เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 900 ลูกชาวบ้าน
บทที่ 900 ลูกชาวบ้าน
บทที่ 900 ลูกชาวบ้าน
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขบคิดได้ว่าตนสามารถสร้างคุณประโยชน์ได้ ท่าทีของเขาจึงดีขึ้น
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ขอแค่จับคนพวกนี้ได้ก็รอผลงานมาเคาะประตูหน้าบ้านได้
เขาเอ่ยขอบคุณเสี่ยวเถียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่สนับสนุนในหน้าที่การงาน ทั้งยังย้ำว่าจะไปที่ตู้โดยสารหมายเลข 9 ตอนสามทุ่มแน่นอน
เด็กสาวพึงพอใจกับคำตอบไม่น้อย
เธอเชื่อว่าหากตำรวจบอกจะไป เขาจะต้องไปแน่นอน
“คุณตำรวจทำหน้าที่ต่อเถอะค่ะ หนูไปก่อนนะคะ!” เธอกล่าวอย่างสุภาพและโบกมือลา
จากนั้นก็เดินกลับไป
เจ้าหน้าที่มองเด็กสาวพลันยิ้มแล้วส่ายหัวน้อย ๆ “สาวน้อยคนนี้เก่งจริง ๆ จิตใจดีด้วย กลัวว่าตัวเองจะตกเป็นเป้าหมายสินะ หากคนพวกนั้นรู้เข้า”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฝั่งเจ้าหน้าที่จึงเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกกับใคร
เสี่ยวเถียนเดินผ่านตู้หมายเลข 9 สายตาเหลือบหานักต้มตุ๋นโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าเจ้าพวกนั้นยังเล่นไพ่กันอยู่
แต่ละคนวางเดิมพันกันอย่างสนุกสนาน ท่าทางเหมือนกลัวไม่ชนะพนัน
เธอแอบเห็นว่ามีหน้าใหม่มาเพิ่มสองคนด้วย การแต่งกายดูดีจนจัดว่าอยู่แนวหน้าของยุคนี้ได้ด้วยซ้ำ
สายตามองประเมิน บางทีสองคนนี้อาจจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงก็ได้
ส่วนคนที่เห็นก่อนหน้านั้นน่าจะเป็นแก๊งนักต้มตุ๋นทั้งหมด
ไม่แปลกใจที่ตำรวจไม่อยากจะมา
เพราะถ้ามาจริง ๆ ก็คงเสียเที่ยว ทั้งยังโดนคนหาว่ากล่าวความเท็จอีกด้วย
และต่อให้มาตอนนี้ เป้าหมายก็ยังคิดว่าตำรวจคือคนขัดขวางเส้นทางสู่ความมั่งคั่งก่อนจะโดนหลอกอยู่ดี
เสี่ยวเถียนมองใบหน้าที่แสนกระตือรือร้นนั้น
ขอแค่คนหนึ่งในกลุ่มนี้โดนหลอก พวกนักต้มตุ๋นก็ทำเงินได้สบาย
ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรกับสองคนนั้น
แต่เธอไม่มีทางห้ามหรอกนะ ตอนนี้ทำได้แค่ฝากความหวังไว้กับตำรวจเท่านั้น
หวังว่าเขาจะมาตามเวลาที่ตกลงกันไว้ แล้วก็เทกระจาดเจ้าพวกนี้ซะ
เสี่ยวเถียนกำลังคิดว่าจะออกมายืนดูสถานการณ์ตอนนั้นด้วยดีไหม ถ้าเธอให้ความช่วยเหลือได้ล่ะ?
เพราะยังไงเจ้าหน้าที่บนรถไฟก็มีจำนวนจำกัดอยู่แล้ว
ถึงการเข้ามายุ่งเกี่ยวจะเป็นอันตรายและอาจได้รับบาดเจ็บได้ แต่เธอก็มั่นใจในความสามารถของตัวเองนะ
“เสี่ยวเถียน ทำไมหนูมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ ให้ย่าหากันตั้งนาน”
ตอนนั้นเองที่เด็กสาวได้ยินเสียงอันคุ้นเคย จะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่ฟ่านชูฟาง?
เธอเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม “หนูกำลังหาคุณย่าเหมือนกันค่ะ แต่น่าจะไปผิดทาง”
อันที่จริง นักต้มตุ๋นนึกสงสัยที่เห็นเสี่ยวเถียนรอบที่สองเหมือนกัน
โชคดีที่หญิงชราเดินเข้ามาพอดี หลังจากได้ยินเสียงบทสนทนาด้านนอก แก๊งนักตุ้มตุ๋นก็ระวังตัวขึ้นมาก
ที่แท้ก็กำลังหาคนอยู่สินะ
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับกันเถอะ พักผ่อนแต่หัววันหน่อย”
ฟ่านชูฟางจับมือหลานสาวด้วยความรักใคร่ แล้วเดินกลับไปที่ตู้โดยสารของตนเอง
ยามร่างทั้งสองหายไป นักต้มตุ๋นต่างก็มองหน้า
โดยเฉพาะชายในสูทสีเทา เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เป็นเด็กสาวจากครอบครัวร่ำรวยที่ไม่เคยออกไปไหนมาไหนสินะ
ทำไมถึงบอกว่าร่ำรวยน่ะหรือ? ล้อกันแล้ว ดูทิศทางที่พวกเขากำลังเดินไปสิ นั่นคือทางไปตั๋วนอนแบบนุ่มเชียวนะ มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะซื้อได้หรอก
แล้วการเล่นไพ่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง บางคนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ราวกับถึงคราวที่ตนจะได้เงิน
ในขณะที่บางคนกลับผิดหวังและท้อแท้ จู่ ๆ ก็กลับมาเลือดสูบฉีดราวกับมีแรงสู้ต่ออีกสามร้อยรอบ
สองคนที่ดูมีเงินถูกดูดเข้าไปในสถานการณ์โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสูญเสียเงินไปอีกมหาศาลในเวลาอันสั้น
โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่าตนติดกับดักเข้าแล้ว ใจยังเอาแต่พะวงคิดวิธีหาเงินต่อไป
สองย่าหลานกลับมาที่ห้องโดยสารของตัวเอง
เสี่ยวหลิ่วนอนอยู่ชั้นบนแล้ว หลับตาแน่นไม่รู้ว่าหลับหรือคิดอะไรอยู่
หลังจากเสี่ยวเถียนคุยกับย่ารองไม่กี่คำ ก็บอกให้ผู้อาวุโสทั้งสองพักผ่อนเต็มที่ก่อนตนจะปีนขึ้นเตียงไป
เด็กสาวนั่งชิดผนัง แล้วหยิบหนังสือออกมาอ่าน
เสี่ยวหลิ่วผู้นอนเตียงฝั่งตรงข้ามไม่ได้หลับแต่อย่างใด พอได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็ลืมตาขึ้นมอง
ก่อนจะเห็นว่าเสี่ยวเถียนนั่งอ่านหนังสืออย่างจริงจัง
ทีแรกก็คิดว่าเจ้าตัวแสร้งทำ
เสียงบนรถไฟดังขนาดนี้ใครจะทนอ่านไหว?
แสดงเก่งเหลือเกิน
นั่นเป็นเหตุผลที่ประธานหยางกับท่านอธิบดีฟ่านชอบคนแบบนี้สินะ?
แต่ในไม่ช้าเธอก็รู้ว่าเสี่ยวเถียนชอบอ่านมันจริง ๆ แล้วตั้งใจอ่านเอามาก ๆ
ไม่ว่าจะไม่ชอบอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เสี่ยวหลิ่วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าตัวดูงดงามมากเวลาจดจ่อกับการอ่านหนังสือ
ทั้งยังเหลือบไปเห็นอีกว่าหนังสือที่อีกฝ่ายอ่านเป็นหนังสือภาษาต่างประเทศ
ยัยเด็กนี่อ่านเข้าใจด้วยหรือ?
หรือจะเก่งอย่างที่คนเขาว่าไว้จริง ๆ
เสี่ยวเถียนตั้งใจอ่านมากจึงไม่ได้สนใจคนรอบข้าง
เธออ่านกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนจะวางมันลงบนเตียง
ตอนที่พลิกตัวจะปีนลงมา เธอเห็นเสี่ยวหลิ่วจ้องอยู่
เธอสะดุ้งเฮือก
ผู้คนนี้เป็นบ้าหรือเปล่าเนี่ย?
มาจ้องเธอทำอะไร?
มีอะไรให้มอง?
พอเสี่ยวหลิ่วรู้ตัวก็ทำทีหันหน้าหนีไปทางอื่น
เด็กสาวไม่สบายใจสักนิด จึงปีนลงมาทันที
สองคนข้างล่างยังคุยกันอยู่ แต่เสียงเบามากเพราะเกรงจะรบกวนหลานที่กำลังอ่านหนังสือ
พอเห็นเด็กสาว น้ำเสียงก็ดังขึ้นเล็กน้อย
“เสี่ยวเถียน หิวน้ำไหม?” ฟ่านชูฟาง
“ไม่หิวค่ะ ย่ารองหิวไหม เดี๋ยวหนูไปเอาให้”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ หนูนอนพักผ่อนเถอะ เรายังมีน้ำเหลืออยู่น่ะ”
“ไม่แปลกใจเลยที่เสี่ยวเถียนเรียนเก่ง ขนาดอยู่บนรถไฟยังต้งใจอ่านหนังสือเลย!” หยางลี่หมิงยิ้ม
ถ้าบอกว่าเด็กสาวที่ทั้งเก่งและขยันแบบนี้ไม่ได้ความ แล้วคนอื่นจะเหลือหรือ?
นี่แหละน้าลูกชาวบ้าน เก่งรอบด้านจริง ๆ!