เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 896 ผิดไปแล้ว
บทที่ 896 ผิดไปแล้ว
บทที่ 896 ผิดไปแล้ว
การที่เสี่ยวหลิ่วจะคิดแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดหรอก แต่เธอไม่รู้จักสังเกตจากสีหน้าและคำพูด จึงถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง
ถ้าเธอมีกึ๋นสักหน่อยก็คงรู้ว่าเจ้านายไม่ได้คิดจะรักษาหน้าฟ่านชูฟาง แต่เป็นเพราะชอบอาหารนั่นจริง ๆ ต่างหาก
แล้วหญิงสาวก็จะรู้ด้วยว่าเสี่ยวเถียนกับเธอไม่ได้มีความขัดแย้งหรือผลประโยชน์อะไรต่อกัน จึงไม่จำเป็นต้องอิจฉาริษยา
น่าเสียดายที่เสี่ยวหลิ่วคิดแค่ว่าตัวเองฉลาดมาก และทำเพื่อเจ้านาย
หญิงสาวเดินถือกล่องอาหารกลับไปก่อนจะเห็นคนทั้งสามนั่งล้อมโต๊ะพร้อมอาหารหลากหลายอย่างวางอยู่บนนั้น
ข้าวในกล่องมีเพียงครึ่งเดียว แต่เมื่อรวมกับข้าวเจ็ดแปดอย่างเข้าไปแล้วก็ไม่ถือว่าน้อย
แล้วดูสิ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น
ถึงจะเย็นชืด แต่ทุกอย่างยังกินได้อยู่
อย่างหมูก้อนทอด ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน สามชั้นต้มซอสกระเทียม เนื้อวัวฝอย ขาไก่ตุ๋น และเนื้อตุ๋น
เมื่อเห็นของอร่อยบนโต๊ะ เสี่ยวหลิ่วพลันรู้สึกว่าอาหารที่ตัวเองเอามาไม่น่ากินสักนิด
ของพวกนี้จะเทียบกับอาหารที่ปรุงอย่างพิถีพิถันได้ยังไงกัน?
ขนาดข้าวปั้นที่เป็นจานหลักก็ยังถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี
ข้าวขาวที่ใช้ในข้าวปั้นเหมือนจะต่างจากข้าวขาวทั่ว ๆ ไป เม็ดใส มีขนาดเท่า ๆ กัน ต่อให้มีกลิ่นเนื้อกลบ ก็ยังได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของข้าว
เสี่ยวหลิ่วชักรู้สึกว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว
เธอไม่ควรถือวิสาสะซื้อข้าวมาเองเลย ควรทำตามที่เจ้านายสั่งแต่แรก
“เสี่ยวหลิ่ว ทำไมเธอมาช้าจังล่ะ?” หยางลี่หมิงเหลือบมองเด็กสาวหลังจากคีบหมูก้อนทอดขึ้นมา
ฝ่ายลูกน้องรีบยิ้มตอบ “ฉันถือโอกาสแวะไปซื้อข้าวมาด้วยค่ะ”
น้ำเสียงเธอแผ่วเบา ก็อาหารที่เอามาไม่ได้น่าอวดเลยสักนิด จะให้ทำยังไงล่ะ?
เสี่ยวเถียนยิ้มทัก “พี่เสี่ยวหลิ่วมาแล้ว มากินข้าวด้วยกันสิคะ วันนี้หนูห่อมาเยอะเลย”
เสี่ยวเถียนเอาอาหารมาเยอะมาก นอกจากเนื้อก็ยังมีแตงกวา มะเขือเทศ แล้วก็ผลไม้หลังมื้ออาหารด้วย
คุณย่ารักหลานสาวแกมาก กลัวว่าจะอดอยากระหว่างทาง
เลยเตรียมการไว้อย่างดีที่สุด และให้คุณค่าทางโภชนาการที่เพียงพอ
นอกจากนี้ยังเตรียมเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย
แม้อาหารที่เรานำมามีพอกินกันแค่สี่คน แต่จากที่ฟ่านชูฟางเคยบอกไว้ เราสามารถแบ่งปันบางส่วนแก่คนอื่น ๆ ได้
ถึงแม้คนอื่นที่ว่าจะได้รับส่วนแบ่งน้อยและกินไม่อิ่ม แต่ทั้งสี่คนในห้องโดยสารนี้กินพอแน่นอน
แต่ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวหลิ่วจะแอบไปซื้อข้าวมาด้วยตัวเอง ต่อให้คุณย่าหยางจะบอกไว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม
หากไม่ใช่เพราะความรักจากท่าน เสี่ยวเถียนก็ไม่คิดจะเรียกมากินด้วยกันหรอก
ในเมื่อซื้อข้าวมาแล้ว ก็กินของตัวเองไปสิ!
แต่จะให้ทั้งสองคนกินอาหารของรถไฟต่อหน้าอาหารที่เธอเอามาก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
ยิ่งตรงหน้ามีอาหารละลานตาแบบนี้ ใครหน้าไหนจะเต็มใจกินข้าวต้มที่ไม่ได้มีความอร่อยแบบนั้นล่ะ
หยางลี่หมิงเหลือบมองกล่องอาหารกลางวันของเสี่ยวหลิ่ว ก่อนเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ในเมื่อซื้อมาแล้ว จะทิ้งให้เสียของไม่ได้”
ประโยคเดียวทำเด็กสาวหวาดผวา
เธอมองเจ้านายด้วยสายตาสับสน นึกสงสัยว่าตนทำอะไรผิด
เห็นกันชัด ๆ ว่าอีกฝ่ายไม่มีความสุขสักนิด
แล้วตอนนี้เธอควรทำยังไงล่ะ?
เสี่ยวหลิ่วมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจเสมอ เธอหวังว่าจะทำให้เจ้านายพึงพอใจเพื่อแลกกับอนาคตที่ดีของตัวเอง
เพราะครอบครัวของเธอต่างก็ให้ความสำคัญแต่ลูกชาย เธอจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา นอกจากขยันด้วยตัวเองก็ไม่มีอะไรมากมายแล้ว
แต่ตอนนี้เธอทำผิดไป ทั้งยังทำให้เจ้านายไม่พอใจ งั้นควรจะทำยังไงดีล่ะ?
“ท่านประธานคะ…”
เสี่ยวหลิ่วเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
พูดอะไรดีล่ะ?
แล้วควรพูดอะไรล่ะ?
“เสี่ยวหลิ่ว ทำอะไรไว้รับผลที่ตามมาด้วยละ ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะ”
เด็กสาวกลัวมากจนแทบร้องไห้อยู่รอมร่อ
ใช่ ท่านประธานพูดชัดแล้ว แต่เธอตัดสินใจทำมันด้วยตัวเอง
แต่ประโยคที่ว่า ‘จะทิ้งให้เสียของไม่ได้’ ทำให้เธอเป็นกังวล
กล่องข้าวใบใหญ่สองกล่อง ภายในนั้นมีอาหารใส่อยู่เต็ม เธอจะกินหมดคนเดียวได้ยังไง?
แล้วครอบครัวของท่านประธานหวงแหนอาหารมาก ๆ จะทิ้งไม่ได้เลยด้วย!
ถ้ากินหมดคนเดียว เธอจะตายไหมนะ?
เสี่ยวเถียนเป็นกังวลกับความฉลาดของสาวตรงหน้าเล็กน้อย
บนรถไฟมีคนกินดื่มอยู่เยอะแยะมากมาย แต่พวกเขาก็มีมากกว่ายี่สิบคนนะ ต้องมีคนกินไม่อิ่มบ้างละ
ไม่คิดจะเดินไปดูห้องข้าง ๆ หรือไปที่โบกี้อื่นหรือ?
ทำไมต้องมายืนทำหน้าจะร้องไห้อยู่นี่ด้วย?
เสี่ยวเถียนรู้สึกจนปัญญา
ถ้าเธอเป็นเจ้านายคน ก็คงไม่ชอบลูกน้องแบบนี้เหมือนกัน
ใบหน้าของหยางลี่หมิงฉายแววประหลาดใจออกมา
บทจะฉลาดก็ฉลาด แต่บทจะโง่ก็ทำท่าเหมือนหนีออกจากบ้านเสียอย่างนั้น
“เธอก็ไปดูห้องข้าง ๆ นู่นสิ!” หยางลี่หมิงพูดขึ้นในที่สุด
จากนั้นเสี่ยวหลิ่วถึงตระหนักได้ว่าตนสามารถไปหาคนอื่น ๆ มาช่วยกินได้
แต่อาหารบนโต๊ะมันน่าอร่อยมากเลยนี่
ถ้าบอกว่าไม่อยากกินอาหารของรถไฟแล้วจะทำยังไงล่ะ?
เสี่ยวหลิ่วได้แต่เสียใจ ถ้าไม่ใช่เพราะไปซื้อข้าวมาเอง ตอนนี้ก็คงได้กินอาหารแสนอร่อยตรงหน้าแล้วใช่ไหม?
แน่นอนว่าเจ้าตัวยังมีสมองอยู่บ้างจึงไม่กล้าพูดออกมา แล้วเดินออกไปหาคนมาช่วยกินข้าวแทน
หยางลี่หมิงหยิบตะเกียบคีบสามชั้นต้มขึ้นมา “ดูดีกว่าอาหารบนรถไฟเสียอีก ถ้าฉันห่ออาหารขึ้นมากินได้ทุกครั้งก็คงดีสิ”
ว่าจบก็แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา
คุณย่าซูเป็นคนที่เก่งจริง ๆ แม้แต่อาหารที่เตรียมมาให้กิน
รสชาติยังอร่อยเลย
เสี่ยวหลิ่วบังเอิญได้ยินคำพูดนั้น ก็ยิ่งหดหู่และเสียใจหนักกว่าเก่า
เธอตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไรโดยพลการอีก
เสี่ยวเถียนมองอาหารบนโต๊ะอย่างเป็นกังวล
ถ้าขาดคนกินไปหนึ่งคนเราจะกินไม่หมดนะ ทำยังไงดีล่ะ?
แถมเริ่มกินไปแล้วด้วย จะเอาของเหลือไปให้คนอื่นก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
ตอนนี้อยู่บนรรถไฟเสียด้วย ถ้ากินเยอะก็ไม่ดีอีก
ขณะที่กำลังเครียด จู่ ๆ มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น