เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 909 ลดค่าใช้จ่าย
บทที่ 909 ลดค่าใช้จ่าย
บทที่ 909 ลดค่าใช้จ่าย
เสี่ยวเถียนสงสัยเหลือเกินว่าการมาวางขายดอกไม้แบบนี้ไม่เสียเวลาหรือ?
รอบด้านก็มีแต่ร้านขายดอกไม้ทั้งนั้น ลูกค้าไม่จำเป็นต้องมาเลือกต้นใกล้ตายแบบนี้
ใบหน้าของชายหนุ่มขมขื่นยิ่งกว่าเก่า
เขาใช้เงินเก็บของครอบครัวทั้งหมดซื้อพวกมัน
แต่ตอนนี้ตัวดอกก็ไม่มี เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ
เขาอยากจะร้องไห้เมื่อคิดว่าทุกคนในบ้านจะต้องอดอยากเพราะตัวเอง
“ฉันรู้ว่าการขายดอกไม้พวกนี้ยาก แต่มันได้มาจากเงินทั้งหมดที่ฉันมีเลยนะ เกิดมีคนอยากได้ล่ะ?”
เสี่ยวเถียนยิ้ม
“ยินดีด้วยค่ะ ได้เวลาของคุณแล้ว หนูจะเป็นคนซื้อทั้งหมดนี่เอง”
หลังจากเธอสื่อสารกับต้นไม้เสร็จ เสี่ยวเถียนก็มั่นใจแล้วว่าตนช่วยมันได้
ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงเลือก เพราะมันเป็นพันธุ์ที่ดีกว่าร้านอื่น ๆ
แต่ว่าสิ่งนี้ต้องใช้ความตั้งใจด้วย และเสี่ยวเถียนก็เต็มใจที่จะปลูกให้พวกมันดีขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มมองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
พูดจริงหรือ?
เด็กขนาดนี้ เขาเชื่อได้ใช่ไหม?
ผู้ปกครองจะปล่อยให้ลูกหลานตัวเองใช้เงินมหาศาลเพื่อมาซื้อดอกไม้พวกนี้หรือ?
ถ้าให้เธอซื้อไป เดี๋ยวคงมีผู้ใหญ่ตามมาขอเงินคืน และคงโดนโทษว่าหลอกเด็กแน่
แต่ฟังจากที่พูดแล้วเหมือนไม่ใช่คนในพื้นที่เลย
ถ้าหลอกเด็กต่างถิ่นจะดีไหมนะ?
เสี่ยวเถียนเฝ้ามองเงียบ ๆ คาดเดาความคิดจากสีหน้าทุกข์ทนของเขา
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูซื้อจริง ๆ แต่ไม่ใช่ในราคาเดิมนะ”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังรู้สึกยังไง
จะว่าผิดหวังหรือดีใจดีล่ะ?
“คุณมีทั้งหมดยี่สิบเจ็ดกระถาง หนูให้สองพันค่ะ ถ้าคุณตกลงตามนี้ ของมาเงินไปทันทีค่ะ”
ราคาดอกไม้ในตลาดประมาณสามสี่ร้อยหยวน และดอกไม้ทั้งยี่สิบเจ็ดกระถางนี้รวมแล้วเกินหมื่นแน่นอน
ตอนชายหนุ่มซื้อมา เขาจ่ายไปหนึ่งหมื่นหยวน
ถ้าเขาเอาตามที่เด็กสาวพูดมา แปดพันหยวนหายไปในทันที
แต่ถ้าไม่เอาตามนี้ เขาได้พลาดเงินสองพันไปแน่นอน และหลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขายได้สักต้นหรือเปล่า
“ได้ ฉันตกลง!” หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง
ได้คืนสองพันยังดีกว่าเสียทุกอย่างไป
ทั้งยังไม่ต้องโดนตำหนิติเตียนว่าหลอกเด็กอีกด้วย
เจ้าของร้านคนนี้ใช้ได้เลยนะ เขาขาดทุนเพราะเธอไปไม่น้อยเลย
“หนูชอบดอกไม้จากแผงอื่นด้วยค่ะ เมื่ออ้างอิงจากราคาที่คุณรับมาคือกระถางละหนึ่งร้อยหยวน ถ้าต่อรองได้ต่ำกว่านี้เงินส่วนเกินหนูยกให้เลยค่ะ แล้วก็จะให้ค่าแรงกระถางละสิบหยวนด้วย”
ชายหนุ่มยิ้มขมขื่น “สาวน้อย ดอกไม้ของฉันมีราคาแค่นั้นเองหรือ?”
อีกอย่างนะ ใครที่ไหนจะยอมขายคลีเวียอันเขียวชอุ่มในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนั้นล่ะ?
“คุณลองไปดูที่บ้านฝั่งนั้นค่ะ กระถางสีออกเหลือง ๆ น่ะ แล้วก็ตรงนั้นด้วย…”
เสี่ยวเถียนชี้ให้ดู
ด้วยความสงสัย เขาจึงช่วยจัดการธุระให้เสี่ยวเถียน
ตอนไปถึงก็เจอดอกไม้สภาพแทบกูไม่ได้ตามที่บอก
จากนั้นจึงเริ่มต่อรองราคา
สุดท้ายเขาก็ได้มาห้ากระถาง
ห้ากระถางนี้เขาจ่ายไปสี่ร้อยหยวน ได้กำไรหนึ่งร้อยหยวน บวกค่าแรงที่เสี่ยวเถียนให้มาอีกห้าสิบรวมเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน
แม้จะเทียบกับเงินที่เสียไปไม่ได้สักนิด
แต่สำหรับวัยรุ่นหนี้ท่วมหัวถือได้ว่าดีถมถืดแล้ว
“ขอบคุณนะสาวน้อย แต่การที่เธอซื้อของไม่ดีแบบนี้ไปจะไม่ขาดทุนเอาหรือ?”
เขาเห็นว่าเด็กตรงหน้าเป็นคนดีจึงเอ่ยเตือน
“ไม่เลยค่ะ หนูมีวิธีช่วยให้พวกมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!” เสี่ยวเถียนตอบตามความเป็นจริง
ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แค่นี้ก็ยิ่งกว่ามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้รู้วิธีปลูกอะไรเลย
“แล้วเธอจะขนมันไปยังไงหรือ?” ชายหนุ่มแทบรอทำข้อตกลงให้เสร็จไม่ไหวแล้ว
เงินเพิ่งจะเข้ามือแค่ครู่เดียวเอง จะวางใจไม่ได้หรอก
เกิดเด็กคนนี้นึกเสียใจขึ้นมา เขาคงไม่ได้เงินเลยสักหยวนน่ะสิ
“ช่วยไปส่งให้หนูที่ซอยข้างโรงแรมชุนเฉิงก็พอค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปร้านซินฮวาก่อน แล้วจะไปเจอที่นั่นนะคะ”
ข้างโรงแรมมีซอยอยู่ เสี่ยวเถียนจึงเสนอ
ต้องเป็นสถานที่ที่สงบคนไม่พลุกพลุ่านเท่านั้นเธอถึงจะมีโอกาสเอาต้นไม้ใส่ในช่องเก็บของได้
ชายหนุ่มตอบตกลง ก่อนลากรถเข็นมาแล้วเริ่มขนย้าย
เสี่ยวเถียนตรงไปร้านหนังสือ
พนักงานเตรียมหนังสือไว้เรียบร้อยแล้ว รอก็แต่เจ้าตัวมารับเพื่อที่จะได้ออกใบเสร็จรับเงิน
จากนั้นเสี่ยวเถียนก็ไปจ่ายเงินต่อ
ยุคนี้หนังสือราคาถูกมาก ราคาไม่กี่เหมาเอง เหมือนที่เธอถืออยู่ในมือนี่ รวมสองเล่มก็ 1.9 หยวนเท่านั้น
ระหว่างเดินไปเอาหนังสือ เธอเห็นเด็กสาวคนหนึ่งบอกพนักงานว่าอยากได้ ‘Jane Eyre’ เวอร์ชันภาษาอังกฤษ
พนักงานสาวยืนยันว่าเล่มนี้ขายไปแล้ว ทว่าเด็กสาวยืนกรานที่จะเอาให้ได้
“ตอนนี้ร้านเราเหลือเพียงเล่มเดียวค่ะ ถ้ามีอีกฉันจะไม่ให้คุณได้ยังไงคะ?” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงสงบที่สุด
เด็กคนนั้นเหมือนเป็นพวกเอาแต่ใจจนเคยตัว ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพนักงานจะบอกอะไร เอาแต่พูดอยากได้อยู่แบบนั้น
“ขอโทษด้วยนะคะ เล่นนี้ฉันจ่ายเงินแล้วค่ะ” เสี่ยวเถียนออกตัวไปหลังจากฟังอยู่ครู่หนึ่ง
พอเห็นเจ้าของที่แท้จริง เด็กสวมเสื้อม่วงก็เหลือบมองทันที
ทีแรกก็คิดว่าคนซื้อไปน่าจะเป็นคนทันสมัยกว่านี้สักหน่อย กลับเป็นเป็นยัยไร้รสนิยมนี่เสียได้
แววตาแสดงความดูถูกออกมาทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทียโส “ฉันอยากได้ ราคาเท่าไรเดี๋ยวจ่ายคืนเอง!”
“ขอโทษนะ แต่ฉันซื้อเล่มนี้แล้ว” น้ำเสียงเสี่ยวเถียนสงบมากราวกับไม่ใส่ใจสักนิด
เด็กสวมเสื้อม่วงคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังใจเย็นได้อยู่
“ท่าทางจน ๆ แบบแกอ่านภาษาอังกฤษออกด้วยหรือ?
เจ้าตัวดูหงุดหงิดกับท่าทางของเสี่ยวเถียนมาก คำพูดคำจาจึงยิ่งหยาบคาบ ทำกระทั่งเริ่มพูดโจมตีใส่แล้ว