เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 922 จะเกาะมันไว้โดยไม่ปล่อยมือเลย
บทที่ 922 จะเกาะมันไว้โดยไม่ปล่อยมือเลย
บทที่ 922 จะเกาะมันไว้โดยไม่ปล่อยมือเลย
“กลับมาแล้วหรือ? ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง?” หลี่เจี้ยนหงเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนตลาดในมหาวิทยาลัยเราจะอิ่มตัวแล้วนะ” เสี่ยวเถียนมองธุรกิจอันโดดเดี่ยวแล้วยิ้มออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าเพื่อนจางลงไปเล็กน้อย
ตั้งแต่เปิดเทอมได้เดือนเดียว ธุรกิจของเราขายดิบขายดีมาก แต่ตอนนี้มันไม่ดีเลย
มีผู้หญิงหลาย ๆ คนเริ่มทำมาขายเหมือนกัน
อันที่จริง เทคนิคการทำก็ไม่ได้ขั้นสูงอะไรหรอก ขอแค่ตั้งใจเรียนรู้ก็ทำได้แล้ว
พอตอนนี้มีคู่แข่ง ธุรกิจก็เลยยิ่งแย่ไปอีก
“รอบ ๆ เรามีสถานศึกษาตั้งหลายแห่งนะ” เสี่ยวเถียนเข้าใจดี
ถึงในรั้วมหาวิทยาลัยจะมีประชากรผู้หญิงอยู่มาก แต่เครื่องประดับติดผมก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นนัก พวกมันก็แค่เครื่องประดับ
บ้านใครฐานะดีหน่อยก็คงซื้อสักสองอัน คนไหนฐานะไม่ค่อยดีก็ซื้อแค่อันเดียว
เพื่อน ๆ ของเธอทำขายมาสักพักแล้ว ตอนนี้ยืดหยุ่นกว่าแต่ก่อนมาก
แต่พอฟังคำพูดเสี่ยวเถียน พวกเธอก็เข้าใจ
เฉียนเสี่ยวเป่ยยิ้มขอบคุณ “เสี่ยวเถียนยังฉลาดเหมือนเดิมเลย”
“ที่จริงแถวโรงเรียนขายได้ไม่เยอะเท่าไรหรอก ให้ดีคือต้องไปขายไกล ๆ”
เรื่องราวทางฝั่งหมู่บ้านได้ยินมาว่าพี่สี่จัดการจนออกมาดีมาก
เธอต้องช่วยหาเส้นทางการพัฒนาที่เข้าท่ากว่านี้ แต่บางอย่างก็ไม่สามารถจับมือสอนได้ขนาดนั้น ต้องปล่อยให้พวกเขาคลำหา เส้นทางที่เหมาะสมเอาเองบ้าง
ที่พวกหลี่เจี้ยนหงเงียบไปไม่ใช่เพราะไม่ได้คิดเหมือนกัน แต่เป็นเพราะเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น
จ้างคนมาช่วย แต่ขายได้ไม่กี่ชิ้น แบบนี้ไม่คุ้มเลย
“ได้ยินว่ามีคนเริ่มขายเหมือนกันใช่ไหม เหมือนราคาจะถูกกว่าด้วย”
เสี่ยวเถียนมองคิ้วที่ขมวดแล้วเอ่ยถาม
แต่ประโยคอันคลุมเครือทำให้พวกเธอไม่เข้าใจ
ในไม่ช้า หลี่เจี้ยนหงก็ตั้งสติได้
“เสี่ยวเถียน เธอหมายถึง…”
“ใช่ จะให้คนอื่นทำก็ได้นะ แต่พวกเธอต้องรับผิดชอบด้านการขายเท่านั้น”
“แต่เราไม่มีเส้นสายน่ะสิ” ฉีเสี่ยวฟางลังเล
“ก็มีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” เสี่ยวเถียนมองด้วยสายตาแฝงความหมาย
หลี่เจี้ยนหงเป็นคนแรกที่เข้าใจ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากก็ได้ยินเสียงของซื่อเลี่ยงดังขึ้น
เสี่ยวเถียนแปลกใจที่เห็นเขา
ทำไมขยันมาจัง ว่างงานหรือยังไง?
ไหนว่ายุ่งจนไม่ได้กลับบ้านกลับช่องเลยไง?
เสี่ยวเถียนไม่ได้คิดต่อ เธอบอกซื่อเลี่ยงว่าให้หาคนมาช่วยพวกเจี้ยนหงทำเครื่องประดับ แล้วเราจะมุ่งความสนใจไปด้านการขายแทน
“เป็นวิธีที่ดีนะ ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย”
ซื่อเลี่ยงว่า พลางเหลือบสายตามองไปทางหลี่เจี้ยนหง
“แบบพี่สี่ที่ช่วยคนในหมู่บ้านหาเส้นทางการขายน่ะค่ะ ไม่น่าลำบากอะไร” เสี่ยวเถียนยิ้ม “พี่รองก็ทำได้นะ เขาไม่น่าคัดค้านหรอก”
“ขอแค่เป็นเงิน พี่สี่เธอก็เอาทั้งนั้นแหละ” ซื่อเลี่ยงยิ้มบาง ๆ
แม้จะฟังดูเหมือนบ่น แต่จากน้ำเสียงและสีหน้าแล้ว เขาไม่ได้ตำหนิเสี่ยวซื่อเลย
“พี่สี่หาเงินเก่งค่ะ เรียนจบเมื่อไรเป็นเศรษฐีแน่นอน”
ชาติที่แล้วเธอเคยได้ยินว่ามีคนมีเงินหลายร้อยหลานช่วงต้นปี 80 ด้วย แต่เธอคิดว่ามันไม่จริง
มันจะเป็นไปได้ยังไงกับในยุคแบบนี้?
แต่จากที่ทำธุรกิจมา เธอพบว่ายุคนี้คนรวยมีเพียบ ไม่อย่างนั้นสินค้าที่ต้องแย่งชิงกันซื้อจะหมดไวได้ยังไงล่ะ?
ขนาดของฟุ่มเฟือยที่นำเข้าจากต่างประเทศมูลค่าสูง ยังไม่ทันกะพริบตาก็ขายออกด้วยซ้ำ
แค่ว่าคนไม่กล้าคิดนอกกรอบ เพราะความยากจนจำกัดความคิด
และที่พี่สี่หาเงินได้เพราะเขากล้าที่จะทำ
เสี่ยวเถียนอดนึกถึงฉืออี้หย่วนไม่ได้ ตอนนั้นเขาเป็นเจ้านายของเธอด้วย
ไม่รู้ชาตินั้นเขาเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า เริ่มหาเงินตั้งแต่ตอนไหนนะ
พอคิดถึงอีกฝ่าย ใบหน้าเธอพลันแสดงความคิดถึงออกมา
ครึ่งปีแล้วที่อีกฝ่ายจากไป ไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตตัวคนเดียวในต่างประเทศจะเป็นยังไง จะได้กลับมาเมื่อไร
คุณปู่ฉือบอกว่าทุกครั้งที่หลานชายโทรศัพท์ไม่ก็เขียนจดหมายมาหา เขาจะบอกเสมอว่าสบายดีมาก และจะรีบกลับเมื่อได้รับประกาศนียบัตรแล้ว
แต่เสี่ยวเถียนสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ที่สองสามีภรรยาฉือจงใจพรากฉืออี้หย่วนไปจากปู่ของเขา จะต้องมีความคิดอื่นแน่ ๆ
จะปล่อยให้เจ้าตัวเรียนเสร็จกลับบ้านเลยได้ยังไง?
หรือไม่ก็คงหวังให้เจ้าตัวอยู่ที่นั่นเลยใช่ไหม?
เพราะเชื่อว่าต่างประเทศดีกว่าประเทศบ้านเกิดตัวเองมาก
คนอื่น ๆ กำลังคุยเรื่องหาเงินจึงไม่ทันสังเกตเห็นความเศร้าโศกบนใบหน้าเด็กสาว
มีแค่ซื่อเลี่ยงที่เห็นว่าน้องไม่มีความสุข แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร
ตอนนั้นเองที่มีคนวิ่งเข้ามาพาพวกเรา
เขาคือซุนเสี่ยวอวี๋ ลูกชายของซุนเสี่ยวลิ่ว
เด็กหนุ่มเป็นคนเรียนเก่ง ตั้งใจทำงาน เต็มใจที่จะเรียนรู้ ตั้งแต่ได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยก็กลายเป็นผู้มีชื่อเสียง
เขาเป็นคนที่รู้วิธีใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้เกิดประโยชน์มาก โดยการใช้ชื่อเสียงตัวเองเปิดธุรกิจขนาดเล็กจนประสบความสำเร็จ
เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้รับคำสั่งซื้อจากโรงงานเสี่ยวเถียน เพื่อเอามาช่วยขายในมหาวิทยาลัยด้วย
ถือได้ว่าเขาคือพนักงานของเสี่ยวเถียนนั่นเอง
“เจ้านายครับ ผมได้ยินว่าทางโรงงานกำลังออกสินค้าใหม่ ผมขอซื้อด้วยได้ไหมครับ?”
เขายิ้มจนเห็นฟันขาวซี่ใหญ่ เป็นรอยยิ้มสบาย ๆ และซื่อตรงมาก ทำให้ดูจริงใจเป็นพิเศษ
“เรียกฉันว่าสหายซู ไม่ก็ซูเสี่ยวเถียนเถอะ” เสี่ยวเถียนบอก
“เข้าใจแล้วครับเจ้านาย!”
“ช่างเถอะ เอาที่นายมีความสุขก็แล้วกัน!” เด็กสาวพูดไม่ออกจริง ๆ
“ได้หรือเปล่าครับเจ้านาย?”
“นายมั่นใจในสินค้าโรงงานเราสินะ ไม่กลัวว่าจะขายไม่ออกหรือ!”
“โรงงานเจ้านายใช้วัตถุดิบที่ดี แถมอร่อยมากเลยครับ ถ้าขายไม่ออกก็ไม่รู้แล้วว่าจะมีอะไรที่ขายได้อีก!”
ซุนเสี่ยวอวี๋มั่นใจมาก เขารับสินค้าจากโรงงานของเสี่ยวเถียนมาขายเอง ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็ทำเงินได้เพียบ
ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าขอแค่โรงงานยังอยู่ต่อไป เขาจะเกาะมันไว้โดยไม่ปล่อยมือเลย
——————————————————-