เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 916 สร้างเรือนดอกไม้
บทที่ 916 สร้างเรือนดอกไม้
บทที่ 916 สร้างเรือนดอกไม้
สุดท้ายเสี่ยวจวีก็เลือกทำตามส่วนรวม ถ้ากลับไปเห็นคนอื่นถือกระถางดอกไม้คนละใบ ส่วนตัวเองมือเปล่าสองข้างก็คงดูไม่ดีเท่าไร
ถึงการจ่ายเงินหลายร้อยหยวนซื้อดอกไม้ทีเดียวจะทำให้ลำบากอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ถ้าประหยัดขึ้นอีกหน่อยยังไงก็ต้องได้เงินคืนในไม่ช้า
ตอนนี้หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีมากแค่ไหน
มากเสียจนตอนได้กำไรกลับมา เธอถึงกับเลี้ยงข้าวขอบคุณเสี่ยวเถียนในทันทีเลยล่ะ
หลังจากซื้อเสร็จ พวกเธอก็กลับไปที่โรงแรม เก็บข้าวของแล้วไปกินข้าว
คณะออกเดินทางตอนเย็น หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ถืออาหารขึ้นไปด้วย เอาไว้รองท้องตอนหิวสักหน่อย
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ พวกเธอก็เดินทางไปสถานีรถไฟทันที
ยังไงก็เป็นตั๋วนอนอยู่แล้ว เดินทางคืนเดียวก็ถึง
ไม่ต้องเสียเวลาระหว่างวันด้วย แค่นอนก็พอ
ค่ำคืนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
ฟ่านชูฟางได้บทเรียนจากครั้งก่อนแล้ว เธอจึงไม่คิดจะปล่อยหลานคลาดสายตาเด็ดขาด
ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวจะคิดอะไรแผลง ๆ ขึ้นมาอีกล่ะ ดังนั้นควรจับตาดูเอาไว้
เราเดินทางมาถึงเมืองหลวงตอนรุ่งเช้า
ตอนที่คนอื่น ๆ เห็นผู้โดยสารกลุ่มนี้เดินลงจากรถไฟพร้อมกระถางในมือคนละใบก็ได้แต่ประหลาดใจ
ทำอะไรกันอยู่ล่ะนั่น?
การสื่อสารในยุคนี้ล้าหลังมาก
แม้ตลาดดอกไม้จะกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่คนในเมืองหลวงกลับรู้ข่าวไม่เยอะ เว้นแต่ว่าจะเป็นคนที่สนใจจริง ๆ
หลายคนรู้สึกว่าเป็นภาพที่แปลกจริง ๆ
เสี่ยวเถียนกลับถึงบ้านพร้อมดอกไม้สามกระถาง พี่ ๆ ที่เห็นก็ได้แต่แปลกใจ
สาวน้อยของเรามีงานอดิเรกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
“เสี่ยวเถียน ไม่ได้ไปชุนเฉิงหรือ? ทำไมหิ้วต้นไม้มาด้วยล่ะ?”
“ถือมาตลอดทางเหนื่อยไหมเนี่ย?”
“ปวดแขนไหม? ให้พี่เจ็ดนวดให้ดีหรือเปล่า?”
“ถ้าบอกกันสักหน่อยว่าหิ้วดอกไม้กลับด้วยพี่คงไปรับแล้ว!”
พี่ ๆ แย่งกันพูดด้วยความเป็นห่วง เสี่ยวเถียนยืนยิ้มโดยไม่ว่าอะไร
จากนั้นก็เห็นว่าพี่รองไม่อยู่บ้าน
“พี่รองล่ะคะ? ทำไมไม่อยู่บ้าน? หนูเอาของขวัญมาให้พวกพี่ด้วยนะ”
“พี่รองไปบ้านปู่ตู้นู่น ไม่รู้มีอะไรขยันไปทุกวัน” เสี่ยวปาเอ่ยด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เสี่ยวเถียนไม่ได้ใส่ใจ ก่อนจะแจกจ่ายของขวัญให้แก่ทุกคน
มันเป็นเครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ เหมือนของที่ระลึกไว้ให้ลูกหลานนั่นแหละ
ระบบขนส่งจะได้รับการพัฒนาในอนาคต ไม่ว่าเราจะอยู่ที่แห่งไหนจะได้รับพัสดุกันทุกคน
ส่วนยุคนี้ถ้าอยู่แต่บ้านก็ไม่มีทางได้ของประจำถิ่นไว้เชยชมหรอก
แม้จะเป็นของเล็กน้อยแต่พี่ ๆ ก็ดีใจกันมาก นี่มันหมายความว่ายังไง? หมายความว่าน้องเล็กนึกถึงพวกเราด้วยยังไงละ
เสี่ยวเถียนกล่าวว่า “หนูไปพักดีกว่า ตอนบ่ายค่อยไปบ้านปู่ตู้แล้วกัน หนูเอาของขวัญมาให้เพื่อน ๆ ด้วย”
“ไปพักก่อนไป เดี๋ยวพี่บอกให้เองเผื่อพวกเธอกลับมา” เสี่ยวชีบอก
“ร้านเราเปิดกี่โมงนะ? ปู่กับย่าไม่ได้บอกหรือว่าเปิดวันที่เจ็ด?”
“ก็ตั้งใจเปิดวันนี้แหละ แต่เห็นปู่ว่าเป็นวันอุบาทว์ เลยรอพรุ่งนี้แทน ฤกษ์กำลังดี”
เมื่อก่อนผู้คนไม่กล้าพูดเรื่องไสยศาสตร์หรอก
แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นเยอะแล้ว
ปู่กับย่าเชื่อโชคลางอยู่แล้ว ส่วนเสี่ยวเถียนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชามังกร พวกเขาจึงเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติไปโดยปริยาย
เสี่ยวเถียนพยักหนา “แล้วปู่กับย่าละคะ?”
“ไปบ้านปู่ถานน่ะ เห็นบอกอยากไปดูเด็ก ๆ”
เสี่ยวเถียนกลับห้องไปล้างหน้าล้างตาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนั้นเองที่พวกหลี่เจี้ยนหงมาถึง
พอเห็นดอกไม้ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมต้องแบกมันมาด้วย?
“เสี่ยวเถียน แบกดอกไม้กลับมาทำไมล่ะเนี่ย?”
เสี่ยวเถียนยิ้ม “ของพิเศษจากชุนเฉิงน่ะ ฉันซื้อมาเยอะเลย ก็เลยให้คนช่วยคนช่วยขนมาจากที่นั่นด้วย”
“แต่มันใช้ทำอะไรไม่ได้นี่นา แล้วทำไมต้องซื้อมาเยอะขนาดนี้ด้วยล่ะ?” หลี่เจี้ยนหงรู้สึกว่ามันไม่คุ้ม
“ฉันตั้งใจจะทำเรือนดอกไม้ไว้ปลูกน่ะ”
นี่คือเหตุผลที่เธอคิดได้
สำหรับคนอื่นคงทำยาก แต่สำหรับเธอแล้วสิ่งนี้เหมาะมาก
คนที่มีความสามารถด้านการปลูกพืชพันธุ์ไม่น่าจะมีปัญหากับพวกดอกไม้อยู่แล้ว
เย็นวันนั้น คุณปู่คุณย่าได้ฟังสิ่งที่เสี่ยวเถียนจะทำก็ยังไม่เข้าใจ
แต่ในฐานะที่รักหลานมากที่สุด ถ้าเธออยากทำก็ต้องสนับสนุนอยู่แล้ว
เสี่ยวเถียนหยิบยกเรื่องนี้มาพูดในที่ประชุม
เรือนดอกไม้ที่เสี่ยวเถียนจะทำก็คือการสร้างเรือนกระจกของคนในยุคปัจจุบันนั่นแหละ
แต่กระจกในยุคนี้ไม่ได้มาตรฐานนัก
เธอใช้เวลาหลายวัน สอบถามคนเยอะมากจนเจอแผ่นแก้วที่ตรงตามต้องการ
กระจกถือเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษ ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถหาซื้อได้
ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ทำให้สินค้าขายดีหลาย ๆ อย่างยังต้องอ้างอิงการขายแบบเก่าอยู่
แต่เสี่ยวเถียนเป็นใครกันล่ะ?
เธอมีเส้นสายเยอะมาก การได้พวกมันมาครอบครองย่อมไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว
พี่ ๆ ก็ตกใจมากเมื่อได้ยินว่าน้องสาวจะสร้างบ้านกระจก
เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่? อยู่บ้านอิฐไม่ดีหรือ? สร้างบ้านกระจกให้สิ้นเปลืองไปทำไม
แต่ในฐานะพี่ชายที่รักน้องสาวอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้วนั้น พวกเขาย่อมสนับสนุนอยู่แล้ว
โดยเฉพาะเสี่ยวซื่อที่ให้ทุนก่อสร้างจำนวนสองพันหยวนโดยไม่มีหวงแต่อย่างใด
พอมีคนเริ่ม คนอื่น ๆ ย่อมไม่น้อยหน้า ถึงจะไม่ได้เยอะเท่าเสี่ยวซื่อ แต่ก็ยังแสดงความตั้งใจออกไป
ตอนที่เสี่ยวเถียนเริ่มสร้าง เธอไม่ได้เสียเงินเลยสักหยวน ทั้งยังทำกำไรได้มากกว่าสองพันอีกด้วย
เธอตัดสินใจไม่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว
เด็กสาวยกคลีเวียให้พี่ ๆ และพวกคุณปู่ตู้เป็นการตอบแทน
แน่นอนว่าคลีเวียที่จะมอบให้ ต้องเป็นหลังจากที่เธอช่วยชีวิตมันแล้ว และไม่อยู่ในสภาพจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ด้วย
ส่วนการสร้างเรือนกระจกก็แค่หาผู้เชี่ยวชาญมาทำเสีย ส่วนเธอจะเตรียมทำเรื่องอื่นแทน
ยุ่งมาตั้งนานในที่สุดก็ได้หยุดเสียที เด็กสาวเตรียมการไว้เยอะมาก เพื่อไปซื้อคลีเวียที่ชุนเฉิงเธอต้องเสียเวลาไปไม่น้อย
เวลาที่เหลือต้องจัดการให้ดีกว่านี้!
——————————————————-