เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 906 ไปตลาดดอกไม้
บทที่ 906 ไปตลาดดอกไม้
บทที่ 906 ไปตลาดดอกไม้
ด้วยสถานะของฟ่านชูฟาง เธอจึงได้ห้องพักเตียงใหญ่ห้องเดียวในชั้น
เดิมทีเธอตั้งใจจะให้หลานอยู่ด้วย
แต่พอเสี่ยวเถียนรู้แผนการก็ปฏิเสธทันที
“หนูดื้อมากเลยนะคะ อยู่ด้วยไม่ได้หรอกค่ะ น่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนย่าแทน”
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพักด้วยกัน เสี่ยวเถียนถึงกับลงทุนพูดแบบนี้
หญิงชราส่งยิ้มเคือง ๆ “เด็กคนนี้ ซื่อสัตย์อยู่นี่นา เราก็รู้ว่าตัวเองดื้อสินะ”
เด็กสาวจับแขนคุณย่า “ย่ารองก็พูดเกินไปค่ะ”
ตลกน่า ที่เดินทางมาชุนเฉิงเพราะมีจุดประสงค์ว่าจะไปเดินตลาดดอกไม้นะ
ถ้าต้องพักกับย่า จะไม่โดนกักบริเวณหรือไงกัน?
จวีอวี้ฟางได้ยินบทสนทนานั้นพอดี เลยเดินเข้ามาคุยด้วย “ท่านอธิบดีพักคนเดียวก็ได้ค่ะ ฉันชอบเสี่ยวเถียนมาก ให้เธออยู่กับฉันเถอะค่ะ”
เสี่ยวเถียนชอบพี่สาวคนนี้เหมือนกัน จึงไม่ได้คัดค้านอะไร
“หนูอยู่กับพี่เสี่ยวจวีก็พอแล้วค่ะ”
“ฉันจะดูแลเธออย่างดีค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
จวีอวี้ฟางได้รับความไว้วางใจอย่างมาก หญิงชราเองก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้งเช่นกัน
“งั้นก็อยู่กับเสี่ยวจวีแล้วกัน ถ้ามีอะไรให้มาหาย่าเลยนะ”
เด็กสาวพยักหน้ารับ
ถ้าไม่ใช่เพราะมีภารกิจและทำหน้าที่เป็นพนักงาน เสี่ยวเถียนก็คงไม่ต้องทำแบบนี้หรอก เธอจะจองห้องนอนสบายคนเดียวด้วยซ้ำ
แต่มากันเป็นกลุ่ม เธอไม่อยากให้คนทั้งสองลำบากเพื่อให้ตัวเองมีสิทธิพิเศษหรอกนะ
การอยู่กับจวีอวี้ฟางคือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
“วางของลงก่อนเถอะเสี่ยวเถียน พักสักหน่อย เดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน หิวแล้วใช่ไหม?”
เพราะรถไฟเดินทางมาถึงในตอนเช้า พวกเราจึงไม่ได้เตรียมอาหารเช้ามาด้วย
เสี่ยวเถียนพยักหน้า “ได้ค่ะ แล้วเราจะกินอะไรกันดีคะ?”
“กินแค่ซาลาเปา… ช่างเถอะ ปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้แล้วกัน ถ้าหนูชอบเต้าฮวยจะเพิ่มอีกถ้วย เอาไหม?”
ทีแรกฟ่านชูฟางอยากกินซาลาเปากับโจ๊ก แต่ด้วยความสามารถในการทำอาหารของเธอ จึงตัดสินใจช่างมันไป และเลือกกินแค่ปาท่องโก๋กับเต้าฮวยก็พอ
เสี่ยวเถียนพยักหน้า
เธอไม่คุ้นเคยกับเมืองนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มา รวมถึงเมื่อชีวิตที่แล้วด้วย
“งั้นอีกสิบนาทีลงไปกันนะคะ?”
หญิงชราพยักหน้ารับ
“กินข้าวเสร็จก็พักที่โรงแรมเถอะ ชาวต่างชาติจะมาถึงช่วงเย็นน่ะ”
เสี่ยวเถียนรับหน้าที่เป็นล่าม นอกจากนั้นตารางงานในวันนี้ไม่มีอะไรเลยว่างมาก
เธอมาพร้อมกับฟ่านชูฟาง จึงถือเป็นเจ้าหน้าที่อีกคน
ส่วนแผนนี้ก็รู้มาก่อนแล้ว เพราะงั้นจึงตั้งใจจะไปตลาดดอกไม้แต่เช้าตรู่
หลายวันมานี้ก็ไปสอบถามมาเหมือนกัน ได้ยินว่าราคาต้นคลีเวียที่ตลาดดอกไม้ตอนนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ คลีเวียที่พันธุ์ดี ๆ หน่อยมีราคาสี่ห้าร้อยหยวนต่อกระถางแล้ว
สำหรับคนธรรมดาถือเป็นจำนวนที่เหนือธรรมชาติมาก แต่สำหรับเสี่ยวเถียนยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
เธอรู้ด้วยว่าถ้าซื้อมาเก็บไว้สักปีครึ่ง ก็ยังทำเงินได้อยู่ดี
สถานการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ครั้งแรกหลังจากเกิดการปฏิรูปและเปิดประเทศเลยก็ว่าได้
มันจะมาและจากไปอย่างรวดเร็ว ใครเร็วใครได้
เพื่อเติมเต็มความฝันที่อยากจะร่ำรวย เสี่ยวเถียนจึงพยายามเป็นอย่างมาก
เธอเดินทางมาพร้อมเงินมากมาย โดยตั้งใจจะซื้อกลับบ้านไปสักยี่สิบกระถาง
และมันน่าจะกินพื้นที่ในช่องเก็บของ ถ้าเป็นไปได้เธอจะเคลียร์ของในนั้น แล้วเอาต้นไม้ที่ซื้อมายัดใส่ไว้ทั้งหมด
พอถึงเมืองหลวงก็ค่อยเอาออกมา
ถ้าปู่กับย่ารู้ว่าเธอผลาญเงินไปกับต้นไม้ที่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ พวกท่านจะหักขาทิ้งไหมนะ?
ฟ่านชูฟางไม่รู้เลยว่าเสี่ยวเถียนวางแผนจะหนีเที่ยวเสียแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็บอกให้หลานพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม ส่วนตัวเองออกไปทำงานกับลูกน้องต่อ
สิบนาทีหลังจากรอทุกคนไป เธอก็เดินลงไปคุยกับพนักงานต้อนรับ
อาชีพพนักงานต้อนรับในยุคนี้ถือว่ามั่นคงมาก แต่ทัศนคติที่มีต่อแขกก็ไม่ได้ดีเท่าไร
ด้วยความที่เสี่ยวเถียนเป็นเด็กที่ร่าเริง หน้าตาสวย และเป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่น
จึงทำให้พนักงานผู้เย็นชาปฏิบัติอย่างอบอุ่นหลังจากคุยด้วยไม่กี่คำ
“น้องสาวจะไปตลาดดอกไม้หรือ? ที่นั่นมันผลาญเงินเรานะ อย่าไปเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่จะบอกอะไรให้ฟัง มีเพื่อนบ้านพี่อยู่คนนึงเขาใช้เงินกว่าสามร้อยหยวนซื้อกลับมาแค่กระถางเดียวเองนะ”
“เธอว่า เงินพวกนั้นคงซื้อเสื้อผ้าใส่ได้หลายตัวเลยใช่ไหมล่ะ?”
เสี่ยวเถียนยิ้มสดใส
ตอนนั้นเองที่พนักงานจำได้ว่าสาวน้อยคนนี้มากับกลุ่มผู้นำ สถานะคงไม่ธรรมดาแน่ ๆ ลูกหลานครอบครัวเช่นนี้ไม่น่าจะขาดเงินหรือเปล่า?
“ไอหยา! พี่พูดมากเกินไปแล้ว แต่พี่มีเจตนาดีนะ กลัวว่าเธอจะโดนหลอกเอาน่ะ”
เด็กสาวหยิบลูกอมผลไม้ออกมากำหนึ่ง ก่อนจะยิ้มหวาน “หนูได้ยินคนบอกว่าดอกไม้กระถางละหลายร้อยหยวนเลยละค่ะ ก็เลยอยากไปศึกษาดู ขอบคุณพี่สาวมากนะคะ หนูให้ลูกอมพี่ไว้กินนะ”
ถึงตำแหน่งหน้าที่การงานจะมั่นคง แต่ค่าจ้างก็ไม่ได้เยอะอะไร พวกเขายังคงต้องประหยัดค่าอาหารและเครื่องดื่มอยู่ดี
แม้ลูกอมผลไม้จะไม่ได้หายากเหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ของที่จะกินได้ทุกวันอยู่ดี
ซึ่งเด็กตรงหน้าตั้งใจหยิบมาให้เป็นกำ รวมแล้วราวสิบกว่าเม็ดเห็นจะได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของพนักงานพลันสดใสขึ้นกว่าเดิม
“แค่ดูก็รู้แล้วน่ะ พี่ยังคิดบ่อย ๆ เลยว่าคนพวกนั้นขู่กันหรือเปล่า กระถางหนึ่งจะราคาหลายร้อยหยวนได้ยังไง?”
เสี่ยวเถียนพยักหน้าเห็นด้วย “จริงค่ะ มันก็แค่ดอกไม้เองนี่นา? บนเขาก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องซื้อของแพง ๆ แบบนั้นด้วย?”
พนักงานดูโล่งใจที่เสี่ยวเถียนฟังคำของตน
“พี่สาว พอหนูดูดอกไม้เสร็จว่าจะไปร้านหนังสือซินฮวาค่ะ บอกทางหนูหน่อยได้ไหมคะ?”
เธอตั้งใจจะไปดูหนังสือจริง ๆ อยู่แล้ว เลยตั้งใจยกเรื่องนี้มากลบเกลื่อนเสียเลย
“ข้าง ๆ ตลาดมีร้านหนังสือซินฮวาอยู่นะ เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเราเลยจ้ะ”
เสี่ยวเถียนมีความสุขมาก ในที่สุดก็หาข้อแก้ตัวได้แล้ว
เธอไปอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือ ต่อให้ย่ารองรู้ก็ไม่ว่าหรอก
เธอกะว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดสักหน่อย แล้วก็แวะร้านหนังสือเผื่อได้กลับมาสักสองสามเล่ม