เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 93 ไม่มีอะไรไม่คู่ควรเลย
บทที่ 93 ไม่มีอะไรไม่คู่ควรเลย
หลังจากเก็บพุทราเสร็จแล้ว เฉินจื่ออันพลันรู้สึกอึดอัด
เขาตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง แล้วนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอาถุงหรือตะกร้ามาเลย พอเก็บพุทราได้ประมาณหนึ่งก็ถือไม่ไหวเสียแล้ว
“หม่านซิ่ว ผมจำได้ว่าคุณมีถุงขายผักใบหนึ่ง เอามาให้ผมใส่พุทราหน่อยครับ” เฉินจื่ออันทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวใต้ต้นไม้เท่านั้น
ซูหม่านซิ่วตบหน้าผาก “ดูฉันสิ ทำไมถึงไม่เตือนคุณสักหน่อยนะ”
เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ก่อนจะวิ่งกลับออกมาพร้อมกับถุงผ้า
แต่เฉินจื่ออันอยู่บนต้นไม้ทำให้เอื้อมไม่ถึง เธอจึงเตรียมหาม้านั่งเพื่อปีนขึ้นไป
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยฉับไว้ “เดี๋ยวผมลงไปเอาเอง คุณไม่ต้องขึ้นมา มันอันตรายครับ”
เดิมทีมันเป็นเพียงประโยคธรรมดา ๆ แต่กลับทำให้ดวงตาซูหม่านซิ่วเปียกชื้น
หลายปีมาแล้วที่ไม่มีใครเคยสนใจใยดีแบบนี้เลยว่าเธอจะมีอันตรายหรือเปล่า
ที่บ้านหวัง ลูกสะใภ้คือวัวคือม้าที่ซื้อมา ไม่ว่างานอะไรก็ต้องทำ
แม้กระทั่งหลังคาบ้านรั่วก็ต้องปีนขึ้นไปซ่อม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สามีบ้านอื่นทำ แต่สำหรับบ้านตระกระกูลหวังเป็นเรื่องที่ลูกสะใภ้จะต้องทำ
ใครจะสนล่ะว่าอันตรายหรือเปล่า?
ถ้าหากพลาดท่าเสียชีวิตก็ถือเป็นโชคชะตา
แต่คนตรงหน้ากลับกลัวว่าเธอจะมีอันตราย
เฉินจื่ออันตื่นตระหนกเมื่อเห็นแววตาแดงก่ำของซูหม่านซิ่ว ทั้งท่าทางยังดูเหมือนจะร้องไห้ออกมาด้วย
เขารีบโยนพุทธาในมือทิ้งทันที แล้วโดดลงจากต้นไม้ก่อนดึงมือซูหม่านซิ่วไว้
ชายหนุ่มพูดอย่างกังวลใจ “เกิดอะไรขึ้น? หนามต้นพุทราตำมือคุณใช่ไหม?”
น้ำตาของซูหม่านซิ่วไหลรินออกอย่างสิ้นหวัง หลังจากได้ยินเสียงเจือความกังวลของอีกฝ่าย
เธอรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำ หากแต่ยิ่งเช็ดน้ำตาก็ยิ่งไหล
“ซิ่วเอ๋อร์ คุณเป็นอะไรไป?” เฉินจื่ออันเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าทำไม
“ไม่เป็นไรค่ะหัวหน้าเฉิน แค่ว่า… แค่ว่าหลายปีที่ผ่านมา คุณเป็นคนแรกที่ห่วงใยฉัน” ซูหม่านซิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา
เฉินจื่ออันรู้สึกเศร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เธอพบเจอเรื่องใดมาบ้าง
ครอบครัวผู้เฒ่าหวังสมควรตายจริง ๆ คนดี ๆ แบบนี้ไม่รู้จักหวงแหนเอาไว้ ทั้งยังทารุณเธอสารพัด
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวและดึงซูหม่านซิ่วมากอดเอาไว้ในอ้อมแขน
หญิงสาวไม่ทันระวังจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แผ่นอกกว้างเต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนสัมผัสถึงอัตราการเต้นหัวใจของผู้เป็นเจ้าของ
แต่เธอกลับรู้ดีว่าไม่สมควรเป็นเช่นนี้
ราวกับว่าถูกหนามทิ่มแทง ซูหม่านซิ่วรีบผลักเฉินจื่ออันออกไปทันที
ชายหนุ่มมองดูคนในอ้อมแขนดีดตัวหนีออกห่าง พอรู้สึกถึงความว่างเปล่าเขาก็พลันผิดหวัง
มันยากที่จะซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้ ทว่าเขาทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเสียแล้ว
“หม่านซิ่ว เมื่อครู่มันอยู่เหนือการควบคุม…”
“หัวหน้าเฉิน…” ซูหม่านซิ่วรู้สึกผิดและเขินอาย ใบหน้าจึงแดงก่ำ
เธอไม่ได้โกธรที่ใกล้ชิดกับชายตรงหน้าอย่างกะทันหัน เธอแค่รู้สึกเขินอายเท่านั้น
“อย่าเรียกผมว่าหัวหน้าเฉินเลย จากนี้ไปเรียกว่าจื่ออันก็พอแล้ว เรียกหัวหน้าเฉินมันดูแปลก ๆ” เฉินจื่ออันมองซูหม่านซิ่วอย่างระมัดระวัง
เขาเพิ่งจะใจร้อนไป แต่ตอนนี้กังวลว่าซูหม่านซิ่วจะโกรธแทนเสียแล้ว ถึงกับคิดด้วยว่าถ้าถูกเธอตบขึ้นมาจะทำอย่างไร?
โชคดีที่ซูหม่านซิ่วไม่แสดงท่าทีโกรธเคือง แต่แค่หน้าแดงเท่านั้น
“แบบนี้ไม่ดีเลย…”
“ไม่มีอะไรไม่ดีหรอกนะ” เฉินจื่ออันขัดจังหวะ
“แต่พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น!” ซูหม่านซิ่วกล่าวอีกครั้ง
แม้แต่ตัวเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วพูดประโยคนี้ออกมาได้อย่างไร?
ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบไหน?
เธอกำลังคาดหวังอะไร? หรือมีความหมายแฝง?
“ซิ่วเอ๋อร์ ระหว่างทางที่ผมไปทำงานเมื่อเช้านี้มีคนถามถึงคุณด้วย เขาคิดจะเป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้คุณ” เฉินจื่ออันลองเชิงอย่างระมัดระวัง
ซูหม่านซิ่วเงยหน้าขึ้นมอง มีคนอยากเป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้?
และยังถามเฉินจื่ออันด้วย?
ทันใดนั้นเธอก็เป็นกังวล สงสัยว่าตนควรถามหรือเปล่าว่าเฉินจื่ออันตอบอย่างไร
ไม่รู้จริง ๆ ว่าตนเองกำลังรอคำตอบจากเฉินจื่ออันหรือเปล่า
“ผมบอกว่าคุณเป็นคู่หมั้นของผม!”
พอพูดแบบนี้ชายหนุ่มก็กลัวจริง ๆ ว่าบุ้งกี๋ในมือของหญิงสาวจะลอยมากระแทกหน้าตน
แต่เฉินจื่ออันพูดไปแบบนั้นจริง ๆ พอได้ยินว่ามีคนจะเป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้ซูหม่านซิ่ว เขาก็ร้อนใจมาก
เพราะกลัวว่าผู้หญิงที่ขยันขันแข็งผู้นี้จะถูกคนแย่งเอาไป
แล้วก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไรกันที่สายตาคอยแต่จับจ้องไปที่เธอ ทุกวันนี้พอเลิกงานกลับมาก็มองดูร่างนั้นวุ่นวายอยู่ในลานบ้านบ้าง ในครัวบ้าง หัวใจพลันอุ่นวาบ
แม้ว่าเขาจะชอบกลับบ้าน แต่ทุกวันก็คิดแค่รีบ ๆ กลับไปเท่านั้น
แม้แต่คนในกองยังพูดเลยว่าช่วงนี้เขาเปลี่ยนไปมาก ไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้เลย
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะมีผู้หญิงเพิ่มเข้ามาในครอบครัวเพียงคนเดียว
หลังจากใช้ชีวิตเป็นโสดมานานหลายปี เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเพราะช่วยซูหม่านซิ่ว
แต่ซูหม่านซิ่วไม่ได้สังเกตถึงท่าทางเหล่านั้นของชายตรงหน้า และรู้สึกถึงเสียงหึ่ง ๆ ในใจเท่านั้น
เธอเพิ่งได้ยินอะไรมา? หัวหน้าเฉินบอกว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขา?
หูฝาดหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร?
หัวหน้าเฉินเป็นหัวหน้าใหญ่ของอำเภอ ส่วนเธอเป็นคนบ้านนอกขาจุ่มโคลน แล้วก็เป็นผู้หญิงที่ถูกสามีปฏิเสธเพราะไม่สามารถมีลูกได้
พอคิดถึงเรื่องมีลูก ซูหม่านซิ่วก็รู้สึกกระวนกระวายจนจิตใจไม่อาจสงบนิ่ง
ไม่ เธอจะเป็นตัวถ่วงของหัวหน้าเฉินไม่ได้
“หัวหน้าเฉิน ฉันไม่คู่ควรหรอกค่ะ!”
น้ำเสียงของซูหม่านซิ่วขมขื่น และยกฝ่ามือปิดหน้า
เฉินจื่ออันเป็นผู้ชายที่ดี เธอสามารถสัมผัสมันได้
ช่วงนี้เธอทุ่มเททุ่มใจช่วยเฉินจื่ออันดูแลทุกอย่างในครอบครัว
แต่เธอไม่กล้าคิดเกินเลย ไม่กล้าจะเดินไปด้วยกันให้ถึงจุดนั้นกับเฉินจื่ออัน
ครั้นได้ยินคำว่า ‘ไม่คู่ควร’ สามคำนี้ออกจากปากของอีกฝ่าย หัวใจของเฉินจื่ออันก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว
ซูหม่านซิ่วบอกว่าเธอไม่คู่ควร!
ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้มีอะไรไม่คู่ควร?
“หม่านซิ่ว คุณเป็นผู้หญิงที่ขยันขันแข็ง ไม่มีอะไรไม่คู่ควรเลย!” เฉินจื่ออันเห็นซูหม่านซิ่วทำท่าจะหนี จึงเอื้อมมือไปรั้งเธอไว้
“ฉันไม่คู่ควร ผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้ไม่คู่ควรหรอก!” แขนของหญิงสาถูกดึงรั้งเอาไว้ น้ำตาไหลนองอาบแก้ม แล้วมองชายหนุ่มอย่างดื้อดึง “ฉันมีลูกไม่ได้ ฉันไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ!”
มันคือสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด แต่ตอนนี้ต้องพูดมันออกไป
“ผมไม่สน” เฉินจื่ออันก็ดื้อดึงเช่นกัน
“แต่ฉันสน!”
“ซิ่วเอ๋อร์ ผมไม่ได้วางแผนจะหาผู้หญิงที่มีลูกได้ แค่คุณปรากฏตัวขึ้นวันนั้น ผมก็ชอบคุณแล้ว แต่เพิ่งจะแสดงท่าทีในวันนี้ ต่อให้มีลูกได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญ!”
อันที่จริงเขาไม่ได้วางแผนจะแต่งงานมีลูก คิดแค่จะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต
แล้วจู่ ๆ ซูหม่านซิ่วก็พุ่งพรวดเข้ามาในชีวิต ทำให้เขาเห็นด้านดีของเธอ จึงคิดหาใครสักคนมาใช้ชีวิตด้วยกัน
“แต่ฉันเคยแต่งงานแล้ว!”
“เคยแต่งงานแล้วอย่างไรล่ะ? ผมก็เคยแต่งมาก่อน” เสียงของเฉินจื่ออันดังขึ้นกว่าเดิม
ซูหม่านซิ่วตกตะลึง เธอไม่ค่อยรู้เรื่องของอีกฝ่ายมากนัก จู่ ๆ ก็ได้ยินว่าเขาเคยแต่งงานมาแล้วจึงเกิดความมึนงง
เคยแต่งงานแล้ว แต่ยังมาหยอกเย้าเธอเหรอ?
หรือเห็นว่าเธอเป็นคนที่เคยหย่าแล้ว เลยจะมาหาผลประโยชน์?
“คุณมีภรรยาแล้ว ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง!” ผู้หญิงที่อ่อนแอจะถูกประณาม มันหนักหนาจนพูดไม่ออก
“ผมไม่มีแล้ว”
ไม่มีแล้ว? หมายถึงอะไร? ซูหม่านซิ่วมองเฉินจื่ออันอย่างสงสัย
“ตอนที่ผมเป็นทหารเมื่อสองสามปีก่อน มีครั้งหนึ่งที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บ แล้วก็ไม่รู้เป็นมาอย่างไร ข่าวแพร่ไปถึงที่บ้านว่าผมเสียสละในหน้าที่ แล้วภรรยาก็… โอ้ ภรรยาเก่าก็ทนไม่ได้เลยแต่งงานใหม่”
ตอนที่เฉินจื่ออันพูดเรื่องนี้ เขานิ่งสงบราวกับกำลังพูดเรื่องของคนอื่นอยู่ ไม่ได้รับผลกระทบอะไร
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพอเขากลับถึงบ้านในตอนแรก พลันเห็นผู้หญิงท้องโตกับชายอื่นหัวร่อต่อกระซิกด้วยกัน หัวใจรู้สึกเจ็บปวด
แต่ความรู้สึกเสียใจนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และไม่นานก็หายไป
แม้แต่เขาก็ยังอวยพรให้กับคนทั้งสอง
แต่ซูหม่านซิ่วกลับคิดว่าเขายังเสียใจอยู่แน่ ๆ เพราะสุดท้ายแล้ว อย่างไรเสียภรรยาก็แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว ในฐานะสามีก็ทนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
พวกเราต่างเห็นอกเห็นใจกันจริง ๆ!
“แต่คุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ มีผู้หญิงตั้งมากในอำเภอ คุณจะหาใครสักคนก็ได้ จะได้สงบสุขไปชั่วชีวิต” ซูหม่านซิ่วก้มหน้า
“แต่ผมชอบคุณ!”
เพียงประโยคเดียวทำเอาซูหม่านซิ่วถึงกับหูเหอแดง หัวใจที่เดิมคิดว่าตายไปแล้วพลันกระสับกระส่ายกระวนกระวาย
“ฉันไม่มีค่าพอให้คุณชอบหรอกค่ะ!”
“คุณมี!” เฉินจื่ออันพูดอย่างหนักแน่น
“แต่ฉันมีลูกไม่ได้!”
พอเฉินจื่ออันได้ยินก็อยากกลอกตา หากแต่ไม่ได้ทำ
ชายหนุ่มวางมือบนไหล่หญิงสาว ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองดวงตาของเขาก่อนเขาจะเอ่ยขึ้น “ไม่มีลูกก็ไม่เห็นสำคัญอะไร ถ้าคุณชอบเด็ก รอทุกอย่างลงตัวพวกเราค่อยไปรับเด็กมาเลี้ยงกัน เลี้ยงตั้งแต่เด็กจนโตก็เหมือนกันนั่นล่ะ!”
น้ำตาของซูหม่านซิ่วไหลลงมาอีกครั้ง เฉินจื่ออันเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน