฉิงเลย แต่ไม่กล้าคิดเลย” รัฐมนตรียิ้ม
คงจะแปลกถ้าผู้นำลี่เฉิงมาอยู่ที่เมืองหลวงโดยไร้เหตุผล แถมยังอยู่ที่บ้านซูอีกด้วย แต่ต่งหยวนจงบอกว่าน่าจะได้เจอกัน แสดงว่านั่นคือเลขาของลี่เฉิงจริง ๆ
เทียบกับความขลาดเขลาของคู่ปู่ซูแล้ว เฉินจื่ออันรับมือได้ดีกว่ามาก ถึงอีกฝ่ายจะมียศสูงกว่า แต่ตนจะกลัวได้ยังไงในเมื่อต่งหยวนจงดูคุ้นเคยกับพวกเขาดี
“เป็นเกียรติที่ได้พบรัฐมนตรีอู๋และรัฐมนตรีฉางครับ! สวัสดีท่านรัฐมนตรีสองคนด้วยนะครับ!”
เฉินจื่ออันอุ้มลูกชายอยู่ด้วย ก่อนจะทักทายทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
สองรัฐมนตรีตกใจกว่าเดิม
หลานสาวเป็นภรรยาอาจารย์เสิ่นที่เป็นผู้นำด้านการเกษตร
ลูกเขยก็เป็นผู้นำลี่เฉิงตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีศักยภาพสูงในอนาคตเลยด้วย! นี่มันครอบครัวแบบไหนกันเนี่ย?
ทำไมลูกสาวบ้านนี้โชคดีทุกคนเลย?
พวกเขามาจากตะวันตกเฉียงเหนือจริง ๆ หรือ?
หลาย ๆ คนมองชายชราด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
มันทำให้คุณปู่ซูเขินอายเล็กน้อย
แต่เขายังยึดถืออย่างเข้มแข็ง
“ไม่ยุติธรรมเลยนะเหล่าต่ง ไม่เห็นบอกกันบ้างเลยล่ะ?”
ได้พบกับเลขาเฉินแถมเจ้าตัวยังอุ้มลูกชายไว้ด้วยอีก ของขวัญที่เราเอามาเหมือนจะไม่พอนะ
ต่งหยวนจงกำลังตื่นเต้น เลยพูดออกมาโดยไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“ซิ่วหย่วน อวยพรปีใหม่ให้คุณปู่สองท่านนี้หน่อยสิ! ปีใหม่แล้วต้องพูดอะไรที่เป็นมงคล ๆ เยอะ ๆ นะ”
ที่จริงซิ่วหย่วนไม่รู้จักต่งหยวนจงหรอก แต่ก็ยังเข้าไปอวยพรปีใหม่ได้อย่างดี
ในฐานะที่เป็นหลานชายคนเล็กของบ้าน ขอแค่พูดคำอวยพรก็จะได้เงินปีใหม่มาแล้ว เจ้าตัวเล็กมีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจน
ได้ยินเช่นนั้นเจ้าตัวก็ลงจากแขนผู้เป็นพ่อแล้วเข้ามาทักทายทันที
เฉินจื่ออันไม่ทันระวัง
และไม่ทันได้ห้ามไว้ด้วย
“ขอให้คุณปู่ทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่ สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีโชคมีลาภ มีแต่ความสุขความเจริญ และสมความปรารถนาคับ!”
ไม่รู้ว่าเด็กน้อยไปร่ำเรียนมาจากใคร เขาถึงได้เอ่ยคำพูดมงคลออกมาได้มากมาย
การได้เห็นคนเฒ่าคนแก่ถือเป็นเรื่องพิเศษ
“เด็กดี พูดเก่งตั้งแต่ตัวเท่านี้เองนะ”
รัฐมนตรีอู๋ยิ้มแล้วเอ่ยชม ก่อนจะดึงเจ้าตัวน้อยขึ้นมาอุ้ม ลูกชายที่บ้านล้มเหลวในสิ่งที่เขาคาดหวัง จึงยังไม่มีหลานชายให้เล่นด้วยจนถึงตอนนี้เลย
การได้เจอเด็ก ๆ เป็นเรื่องพิเศษจริง ๆ
รัฐมนตรีฉางยิ้ม “ตอนเขาบอก ‘มีโชคมีลาภ’ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าประโยคต่อไปจะเป็น ‘อายุยืนยาว’ เสียอีก”
ซิ่วหย่วนเอ่ยว่าจาเคร่งขรึม ก่อนจะจับมือน้อย ๆ ของตัวเอง “อายุยืนยาวเอาไว้พูดในวันเกิดคับ พูดวันปีใหม่ไม่ได้”
ทุกคนขบขันกับคำพูดคำจาของเขา
“ใช่แล้ว เจ้าตัวเล็กฉลาดมากเลยนะ มา ๆ เดี๋ยวปู่ให้เงินปีใหม่”
ถึงจะไม่ได้เตรียมของขวัญมาพอแต่โชคดีที่ตนยังมีเงินติดตัวมาด้วย
จากนั้นเขาก็หยิบธนบัตรใบใหญ่ออกมา (มีค่า 10 หยวน) แล้วมอบให้เจ้าตัวเล็ก
เฉินจื่ออันรีบเรียกเสียงดัง “ซิ่วหย่วน!”
เด็กชายเห็นสีหน้าไม่ยินดีของพ่อก็รีบเก็บความอยากได้ลงไปทันที
“จื่ออัน ดูคุณซิ ทำลูกตกใจหมดแล้ว” ต่งหยวนจงบ่นด้วยใบหน้าแน่นิ่ง
อายุตั้งขนาดนี้แล้ว การทำให้เด็กมันกลัวไม่มีประโยชน์เลย
เฉินจื่ออันรีบบอก “แต่เราจะตามใจเขาไม่ได้นะครับ”
“ไร้สาระน่า ตัวแค่นี้จะไปเคยตัวอะไรล่ะ? การให้เงินปีใหม่ก็ถือว่าเคยตัวแล้วหรือ? ตอนเด็ก ๆ มีใครบ้างไม่อยากได้เงินนี้บ้างล่ะ”
รัฐมนตรีทั้งสองมองจื่ออันด้วยสีหน้าตำหนิราวกับเขาทำผิดมหันต์
เสี่ยวเถียนหัวเราะเมื่อเห็นอาเขยเสียมาด เมื่อเด็กน้อยได้เงินจำนวนมากกลับมา ก็รีบใช้ขาอ้วน ๆ วิ่งเข้ามาอวดพี่สาว
เสี่ยวเถียนบีบจมูกน้องตัวน้อย
เด็กคนนี้ชอบเงินแต่เด็กเลย โตขึ้นต้องเหมือนพี่สี่แน่ ๆ
ในเมื่อคนเล็กได้แล้ว แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
เราต้องมีความเท่าเทียมนะ
แต่คุณปู่ซูเป็นกังวล บ้านเรามีหลานตั้งสิบคน ให้เงินปีใหม่ทุกคนต้องใช้เงินขนาดไหนกัน?
“เกรงใจมากเลย ให้เสี่ยวเถียนก็พอแล้วละ ส่วนคนอื่น ๆ โตกันหมดเแล้ว” แกรีบบอก
เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี เสี่ยวปา เสี่ยวจิ่วโตแล้วหรือ?
เอาเถอะ เราเป็นพี่นี่เนอะ โตก็โต
“ยังไม่โตสักหน่อยค่ะ พวกเขายังเด็กอยู่เลยนะ” ฟ่านชูฟางยิ้ม
“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ ถ้าไม่สบายใจไว้มีก็ค่อยให้ของขวัญตอบแทนไงครับ!” ต่งหยวนจงเอ่ยอย่างร่าเริง
ประโยคนี้ทำทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ดีสักนิด
[1] หนึ่งในบทกวี ‘จารึกเรื่องโกโรโกโส’ หมายถึง รอบข้างมีแต่ผู้รู้ ผู้มีการศึกษา